ทรัมป์คว่ำบาตร-อิหร่านตอบโต้

918

ภายหลังจากการเป็นประธานาธิบดีได้ไม่กี่วันของนาย โดนัลด์ทรัมป์เรื่องวุ่นวายต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ประธานาธิบดีผู้นี้ฉายนโยบาย”อเมริกาต้องมาก่อน”ให้ผู้คนทั้งโลกได้รับรู้ ถึงเป้าหมาย และภารกิจตลอดอายุขัยของการเป็น ปธน. ไปในตัว สิ่งที่แตกย่อยออกมาจากนโยบายนี้ เป็นผลทำให้ทิศทางของรัฐบาลชุดใหม่ เป็นไปตามที่คาด คือการประกาศห้ามคน 7 ประเทศเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลาสามเดือน ได้แก่ อิรัก, ซีเรีย, ลิเบีย, อิหร่าน, โซมาเลีย, ซูดาน และเยเมนเป็นผลทำให้คน 218 ล้านคนไม่สามารถเข้าประเทศได้ส่วนทางอิหร่าน ทรัมป์ อ้าง เหตุผลในการคว่ำบาตร เรื่องการทดสอบขีปนาวุธและให้การสนับสนุนกลุ่มฮูซีย์เยเมน อิหร่านจึงตอบกลับด้วยการเพิ่มข้อจำกัดทางกฎหมายกับบุคคลและบริษัทสหรัฐ ซึ่งเล่นบทก่อตั้ง หรือ ให้การสนับสนุน กลุ่ม ก่อการร้าย ในภูมิภาค พร้อมเตรียมประกาศรายชื่อ และบุคคลที่คอยให้การสนับสนุน กลุ่มกกร.เหล่านี้  เพื่อทำการตอบโต้ โดยในภาษาฟารซี รมต.ต่างประเทศใช้คำว่า”อักดอมมุตะกอบิล” หมายถึง “การปฏิบัติอย่างเสมอกัน” หรือ “การตอบโต้อย่างเท่าเทียม” แต่ไม่ใช่ในแบบตัดสินเหมารวม เพราะ มูฮัมมัด ญะวาด ซะรีฟรมต.ต่างประเทศ อธิบายไปพร้อมกับ การตอบโต้นี้ว่า”เราจะให้เกียรติ ปชช.สหรัฐฯ โดยการไม่นับพวกเขา เหมารวมกับ รัฐบาลที่เล่นการเมืองรุนแรงแบบนี้ เราไม่เหมือนสหรัฐที่ยึดติดแต่อดีต เราพร้อมที่จะอ้าแขนต้อนรับพวกเขาด้วยความยินดี”

วิพากษ์ข้อกล่าวหาของทรัมป์

ทรัมป์ใช้สองเหตุผล ในการคว่ำบาตรริอิหร่าน เหตุผลแรกคือ เพราะอิหร่านทดสอบขีปนาวุธ และเหตุผลที่สองคือ เพราะอิหร่านสนับสนุนกลุ่มฮูซีย์ในเยเมน

การทดสอบขีปนาวุธ ชอบธรรมพอที่จะคว่ำบาตรได้หรือไม่ ?

1.ในประเทศที่ทำการทดสอบขีปนาวุธ ไม่ได้มีแค่อิหร่านหากพิจารณาจากความเป็นจริง ประเทศที่มีขีปนาวุธ ก็มีอยู่ดาษดื่นมากมาย ได้แก่ สหรัฐฯ,จีน,สหราชอาณาจักร,ฝรั่งเศส,รัสเซีย,อินเดีย,อิสราเอล ,ปากีสถาน,เกาหลีเหนือ,อิหร่าน ซึ่งประเทศที่ทำการทดสอบขีปนาวุธอย่างเปิดเผยได้แก่ รัสเซีย เกาหลีเหนือ การใช้เหตุผลดังกล่าวเพื่อคว่ำบาตรอิหร่าน จึงไม่สมเหตุสมผล ถ้าจะมีประเทศไหน โดนเล่นงานเรื่องนี้ก่อนเป็นประเทศแรกๆ ก็ต้องเป็นรัสเซีย ที่มีขีปนาวุธ เป็นคลังแสง

2.แม้เลขา UN จะชี้ว่าขีปนาวุธที่อิหร่านทำการทดสอบ เป็นการละเมิดข้อตกลง ทางอิหร่านก็เคลียร์แล้วว่า ขีปนาวุธที่อิหร่านทำการทดสอบ ทั้งชนิด และประเภท และความรุนแรงของมัน ไม่ได้ถูกระบุไว้ใน”ข้อตกลงทดสอบขีปนาวุธ”และก่อนหน้านี้ นาย ซีนสไปเซอร์ (Sean Spicer)เลขาทำเนียบขาว ก็แสดงความเห็นแบบที่ไม่ยืนยันว่า อิหร่าน ละเมิดข้อตกลงหรือไม่ เขากล่าวว่า”เรารู้ว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธ แล้ว และกำลังติดตาม และสืบสวนอยู่ในขณะนี้ เพื่อดูว่า อัตลักษณ์ที่แท้จริงของมันเป็นอย่างไร”[1]อันที่จริงแล้ว แทบไม่มีคนใหญ่คนโตคนไหนเลยที่ยืนยันว่า อิหร่านใช้หัวรบนิวเคลียร์ติดบนขีปนาวุธ ส่วนมากมักจะอ้างว่า เข้าค่ายผิดสัญญา อิหร่านก็ได้แต่ถามว่าผิดตรงไหน ตอนที่ข้อตกลงกัน ฝ่ายท่านก็เป็นคนเห็นชอบกับกฎที่ร่วมกันเขียนขึ้นมา มาเวลาพอทรัมป์ก้าวสู่อำนาจ นึกอยากจะโทษก็โทษเลย ไปตามกระแสความสุดโต่งของทรัมป์ มันไม่มากไปหรือ ?

3.นายมูฮัมมัด ญะวาด ซะรีฟ ได้ออกมาชี้แจงถึงข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า ในข้อตกลงการทดสอบขีปนาวุธ ที่ 2231 ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ขีปนาวุธนำวิถี(BalisticMisslie) ที่ต้องห้าม คือ ขีปนาวุธที่มีหัวรบนิวเคลียร์บรรจุอยู่  และทางอิหร่าน ก็ได้ชี้แจงว่า ขีปนาวุธที่ทางอิหร่านใช้ทดสอบ ไม่ได้บรรจุหัวรบนิวเคลียร์แต่อย่างใด ซึ่งหัวรบที่ใช้เป็นหัวรบที่ได้รับการอนุญาตสำหรับป้องกันตนเอง ตามที่เขียนไว้ในสัญญา  ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่การทดสอบขีปนาวุธของอิหร่าน จะไปขัดกับข้อตกลงข้อไหนในสนธิสัญญานี้ และทางอิหร่านเอง ก็เริ่มรู้สึกหน่ายกับข้ออ้างเรื่องมีนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง เพราะมันเป็นข้ออ้างที่ถูกใช้บ่อยเกินไป ใช้อย่างพร่ำเพรื่อ แต่ไม่เคยมีหลักฐานอะไรยืนยันเป็นตัวเป็นตน ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ ใช้เรื่องอาวุธเคมี บุกอิรัค พูดเยอะ แต่กลับไม่มี !!

ข้อหาสนับสนุนกลุ่มฮูซีย์

การสนับสนุนกลุ่มปฏิวัติเยเมน เป็นเหตุผลให้คว่ำบาตรได้หรือไม่ ?

1.การใช้คำว่า “กบฎ” เป็นการใช้คำตาม สำนักข่าวตะวันตก เช่นเดียวกับการที่ทรัมป์ ใช้คำว่า”กลุ่มก่อการร้าย” เยอะไป ต่อกลุ่มฮูซีย์ฝ่ายที่โจมตี ก่อน บุกก่อน ทำลายก่อน คือ ซาอุฯ ลูกเด็กเล็กแดง ถูกระเบิดฆ่าตายไปมากมาย แต่ก็ไม่ค่อยจะมีสำนักข่าวของฝรั่งค่ายไหน ออกมาพูดเรื่องนี้นัก มิหนำซ้ำ UN ยัง เป็นใบ้ ไม่กล้าพูดอะไร ถึงซาอุ ที่ทิ้งระเบิดสุดไฮเทคใส่ชาวเยเมน

2.มีหลักฐานว่า ซาอุฯ ให้การสนับสนุน กลุ่มก่อการร้าย อัลเคด้า หรือ อัลกออิดะฮ์ ในเยเมน  ซึ่งทาง Abnewstodayได้นำเสนอเรื่องนี้ ในหัวข้อ” แฉเอกสารชิ้นใหม่ ชี้ ซาอุดีอาระเบียให้การสนับสนุนอัลกออิดะห์ในเยเมน”[2] ประเด็นก็คือ ถ้าซาอุฯที่ว่า เป็นรัฐบาลก่อการดี แจกระเบิดเพื่อสร้างสันติ และความสงบ จนคนตายเป็นหมื่น  เป็นฝ่ายถูก และกลุ่มฮูซีย์ เป็นกลุ่มก่อการร้าย ตามที่ปธน.ทรัปม์ ได้พิพากษา และอ้างสิทธิในการคว่ำบาตรอิหร่าน เพราะไปสนับสนุนพวกเขาแล้วอัลกออิดะฮ์ มาเกี่ยวอะไรในเรื่องนี้ ทำไมซาอุฯ ผู้ก่อการดี ถึงใช้งาน อัลกออิดะฮ์ ผู้ก่อการร้ายได้ ? ทำไมอัลกออิดะฮ์ จึงรับคำสั่งจากซาอุ ให้มาทำลาย กลุ่มฮูซีย์ ในเมื่อดีกับร้าย ดำกับขาวไม่อาจอยู่ร่วมกัน ?

3.ถ้าหากคนเยเมนที่ปฏิวัติล้มรัฐบาลของพวกเขา (เพราะทำให้ประชากรกว่า 14 ล้านคน ต้องอยู่อย่างอดอยาก เงยหัวไม่ขึ้นสักที เป็นเบี้ยล่างของต่างชาติ คือ สามเหตุที่ปชช.ลุกฮือ) เป็นกลุ่มก่อการร้าย และเป็นฝ่ายผิดอย่างที่ทรัมป์ตัดสิน  คำถามคือ การปกป้องตัวเองของพวกเขา คือ การก่อการร้ายด้วยหรือ ?  พวกเขาไม่มีสิทธิหลบจรวดที่ยิงมาโดยผู้ก่อการดีใช่หรือไม่ ถ้าเราจะเรียกกลุ่มคนที่พยายามปัดจรวดไม่ให้ตกบนหลังคาบ้านของตนเองว่า”ผู้ก่อกการร้าย” ถ้าอย่างนั้น ทุกคนคงก็เป็นผู้ก่อการร้ายเสียหมดทั้งโลก ถ้าถูกมะกันตัดสินว่า”ร้าย” ไม่มีใครมีสิทธิปกป้องตัวเองจากพวกดี คงน่าสงสารเสียเหลือเกิน ที่คุณธรรมของชาวโลก ถูกเบี่ยงเบนไป เพราะคำพูดของปธน.สหรัฐท่านนี้

ในสหรัฐฯ

1.ในสหรัฐฯดเอง ก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย หลังจากที่ทรัมป์ ประกาศห้ามคน 7 ประเทศ เข้าเมือง มีกระแสความไม่พอใจต่อนโยบายของทรัมป์ปรากฎอยู่เนืองๆ

2.เมื่อรัฐบาลสั่งห้ามคน 7 ประเทศ เข้าเมือง ตม.ก็จำต้องรับคำสั่ง แต่ปฏิบัติได้ไม่กี่ชม. ก็ต้องปล่อยให้ชาวต่างชาติต้องห้ามเข้าประเทศได้ ทั้งนี้เป็นเพราะ ศาลได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อบุคคลเหล่านี้ เนื่องจากไม่เห็นชอบกับ คำสั่งที่ทางรัฐบาลได้ปล่อยออกมา ที่เป็นแบบนี้เพราะ รัฐธรรมนูญของ USA ไม่อนุญาตให้มีการปล่อยคำสั่งใดๆออกมา หากไม่ผ่านการตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจอย่างสมบูรณ์เสียก่อน เมื่อฝ่ายบริหาร ทำท่าจะใช้อำนาจอย่างมิชอบ ฝ่ายตุลาการจึงเข้ามาถ่วงดุล และปกป้องสิทธิเสรีภาพของคน

สหรัฐคงต้องหาหลักฐานมายืนยันถึง การทดสอบขีปนาวุธของอิหร่าน ว่าผิดกฎที่ทำข้อตกลงไว้มากกว่านี้ และถ้าหาก”อเมริกาต้องมาก่อน” จะเป็นไปในทางที่ชอบ พวกเขาก็ควรทำสิ่งที่สร้างสรรค์ เพื่อ ปชช. แทนที่จะไปทำอะไรที่ทำให้ความแตกแยกต้องร้าวมากไปกกว่าเดิม ความเคลื่อนไหวของทั้งสหรัฐ และอิหร่าน กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันต่อไป

[1]http://fararu.com/fa/news/304556/بررسی-ادعای-آزمایش‌-موشکی‌-ایران-در-شورای-امنیت

[2]http://www.abnewstoday.com/9115