ในปัจจุบัน หากเราได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศซีเรียผ่านทางสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากสื่อโทรทัศน์ สื่อโซเชียลมีเดีย หรือหนังสือพิมพ์ เราจะทราบว่าในซีเรียปัจจุบันกำลังเกิดสงครามกลางเมือง และเกิดการก่อการร้ายโดยกบฏซีเรีย ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ และถ้าเรายิ่งมองลงไปในเบื้องลึกเบื้องหลัง เราจะพบว่าเบื้องหลังของกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้น มีผู้สนับสนุนที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลซีเรียอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ อำนาจ หรือการยึดครองดินแดน ต่างๆ เฉกเช่น การยึดดินแดนที่ราบสูงโกลานของซีเรียโดยอิสราเอล
อย่างไรก็ดี หากเราติดตามข่าวล่าสุด เราจะพบว่า ณ ขณะนี้ กองกำลังกบฏซีเรียเริ่มที่จะพ่ายแพ้ ซึ่งแลเห็นได้จากการสูญเสียการยึดครองเหนือเมืองอะเลปโป ซึ่งตอนนี้ได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของกลุ่มกบฏโดยกองกำลังซีเรีย ด้วยการช่วยเหลือจากรัสเซีย อีกทั้งเมืองเล็กใหญ่ต่างๆที่ถูกปลดปล่อยจากกลุ่มก่อการร้าย โดยกองกำลังสนับสนุนซีเรีย ดังนี้ จึงเป็นสาเหตุให้ผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังไม่สามารถที่จะอยู่เฉยได้ อย่างเช่น อิสราเอล ที่ได้ให้การสนับสนุนยังกลุ่มก่อการร้ายต่างๆเหล่านี้ เช่น กลุ่มอัล นุศรอ[1]
สาเหตุหนึ่งที่อิสราเอลได้ทำการโจมตีซีเรียนั้น เป็นเพราะอิสราเอลมีความกลัวและกังวลจากการที่กบฏซีเรียได้พ่ายแพ้ให้กับกองกำลังรัฐบาลซีเรีย ซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะยึดครองเมืองอะเลปโปและเมืองอื่นๆได้ และเป็นระยะเวลาเพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่กลุ่มก่อการร้ายสามารถยึดครองอะเลปโปได้ แต่ทว่าในที่สุดก็ได้สูญสียการยึดครองไปโดยการปลดปล่อยเมืองอะเลปโปให้เป็นอิสระของกองกำลังซีเรียที่ร่วมมือกับรัสเซีย[2] แม้ว่าพวกกบฏก่อการร้ายจะพ่ายแพ้ให้กับกองกำลังซีเรียและกองกำลังสนับสนุนอื่นๆ แต่ทว่าบรรดาผู้ก่อการร้ายก็ยังไม่วายที่จะก่ออาชญากรรมตามชนบทต่างๆ ยังคงสังหารบรรดาผู้บริสุทธิ์และกระทำชำเราบรรดาสตรีตามเมืองต่างๆ รวมถึงการทำลายสถานที่สำคัญและสุสานต่างๆ อีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ ชัยชนะของรัฐบาลซีเรียที่มีต่อกลุ่มกบฏในหลายๆครั้งนั้น ยังได้ส่งผลทำให้กลุ่มกบฏซีเรียได้เผยธาตุแท้และกลอุบายต่างๆนาๆของพวกเขาออกมา และการที่ซีเรียได้รับการสนับสนุนทางอาวุธโดยขนส่งอาวุธจากเลบานอนไปยังซีเรีย ทำให้อิสราเอลเกิดความกังวลกับการเคลื่อนไหวของซีเรียมากยิ่งขึ้นไปอีก หลักฐานต่างๆเหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นว่า อิสราเอลได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มกบฏสะละฟีย์ในซีเรีย ซึ่งตอนนี้อิสราเอลเริ่มตระหนักแล้วว่า มันถึงวาระสุดท้ายของกบฏซีเรียแล้ว และเมื่อเป็นอย่างนี้ อิสราเอลจึงได้เริ่มแผนการที่จะโจมตีซีเรียด้วยตนเอง
เดิมที รัฐบาลซีเรียไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษอะไรที่สามารถเอาชนะกองกบฏซีเรียได้ พวกเขายังไม่มีความกล้าพอที่จะตัดสินใจต่อสู้กับพวกกบฏได้ เพราะรัฐบาลของซีเรียยังคงเป็นระบบเซคิวล่าร์ เป็นระบบการปกครองที่การเมืองกับศาสนาได้แยกออกจากกัน เป็นเหตุให้ซีเรียยังคงขาดอุดมการณ์ในการบริหารประเทศ เพียงแต่พวกเขาได้เรียนรู้บทเรียนจากการต่อสู้ของประชาชนในฉนวนกาซ่า หรือกองทัพฮิสบุลเลาะฮฺในเลบานอนที่กำลังต่อสู้กับอิสราเอล และได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังฮิสบุลเลาะฮฺ รัสเซียและอิหร่าน จึงทำให้กองทัพซีเรียได้ตื่นตัว และสามารถรวบรวมกำลังพล โดยอาศัยการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรต่างๆ มาต่อสู้กับพวกกบฏซีเรียได้
ซาร์ดาร์ ญะอฺฟารี[3] ผู้บัญชาการกองทัพของอิหร่านที่ประจำการในซีเรีย ได้กล่าวว่า แม้จะกินระยะเวลากว่า สี่สิบปีแล้ว ทว่าความหวาดระแวงและความกลัวต่อศัตรูก็ยังคงอยู่ในหัวใจของรัฐบาลซีเรีย ซึ่งหากเรามาดูในฉนวนกาซ่า ทุกครั้งที่อิสราเอลได้ทำการโจมตี ประชาชนในฉนวนกาซ่าก็จะตอบโต้อยู่เสมอ ทั้งๆที่เป็นแค่ดินแดนขนาดเล็กด้วยกับจำนวนประชาชนอันน้อยนิด แต่เพราะมีความกล้าหาญ จึงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ทว่ากองทัพของซีเรียที่มีความพร้อมจะต่อสู้กับอิสราเอล กลับยังคงมีความกลัวต่อการข่มขู่ของอิสราเอล ซึ่งรัฐบาลซีเรียและผู้นำของซีเรีย บัชชาร อัลอะสัด พวกเขาไม่รู้ว่า แท้จริงอิสราเอลก็มีความขี้ขลาดเช่นกัน แน่นอนว่าหากซีเรียมีความกล้าสักหน่อย โดยการตอบโต้เพียงไม่กี่ครั้ง อิสราเอลจะประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน
หากอิสราเอลมีความกังวลว่า การโจมตีของพวกเขาจะสร้างอันตรายกลับมายังพวกเขาเอง แล้วการโจมตีซีเรียในแบบที่พวกเขาพูดถึง หมายความว่าอย่างไร ?
ถ้าเราได้มองผ่านจุดยุทธศาสตร์ อิสราเอลเป็นประเทศเล็กๆที่พร้อมจะถูกโจมตีจากซีเรียอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าหากอิสราเอลได้โจมตีทางกำลังโดยตรง อาจเกิดภัยพิบัติแก่ตนได้ และจากสภาพของประเทศอิสราเอลที่เริ่มจะร่อแร่จากการกระทำของพวกเขาที่เริ่มมีกระแสต่อต้านจากทั่วโลก ดังนั้นอิสราเอลจึงต้องอาศัยกลุ่มประเทศอาหรับ โดยทำให้ประเทศอาหรับต่างๆเบี่ยงเบนความสนใจไปยังชาตินิยมเผ่าพันธุ์และแยกศาสนาออกจากการปกครองเป็นอันดับแรก บวกกับเหล่าผู้ปกครองอาหรับมีความกลัวต่อการแพร่กระจายแนวคิดการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ที่มีศักยภาพเพียงพอจะส่งผลกระทบต่อแนวความคิดชาตินิยมของตน จึงทำให้เหล่าชาติอาหรับได้หันเหความสนใจไปยังชาติพันธุ์ของตนแทนที่จะมาสนใจเรื่องราวในซีเรียและปาเลสไตน์นั่นเอง และเมื่อชาติอาหรับได้เบี่ยงเบนความสนใจไปยังชาติของตนแล้ว อิสราเอลจึงสามารถที่จะโจมตีซีเรียทางกำลังทหารได้ โดยอิสราเอลพยายามที่จะสร้างความชอบธรรม เพื่อก่อสงครามในซีเรีย ไม่ว่าจะเป็นการอ้างว่ามีลูกระเบิดจากสงครามที่พลัดหลงตกมายังในประเทศตน [4] จึงเป็นเหตุให้อิสราเอลได้เริ่มทำการโจมตีซีเรียในที่สุด[5]
[1] http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000091910
[2] http://www.tnews.co.th/contents/216835
[3] https://en.wikipedia.org/wiki/Mohammad_Ali_Jafari
[4] http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000091997
[5] http://www.bbc.com/thai/international-38606199