ย้อนรอย 40 วันโศกนาฏกรรมลูกหลานศาสดาอิสลาม

2316

ครบรอบสี่สิบวันจากการถูกสังหารของอิม่ามฮูเซน บุตรอิม่ามอาลี

โดยเชค อับดุลญะวาด สว่างวรรณ

 
Θ ท่านนะบีมุฮัมมัด (ศ)วะฟาต(เสียชีวิต)ในปีฮ.ศ.ที่11 ห้าสิบปีต่อมาคือในปีฮ.ศ.ที่ 61  บรรดามุสลิมที่เมืองชาม(ในอดีตรวมถึงซีเรีย,จอร์แดน,ปาเลสไตน์)กลับลืมเสียแล้วว่า ใครคืออาลิมุฮัมมัด (วงศ์วานลูกหลานของท่านนะบีฯ)ท่านอิมามฮูเซนถูกสังหารข้อหากบฏต่อกษัตริย์ยาซีด
ลูกหลานศาสดาที่รอดชีวิตตกเป็นเชลยศึกส่งไปให้ยาซีด
Θ เมื่อเชลยอาลิมุฮัมมัด (ลูกหลานศาสดา)เดินทางมาถึงเมืองดามัสกัส ซีเรีย  ประชาชนชาวชามที่นั่นได้โห่ร้องประณามอาลิมุฮัมมัด เอาก้อนหินขว้างปาใส่กองคาราวานเชลยศึก
มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้าด่าว่าอิมามซัยนุลอาบิดีนต่างๆนานา ตามที่ท่านอัซ-ซุดดีรายงานจากท่านอบี อัด-ดัยลัมเล่าว่า :
لَمَّا جِيْءَ بِعَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَسِيْراً، فَأُقِيْمَ عَلَى دَرَجِ دِمَشْق، قَامَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ الشَّامِ فَقَالَ : اَلْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِيْ قَتَلَكُمْ وَاسْتَأْصَلَكُمْ، وَقَطَعَ قَرْنَ الْفِتْنَةِ، فَقَالَ لَهُ عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ : أَقَرَأْتَ الْقُرْآنَ ؟  قَالَ: نَعَمْ، قَالَ: أَقَرَأْتَ آلَ حم ؟  قَالَ : قَرَأْتُ الْقُرْآنَ وَلَمْ أَقْرَأْ آلَ حم ؟   قَالَ : مَا قَرَأْتَ : { قُل لاَّ أَسْـئَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْراً إِلاَّ ٱلْمَوَدَّةَ فِى ٱلْقُرْبَىٰ }  قَالَ : وَإِنَّكُمْ لَأَنْتُمْ هُمْ ؟   قَالَ : نَعَمْ .

ตอนที่ท่านอะลี (ซัยนุลอาบิดีน)บุตรชายท่านฮูเซนถูกคุมตัวเป็นเชลยมายืนอยู่ที่ถนนเมืองดามัสกัส
มีชายชาวเมืองซีเรียคนหนึ่งด่าท่านว่า  :  ขอบคุณอัลลอฮ์ที่ทรงสังหารพวกเจ้าและตัดเขาแห่งความวุ่นวาย
ท่านอะลี บุตรฮูเซนได้ถามชายชาวเมืองซีเรียคนนั้นว่า   :  ท่านเคยอ่านอัลกุรอ่านบ้างไหม ?
ชายชาวเมืองซีเรีย :  เคยอ่านสิ
ท่านอะลี บุตรฮูเซน :  แล้วท่านเคยอ่านซูเราะฮ์อัชชูรอ(บทที่43)บ้างไหม
ชายชาวเมืองซีเรีย   :   ฉันเคยอ่านอัลกุรอ่าน แต่ไม่เคยอ่านซูเราะฮ์อัชชูรอ
ท่านอะลี บุตรฮูเซน  :  ท่านคงไม่เคยอ่านโองการที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
۞ จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัดต่อมุสลิมทั้งหลายว่า) ฉันไม่ขอค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการประกาศอิสลามนี้ ยกเว้น ให้แสดงความรักต่อญาติสนิท ) ۞ นี้ใช่ไหม ?
ชายชาวเมืองซีเรียถามว่า   :  พวกท่านคือกุรบา(ญาติสนิท)ของท่านศาสดามุฮัมมัดกระนั้นหรือ ?
ท่านอะลี บุตรฮูเซน ตอบว่า  :   ใช่แล้ว
►ตัฟสีรอัต-ต็อบรี   อิบนุ ญะรีร เล่ม 21 หน้า 528  ดูบทอัช-ชูรอ : 23
ตัฟสีรอิบนุ กะษีร   เล่ม 7 หน้า 200  ดูบทอัช-ชูรอ : 23  สายรายงานเชื่อถือได้

10805550_766865523387674_7642330983346418604_n

Θ กษัตริย์ยาซีดขึ้นนั่งบัลลังค์กลางท้องพระโรง   ศรีษะอิม่ามฮูเซน หลานชายท่านนะบีถูกนำมาวางตรงหน้า  ยาซีดใช้ไม้ตีที่ฟันอิม่ามฮูเซนพลางรายกลอนว่า
لَيْتَ اَشْياخى بِبَدرٍ شَهِدُوا    جَزَعَ الْخَزْرَجِ مِنْ وَقْعِ الاسَلْ

ข้า อยากให้บรรพบุรุษข้า(อุตบะฮ์)ที่ตายในบาดัรได้เห็นจังเลย และให้พวกคอซรอซ(ที่เป็นฝ่ายศาสดา)ได้เจ็บปวดจากเชลยเหล่านี้   มันเท่าเทียมกันแล้วกับที่พวกเจ้าได้สังหารปู่ทวดของข้าในสงครามบาดัรและอุฮุด
لَعِبَتْ هاشِمُ بِالْمُلْكِ فَلا      خَبَر جاءَ وَ لا وَحْيٌ نَزَلْ

พวกฮาชิมได้เล่นกับอำนาจโดยเอาอิสลามบังหน้า  ที่จริงไม่มีวะฮีใดๆถูกประทานลงมาหรอก
لَسْتُ مِنْ خِنْدِفَ انْ لَمْ اَنْتَقِمْ        مِن بَنى اَحْمَدَ ما كانَ فَعَلْ

ข้าคงไม่ใช่ลูกหลานคินดิ๊ฟ หากข้าไม่ได้ล้างแค้นกับลูกหลานมุฮัมมัด ต่อสิ่งที่มุฮัมมัดได้สังหารบรรพบุรุษข้าไว้ในอดีต

Θ ท่านหญิงซัยนับ บุตรีท่านอิม่ามอาลีลุกขึ้นโต้ตอบยาซีดว่า  อัลลอฮ์ ตะอาลาตรัสว่า
وَلَا يَحْسَبَنَّ الَّذِينَ كَفَرُوا أَنَّمَا نُمْلِي لَهُمْ خَيْرٌ لِأَنْفُسِهِمْ إِنَّمَا نُمْلِي لَهُمْ لِيَزْدَادُوا إِثْمًا وَلَهُمْ عَذَابٌ مُهِينٌ

บรรดากาเฟรทั้งหลาย  จงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า ที่เราประวิงให้แก่พวกเขานั้นเป็นการดีแก่ตัวของพวกเขาแท้จริงที่เราประวิง ให้แก่พวกเขานั้น ก็เพื่อให้พวกเขาได้เพิ่มพูนกุน่าฮ์บาปกรรมเท่านั้น และสำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันต่ำช้า
وَلَا تَحْسَبَنَّ الَّذِينَ قُتِلُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ أَمْوَاتًا بَلْ أَحْيَاءٌ عِنْدَ رَبِّهِمْ يُرْزَقُونَ

เจ้า จงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า บรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮ์นั้นตาย มิได้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ
►ท่านหญิงซัยนับถามยาซีดว่า
اَمِنَ الْعَدْلِ يَابْنَ الطُّلَقاءِ تَخْدِيْرُكَ حَرائِرَكَ وَاَمائَكَ وَ سُوقَكَ بَناتِ رَسُولِ اللّهِ سَبايا ؟
قَدْ هَتَكْتَ سُتُورَهُنَّ، وَ اَبْدَيْتَ وُجُوهَهُنَّ، تَحْدُو بِهِنَّ الاعْداءُ مِنْ بَلَدٍ الى بَلَدٍ
وَ حَسْبُكَ بِاللّهِ حاكِما، وَ بِمُحَمَّدٍ ص خَصيما وَ بِجَبْرَئيلَ ظَهيرا.
بِئْسَ لِلظّالِمينَ بَدَلاً وَأَيُّكُمْ شَرُّ مَكاناً وَ اَضْعَفُ جُنْدا

มัน คือความยุติธรรมกระนั้นหรือ ?  โอ้บุตรของทาส(ที่ท่านนะบี)ปล่อยให้เป็นอิสรภาพในวันพิชิตมักกะฮ์   การที่เจ้าเอาผ้าม่านคลุมภรรยา สตรีที่เป็นเครือญาติเจ้าและนางสนมของเจ้า
แต่ เจ้ากับลากจูงบรรดาสตรีที่เป็นลูกหลานของรอซูลุลลอฮ์ในสถาพเชลย   เจ้าฉีกผ้าคลุมของพวกนาง เจ้าให้ใบหน้าของพวกนางต้องปรากฏต่อหน้าบรรดาศัตรูอิสลาม จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง
เพียงพอแล้วสำหรับเจ้า ที่อัลลอฮ์และนะบีมุฮัมมัดจะเป็นคู่กรณีกับเจ้า และท่านญับรออีลจะเป็นศัตรูต่อต้านเจ้า
ช่าง ต่ำทรามยิ่งสำหรับบรรดาคนอธรรมทั้งหลาย  พวกเจ้าจะได้อยู่ในสถานที่อันเลวร้ายและกองทัพเจ้าช่างอ่อนแอที่สุด ( คือรังแกคนป่วย สตรีและเด็กๆที่ไม่ทีทางสู้)

Θยาซีดได้สั่งให้คอเต บประจำสำนักขึ้นมิมบัร ทำการประณามท่านอิม่ามฮูเซนและท่านอิม่ามอาลี จากนั้นคอเตบชั่วก็ได้ยกย่องสรรเสริญมุอาวียะฮ์และยาซีด

Θ อิม่ามซัยนุลอาบิดีน บินฮูเซน จึงตะโกนใส่คอเตบชั่วว่า
وَيْلَكَ اَيُّهَا الْخاطِبُ، اِشْتَرَيْتَ مَرْضاةَ الْمَخْلُوقِ بِسَخَطِ الْخالِقِ، فَتَبَوَّأْ مَقْعَدَكَ مِنَ النّارِ

โอ้ เจ้าคอเตบ ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด   ที่เจ้าได้ขายความพอใจของมนุษย์เยี่ยงยาซีด กับความพิโรธของอัลเลาะฮ์  เจ้าจงเตรียมตัวลงนรกเถิด
ท่ามกลางความสับสนของผู้คนที่เฝ้ามองดู อยู่ในท้องพระโรงอย่างหนาแน่นกับเชลยศึกกลุ่มนี้  อิม่ามซัยนุลอาบิดีนได้ฉวยโอกาสเปิดเผยความจริงว่า  ท่านเป็นใคร
อิม่ามซัยนุลอาบิดีนหันไปบอกกับยาซีดว่า  ฉันต้องการขึ้นมิมบัรปราศรัย  ยาซีดยินยอมให้บุตรชายอิม่ามฮูเซนขึ้นไปอย่างไม่พอใจนัก
อิม่ามซัยนุลอาบิดีนได้ทำการสรรเสริญอัลลอฮ์และซอลาวาตต่อท่านนะบี  จากนั้นกล่าวว่า
أيها الناس أنا ابنُ مكة ومنى، أنا ابنُ المروة والصفا، أنا ابنُ محمد المصطفى أنا ابنُ علي المرتضى، أنا ابنُ فاطمة الزهراء  أنا ابنُ ذبيحُ كربلاء أنا ابنُ الْمَجزُوزِ الرأسِ مِنَ القِفاَ

โอ้ประชาชนทั้งหลาย  ฉันคือบุตรของมักกะฮ์และมีนา  ฉันคือบุตรของมัรวะฮ์และซ่อฟา  ฉันคือบุตรของมุฮัมมัด มุศตอฟา  ฉันคือบุตรของอะลี มุรตะฎอ ฉันคือบุตรของฟาติมะฮ์ ซะฮ์รอ
ฉันคือบุตรของผู้ถูกสังหารที่แผ่นดินกัรบาลา  และฉันคือบุตรของผู้ถูกตัดศรีษะที่วางอยู่ตรงนี้…
สิ้นสุดคำพูดท่านอิม่ามซัยนุลอาบิดีนได้ร้องไห้ออกมา
ส่วนประชาชนพอได้ยินเช่นนั้นทุกคนในท้องพระโรงต่างส่งเสียงร้องไห้โฮออกมา
ยา ซีดแลเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก เขาจึงรีบตัดบทมิให้อิม่ามซัยนุลอาบิดีนประจานเขาได้อีก โดยสั่งมุอัซซินให้ทำการอาซาน    เมื่อมุอัซซิน อาซานว่า
“ อัลลอฮุอักบัร “   ท่านอิม่ามฯกล่าวว่า  ใช่แล้ว ไม่มีสิ่งใดใหญ่เกินอัลเลาะฮ์
พอมุอัซซินกล่าวว่า
“ อัชฮะดุ อันลาอิลาฮะ อิลัลลอฮ์ “  อิม่ามฯกล่าวว่า ข้าขอปฏิญาณตนตามที่เขากล่าวสิ่งนั้น
เมื่อมุอัซซินกล่าวว่า
อัชฮะดุ อันนะ  มุฮัมมะดัน รอซูลุลลอฮ์  อิม่ามฯกล่าวว่า
يا يَزِيْدُ هذا جَدِّي أو جَدُّكَ ؟ فإن قُلتَ جدُّكَ فقد كَذِبْتَ، وإن قُلتَ جَدِّيْ فَلِمَ قَتَلْتَ أَبِي وسَبَيْتَ حَرَمَهُ وَسَبَيْتَنِيْ ؟

โอ้ยาซีด  ! มุฮัมมัดคนนี้คือ ปู่ของฉัน  หรือ  ปู่ของเจ้า  ?
หากเจ้าบอกว่า  เขาคือ ปู่ของเจ้า  แน่นอนเจ้าคือคนโกหก
และ หากเจ้าบอกว่า   เขาคือปู่ของฉัน  ขอถามเจ้าว่า ทำไมเจ้าต้องสังหารบิดาของฉันด้วย  ทำไมเจ้าจึงจับครอบครัวฉันเป็นเชลย และทำไมเจ้าจึงจับฉันเป็นเชลย ?
ท่านอิม่ามซัยนุลอาบิดีนหันไปกล่าวกับประชาชนว่า
معاشِرَ الناس هَل فِيكُم مَن أَبُوهُ وجَدُّهُ رسولُ الله  ؟

โอ้ท่านทั้งหลาย  มีใครในหมู่พวกท่านไหม ที่บิดาของเขาและปู่ของเขาคือท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ)
คำถามนี้ทำให้ผู้คนในท้องพระโรงส่งเสียงร้องไห้ดังลั่นออกมา

 

10846321_766865933387633_2854659307538627087_n

 

Θยา ซีดโมโหมากที่ถูกอิม่ามซัยนุลอาบิดีนและท่านหญิงซัยนับฉีกหน้า  เขาจึงออกคำสั่งให้ทหารคุมตัวอาลิมุฮัมมัดไปกักขังไว้ที่คิรบะตุชช่าม ( เรือนจำ ) ไม่มีหลังคากันร้อนกันหนาว ใบหน้าของอาลิมุฮัมมัดไหม้เกรียมในยามกลางวัน   พวกถูกขังไว้ที่นี่สามวัน

Θ คืนหนึ่งรุกอยยะฮ์ บุตรสาวอิม่ามฮุเซน วัยสามขวบหลับอยู่และฝันเห็นพ่อที่เรือนจำหลังนี้  จึงตื่นมาร้องหาพ่อ  ท่านหญิงซัยนับและบรรดาสตรีช่วยกันปลอบเท่าไรก็ไม่หยุดร้อง  ทุกคนในเรือนจำจึงพากันสงสารเด็กและส่งเสียงร้องไห้ไปตามๆกัน  เสียงร้องไห้ดังไปถึงหูของยาซีดที่กำลังบรรทมอยู่บนที่นอนอันอ่อนนุ่มในวัง   เขาเรียกทหารมาสอบถาม ได้ความว่า  เด็กน้อยรุกอยยะฮ์ร้องไห้คิดถึงพ่อ   ยาซีดจึงสั่งทหารให้เอาศรีษะอิม่ามฮูเซนใส่ถาดและเอาผ้าปิดคลุมไปให้เด็กเสียเลย นางจะได้หยุดร้องเสียที   เมื่อทหารนำถาดมาวาง หนูน้อยรุกอยยะฮ์จึงเปิดผ้าออกพอเห็นศรีษะบิดา นางก็ร้องไห้จนเป็นลมหมดสติ จนวิญญาณหลุดจากร่างไป

Θ ยาซีดกักขังเชลยอาลิมุฮัมมัดไว้ที่ดามัสกัสได้ไม่นานนัก   ก็เกรงว่าจะเกิดฟิตนะฮ์(ความไม่สงบขึ้น) เพราะคำปราศัยของท่านหญิงซัยนับและอิม่ามซัยนุลอาบิดีนได้ปฏิวัติความคิดใน หมู่ประชาชนจนโจษขานกันว่า พวกอุมัยยะฮ์โกหกว่าเชลยคือค่อวาริจญ์  แต่ที่จริงพวกเขาคืออาลิมุฮัมมัด
ประชาชนทั้งใกล้และไกลเริ่มออกมา ประท้วง ต่อต้านการกระทำของยาซีด ยาซีดจึงเห็นว่าต้องรีบส่งตัวอาลิมุฮัมมัดกลับไปยังนครมะดีนะฮ์บ้านเกิดของ พวกเขา เพื่อตนเองจะได้รอดตัวจากกรรมที่เขาก่อไว้

Θ ก่อนยาซีดจะปล่อยอาลิมุฮัมมัดกลับนครมะดีนะฮ์  ยาซีดได้เอาผ้าไหมอย่างดี รวมทั้งทรัพย์สินเงินทองมากมายมาให้อาลิมุฮัมมัดเป็นการชดเชยกับการที่เขา สังหารอิม่ามฮูเซนรวมทั้งสิ่งที่ทหารยาซีดได้ฉกชิงสิ่งของไปจากอาลิมุฮัมมัด
ท่านหญิงซัยนับได้กล่าวกับยาซีดว่า
مَا أَقَلُّ حَياَئِكَ  تَقْتُلُ أَخِيْ وَأَهْلَ بَيْتِيْ وَتُعْطِيْنِيْ عَوَضَهُمْ

เจ้าช่างมีความละอายน้อยเสียเหลือเกิน  เจ้าสังหารพี่ชายฉันและครอบครัวของฉัน แล้วเจ้าจะเอาทรัพย์นี้มาทดแทนให้ฉันกระนั้นหรือ ?

Θ เมื่อเชลยศึกอาลิมุฮัมมัดออกจากเมืองชามไปนครมะดีนะฮ์  เชลยศึกเดินทางมาถึงประเทศอิรัก
อาลิมุฮัมมัดกล่าวกับนุอ์มาน บินบาชีรคนคุมกองคาราวานตามคำสั่งยาซีดว่า  :
“จง พาเราผ่านไปทางกัรบาลา   พวกเขาเดินทางมาถึงกัตสถานที่อิม่ามฮุเซนถูกสังหาร  บังเอิญได้พบกับซอฮาบะฮ์ชื่อ ท่านญาบิรบินอับดุลลอฮ์รวมทั้งบนีฮาชิมกลุ่มหนึ่งด้วย  พวกเขาเดินทางจากนครมะดีนะฮ์มาที่นี่เพื่อซิยารัตสุสานอิม่ามฮูเซน
ทั้งสองฝ่ายเจอกันในเวลาเดียวกัน จึงร่วมกันร้องไห้และจัดมัจลิสมุซีบัตและทำการมะตั่มอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นก็เข้ามาร่วมด้วย  พวกเขาได้จัดพิธีกรรมไว้ทุกข์ให้กับอิม่ามฮูเซนเป็นเวลาหลายวัน

Θ ท่านหญิงซัยนับรำพันที่ข้างหลุมว่า  “โอ้พี่ฮูเซน ก่อนพี่จะจากน้องไป พี่ได้สั่งเสียให้น้องดูแลรุกอยยะฮ์ให้ดี น้องละอายใจเหลือเกิน บัดนี้น้องกลับต้องมาบอกพี่ว่า รุกอยยะฮ์เสียชีวิตแล้ว  อาลิมุฮัมมัดร่ำร้องไม่หยุดอยู่ที่หลุมอิม่ามฮุเซน
จนอิม่ามซัยนุลอาบิดีนเกรงว่า  พวกเขาเหล่านี้คงต้องเสียชีวิตแน่จึงสั่งให้เคลื่อนกองคาราวาน

Θ เชลยอาลิมุฮัมมัดมุ่งหน้ากลับสู่นครมะดีนะฮ์   พอใกล้ถึงตัวเมือง   อิม่ามซัยนุลอาบิดีนสั่งให้กองคาราวานหยุดลงและตั้งกระโจมพักนอกเมือง
อิม่ามซัยนุลสั่งบาชีรบินญุซลัม ซึ่งเป็นนักกวีว่า
اُدْخُلِ الْمَدِيْنَةَ وَانْعِ أَباَ عَبْدِ الله (ع)

จงเข้าไปประกาศข่าวในเมืองว่า   อบาอับดิลลาฮิลฮูเซน  เสียชีวิตแล้ว
บาชีรควบม้าเข้าเมืองมะดีนะฮ์ไปจนมาถึงหน้ามัสยิดินนะบี    เขาประกาศก้องด้วยน้ำตาว่า
يَا أَهْلَ يَثْرِبَ لاَ مُقَامَ لَكُمْ بِهَا قُتِلَ الْحُسَيْنُ فَأَدْمُعِي مِدْرَارُ
أَلْجِسْمُ مِنْهُ بِكَرْبَلاَءَ مُضَرَّجٌ وِالرَّأْسُ مِنْهُ عَلَى الْقَنَاةِ يُدَارُ

โอ้ชาวมะดีนะฮ์เอ๋ย  ต่อไปนี้มะดีนะฮ์ไม่ใช่ที่สำหรับพวกท่านอีกต่อไปแล้ว
อิม่ามฮูเซนถูกสังหารเสียแล้ว   น้ำตาของฉันยังไหลไม่หยุดเลย
ร่างของฮูเซน  แหลกเป็นชิ้นๆที่กัรบาลา  ส่วนศรีษะเขาเสียบอยู่ที่ปลายหอกแห่วนเวียนไปทั่วแผ่นดิน
ประชาชนต่างเข้ารุมล้อมตัวบาชีร  พวกเขาถามหาอาลิมุฮัมมัดว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ?
พอบาชีรตอบว่า พักอยู่ที่หน้าเมืองมะดีนะฮ์   พอชาวเมืองรู้ว่าอะฮ์ลุลบัยต์พักอยู่นอกเมืองทุกคนต่างรีบมุ่งหน้าออกไปหาทันที
ชาว มะดีนะฮ์ต่างออกมาตามหาอาลิมุฮัมมัด พบกระโจมปักอยู่ พวกเขาเดินเข้าไปพบอิม่ามซัยนุลอาบิดีนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีบรรดาสตรีและเด็กนั่งรวมอยู่ด้วย
อิม่ามอยู่ในสภาพน้ำตาไหลพราก เอามือเช็ดน้ำตา ซึ่งไหลไม่หยุด  ชาวมะดีนะฮ์ทั้งหมดจ้องมองไปที่อิม่ามซัยนุลอาบิดีนต่างส่งเสียงร้องไห้ออก มาดังลั่นไปทั่วสารทิศ

Θ อิม่ามซัยนุลอาบิดีน ยกมือส่งสัญญาณให้พวกเขานิ่งเงียบลง แล้วท่านได้ปราศัยว่า
الحمد لله رب العالمين، الرحمن الرحيم، مالك يوم الدين، باريء الخلق اجمعين

อัลฮัมดุลิลลาฮิ ร็อบิลอาละมีน  อัลเราะห์มานิรเราะฮีม  มาลิกิเยามิดดีน   ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย…
ايها الناس: ان الله وله الحمد ابتلانا بمصائب، وثُلم الاسلام ثلمة عظيمة،

โอ้ ประชาชนทั้งหลาย  แท้จริงการสรรเสริญทั้งมวลคือสิทธิของอัลเลาะฮ์ ทรงทดสอบพวกเราด้วยมุซีบัตต่างๆมากมาย   อิสลามได้แตกร้าวลง อันเป็นรอยร้าวที่ยิ่งใหญ่
قُتل ابو عبد الله الحسين عليه السلام، وعترته، وسُبيت نساءه، وصبيته

ท่านอบู อับดุลเลาะฮ์  อัลฮูเซน อะลัยฮิสลามถูกสังหารเสียแล้ว และอิตเราะฮ์ของเขาด้วย ส่วนบรรดาสตรีของเขาและลูกหลานของเขาตกเป็นเชลยศึก
พวกทหารยาซีดนำศรีษะฮูเซนเสียบไว้ที่ปลายหอก แล้วพาเวียนไปทั่วหัวเมืองต่างๆ
وهذه رَزِيَّةُ الَّتِي لاَ مِثْلَهاَ رِزِيَّةٌ

และร่อซียะฮ์(ความวิปโยค)นี้  จะไม่มีร่อซียะฮ์ใดเหมือนมันอีกเลย
عَنْ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ : أَنَّهُمْ حِيْنَ قَدَمُوْا الْمَدِيْنَةَ مِنْ عِنْدَ يَزِيْدِ بْنِ مُعَاوِيَّة مَقْتَلِ الْحُسَيْنِ ابْنِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عنهما لَقِِيَهُ الْمِسْوَرُ بْنُ مخرمة فَقَالَ لَهُ هَلْ لَكَ إِلَيَّ مِنْ حَاجَةٍ تَأْمُرُنِيْ بِهَا قَالَ فَقُلْتُ لَهُ لاَ

ท่าน อะลี บุตรฮูเซน เล่าว่า  : เมื่อพวกท่านเข้ามาที่เมืองมะดีนะฮ์ จากกษัตริย์ยะซีด(ที่ส่งตัวกลับมาหลังจากที่)ท่านฮูเซน บินอะลีถูกสังหาร
อัล มิสวัร บินมัคร่อมะฮ์ได้เข้ามาพบท่านแล้วกล่าวกับท่านว่า  ท่านมีความเดือดร้อนอันใดที่จะให้ข้าพเจ้าช่วยเหลือไหม โปรดสั่งข้าพเจ้าให้ทำสิ่งนั้นเถิด   ท่านอะลี บิน ฮูเซนกล่าวกับเขาว่า  ไม่มี….
สถานะหะดีษ  : ซอฮิ๊ฮ์  ดูซอฮีฮุอบีดาวูด  หะดีษที่ 1821  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี

Θ พออาลิมุฮัมมัดเข้าสู่นครมะดีนะฮ์ บ้านเกิดของพวกเขา สิ่งแรกที่ท่านหญิงซัยนับวัย 55 ปีกระทำคือ
นางเดินตรงไปที่มัสยิดินนะบี  พอถึงมัสยิดนางจับขอบประตูมัสยิด พลางร้องตะโกนด้วยความทุกข์ระทมว่า
ياَ جَـدَّاهُ !  إِنِّيْ ناَعِـيَةٌ إِلَيْكَ أَخِي الْحُسَيْنُ

โอ้ตาจ๋า !  หนูนำข่าวการเป็นชะฮาดัตของพี่ฮูเซนกลับมาบอกตา
บัดนี้เองพวกทหารชามที่คุมอาลิมุฮัมมัดมาส่งจึงรับรู้ว่า  เชลยศึกเหล่านี้คือ  ลูกหลานของนบีมุฮัมมัด(ศ)นั่นเอง
น้ำ ตาซัยนับไม่เคยเหือดแห้งและไม่ยอมเลิกคร่ำครวญ  ทุกครั้งที่นางแลมองซัยนุลอาบิดีนหลายชาย  ความโศกเศร้าของนางก็หวลกลับมาใหม่อีกครา

Θ หลังจากท่านหญิงซํยนับทำอาลัยร่ำไห้ที่กุโบรท่านนะบีเสร็จ   นางเดินไปที่บ้านของอิม่ามฮูเซน  บ้านที่อิม่ามฮุเซนใช้เป็นที่นมาซ  ตอนรับแขกและเป็นที่พักพิงของคนยากจนขัดสนและเด็กกำพร้าทั้งหลาย
อิม่ามซัยนุลอาบิดีนและอาลิมุฮัมมัดได้จัดมัจลิสไว้อาลัยอยู่ในบ้านอิม่ามฮูเซน และเล่าเรื่องการถูกสังหารของอิม่ามฮูเซนให้ประชาชนรับฟัง

Θ อัมรูบินสะอีดอัลอัชดัก ผู้ปกครองเมืองมะดีนะฮ์เฝ้ามองการจัดมัจลิสบรรยายเรื่องราวของอิม่ามฮูเซน ต่อประชาชนว่ากำลังจะเกิดผลกระทบกระเทือนต่อบัลลังค์ราชวงศ์อุมัยยะฮ์
เขาจึงส่งสารไปรายงานต่อยาซีดที่ดามัสกัสให้รับรู้ถึงอันตรายของมัจลิสอาชูรอ
ยาซีดมีสารมายังอัมรูบินสะอีดว่า
จงเนรเทศซัยนับออกจากเมืองมะดีนะฮ์  ทำให้ ซัยนับเดินทางออกจากบ้านเกิดเป็นครั้งสุดท้ายจนนางมาเสียชีวิตที่ดินแดนซีเรีย.
อินนาลิลลาฮ์  วะอินนา  อิลัยฮิรอญิอูน.

ที่มา  สมาคมนักศึกษาไทยในอิหร่าน  http://goo.gl/Xu9Jhd