กันยายนปีนี้คล้ายเปิดบาดแผลเดิมของเลบานอนและภูมิภาค ตลอดปีที่ผ่านมา การสูญเสียถาโถมอย่างไม่หยุดยั้ง ถึงขั้นคร่าชีวิตผู้นำสำคัญที่สุดของขบวนการต่อต้าน “ซัยยิดฮะซัน นัศรัลลอฮ์” พร้อมพี่น้องร่วมรบอีกหลายคนที่ได้วางรากฐานและเสริมพลังให้การต่อสู้
เดือนกันยายนยังมีร่องรอยฝังลึกในความทรงจำ เมื่อปี 2024 ระหว่างวันที่ 17–18 ก.ย. เกิดเหตุระเบิดเพจเจอร์และอุปกรณ์ไร้สาย ที่ถูกมองว่าเป็นปฏิบัติการโหดเหี้ยมที่สุดครั้งหนึ่งของอิสราเอล ผลที่ตามมาคือการรุกรานครั้งใหญ่ ตั้งแต่ภาคใต้ เบก้าอ์ ดาฮียะฮ์ตอนใต้ ไปจนถึงกรุงเบรุต และหลายพื้นที่ทางเหนือของเลบานอน แต่แทนที่จะพ่ายแพ้ สิ่งที่โลกเห็นคือ ตำนานแห่งการยืนหยัด ของประชาชนและขบวนการ ที่ปฏิเสธการยอมจำนนแม้เผชิญไฟสงคราม
กันยายนยังเป็นเดือนแห่งความหมายเชิงสัญลักษณ์ สำหรับครอบครัวนัศรัลลอฮ์ มันไม่เพียงจารึกวันที่ 27 ก.ย. 2025 วันที่ผู้นำสูงสุดพลีชีพ แต่ยังย้อนถึง 12 ก.ย. 1997 วันที่ฮาดี บุตรชายของเขาเสียชีวิตร่วมกับทหารเลบานอนบนภูเขาอัรรอฟีอ์ เลือดของนักรบและทหารได้หลอมรวมกันจนเกิดสมการ “กองทัพ–ประชาชน–การต่อสู้” ที่กลายเป็นเสาหลักพลังของเลบานอน
ดร.อาลี ฮุมัยยะฮ์ นักวิจัยด้านยุทธศาสตร์ ย้ำว่า “การต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งเมื่อถูกกดดัน” เขามองว่า ขบวนการนี้เผชิญสิ่งที่แม้กองทัพมหาอำนาจก็รับไม่ไหว…ต่อสู้ทั้งกับอิสราเอลและกองเรือรบตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา แต่ก็ยังยืนหยัด “เรายังสามารถต่อสู้ และเราจะชนะอย่างแน่นอน” เขากล่าวหนักแน่น
ฮุมัยยะฮ์อธิบายว่า การต่อสู้ไม่ใช่เพียงการถืออาวุธ แต่คือ “การอ่าน วิเคราะห์ วิธีการ อุดมการณ์ ศรัทธา และหลักการที่ไม่มีวันพ่ายแพ้” เขาอ้างคำของอิมาด มุฆนียะฮ์ ผู้บัญชาการฮิซบุลเลาะห์ผู้ล่วงลับว่า “เราสู้ด้วยวิญญาณและอุดมการณ์ ไม่ใช่แค่อาวุธ”
แม้อิสราเอลจะอ้างชัยชนะเชิงยุทธวิธีในบางพื้นที่ แต่ในเชิงกลยุทธ์ ฮุมัยยะฮ์เห็นว่า นั่นคือ “การก้าวเข้าสู่ความมืดบอด” เพราะอิสราเอลไม่สามารถรับมือกับภูมิศาสตร์ที่พยายามยึดครอง ทั้งทางทหาร ความมั่นคง และประชากร เขายืนยันว่า “ศัตรูอิสราเอลต้องล่มสลายไม่ช้าก็เร็ว ขณะที่พลังของการต่อสู้คือความต่อเนื่องที่ไม่มีวันหยุด”
ในมุมมองของเขา อิสราเอลกำลังเผชิญ “คำสาปแปดทศวรรษ” เนทันยาฮูพยายามสร้างภาพตนเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่กว่าบรรพชน เป็นผู้ก่อตั้ง “อิสราเอลสมัยใหม่และมหาอิสราเอล” แต่ทั้งหมดนี้คือภาพลวง “สิ่งที่จะดำรงอยู่จริงคือขบวนการต่อสู้ ที่ยังคงเดินหน้าไปด้วยเลือดและวิญญาณของซัยยิดฮัสซัน นัศรัลลอฮ์ และบรรดาชะฮีด ตั้งแต่ซัยยิดฮาชิม ซอฟียุดดีน จนถึงสหายทุกคน” ฮุมัยยะฮ์กล่าวทิ้งท้าย