รัสเซียและจีนวิพากษ์วิจารณ์การประชุมสุดยอดประชาธิปไตยสหรัฐฯ: เอกอัครราชทูตรัสเซีย นาย Anatoly Antonov และเอกอัครราชทูตจีน นาย Ken Gang ประจำสหรัฐฯ เขียนบทความวิจารณ์ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะจัด “การประชุมสุดยอดประชาธิปไตย” ว่าการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะกระพือการเผชิญหน้าทางอุดมการณ์ในระดับโลกและสร้างอุปสรรคในการแบ่งแยกโลก
เอกอัครราชทูตรัสเซียและจีนเรียก “การประชุมสุดยอดด้านประชาธิปไตย” ว่าเป็นผลผลิตจากจิตวิญญาณแห่งสงครามเย็น และพวกเขาเชื่อว่าการจัดประชุมดังกล่าวนั้นขัดต่อแนวโน้มที่จะพัฒนาและความก้าวหน้าในโลก
นักการทูตอาวุโสของรัสเซียและจีนกล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่สามารถป้องกันการก่อตัวของโครงสร้างโลกแบบหลายขั้วได้ แต่อาจทำให้กระบวนการจริงต้องช้าลง
สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดประชาธิปไตยที่เชิญผู้นำประเทศต่างๆ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และนักธุรกิจ เข้าร่วมประชุมในระหว่างวันที่ 9 และ 10 ธันวาคมผ่านการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
มีตัวแทนจาก 110 ประเทศและภูมิภาคได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดดังกล่าว แต่รัสเซีย จีน ฮังการี ตุรกี อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย ชาติอาหรับในอ่าวเปอร์เซีย เกาหลีเหนือ เวเนซุเอลา นิการากัว ซูดาน และเอธิโอเปีย ตลอดจนประเทศอื่นๆ ในแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชีย ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกเชิญเข้าร่วมประชุม ซึ่ง อันที่จริง แล้ว วอชิงตันตั้งใจที่จะกำหนดรูปแบบประชาธิปไตย
รัสเซียและจีน สองมหาอำนาจระหว่างประเทศที่เป็นคู่แข่งกันของสหรัฐฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการจัดประชุมสุดยอดประชาธิปไตยโดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งสิ่งนี้มันตรงกันข้ามกับแนวทางพหุภาคีนิยมที่วอชิงตันแสวงหา แม้กระทั่งในช่วงที่ โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดี
เป้าหมายของอเมริกาในการจัดประชุมสุดยอดประชาธิปไตย
การประชุมสุดยอดประชาธิปไตยที่จัดขึ้นโดย นายโจ ไบเดน ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อส่งเสริมมุมมองของชาวอเมริกันต่อระบอบประชาธิปไตย และในวงกว้างขึ้นนั้นเพื่อฟื้นฟูสถานะโลกที่ตกต่ำของอเมริกา
อันที่จริงแล้ว การจัดการประชุมสุดยอดนี้และเชิญพันธมิตรเข้าร่วมการประชุมนั้น ทางโจ ไบเดน ตั้งใจที่จะอ้างว่าสหรัฐอเมริกายังคงเป็นแหล่งกำเนิดของประชาธิปไตยและเป็นผู้กำหนดมาตรฐานดังกล่าว
คำถามคือ มีองค์กรหรือสถาบันใดมอบหมายงานนี้ให้วอชิงตัน? หรือตามหลักการและกฎเกณฑ์สากลใดที่สหรัฐฯ พยายามจะวาดภาพประชาธิปไตยแบบสากล?
อีกประเด็นหนึ่งคือ สหรัฐฯ มักจะพยายามกำหนดค่านิยมและบรรทัดฐานของตนกับประเทศอื่น ๆ เสมอ และไม่ตัดสินพวกเขาตามกฎและบรรทัดฐานที่ยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยสหประชาชาติ แต่เป็นไปตามมาตรฐานที่ตนเองสร้างขึ้นมา
สหรัฐอเมริกาขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่รายงานสิทธิมนุษยชนประจำปีในประเทศอื่นๆ และตัดสินและวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา นอกจากนั้นตามที่องค์การสหประชาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ระบุว่า สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ใหญ่ที่สุด ในโลกอันเนื่องมาจากการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติอย่างกว้างขวาง แพร่ขยายของความรุนแรงด้วยอาวุธ การเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยและสตรี และอื่นๆ อีกหลายสิบกรณี
นอกจากนี้ แม้ว่าสหรัฐฯ จะอ้างว่าเป็นผู้นำระบอบประชาธิปไตยในโลก ความจริงก็คือประชาธิปไตยในความหมายที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตยนั้นไม่มีที่ยืนในสังคมและการเมืองของอเมริกามาช้านานแล้ว
ตัวอย่างที่ชัดเจนของเรื่องนี้คือความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน 2020 ซึ่งในประเทศนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
ทรัมป์กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาว่าเป็นเรื่องโกหกมดเท็จ และเรียกระบบการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ว่าทุจริตและการฉ้อโกงการเลือกตั้งในวงกว้างและได้จุดชนวนให้เกิดวิกฤตทางการเมืองอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนและทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกา
Richard Haas หัวหน้า”สภาวิเทศสัมพันธ์ต่างประเทศของห้องความคิดอเมริกา” กล่าวว่า “หากยุคหลังอเมริกาเริ่มต้นขึ้น ก็ย่อมเป็นวันที่ผู้สนับสนุนของทรัมป์โจมตีรัฐสภาอย่างแน่นอน และมันไม่น่าจะมีใครในโลกที่ จะเคารพ เกรงกลัว หรือพึ่งพาเราเหมือนเดิมอีกแล้ว”
หากสหรัฐอเมริกาเคยอ้างว่าอยู่ในจุดสูงสุดของสามเหลี่ยมแห่งมหาอำนาจโลกในฐานะระบบเสรีนิยม-ประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้ความชอบธรรมระหว่างประเทศและอิทธิพลในเวทีการเมืองก็ถูกตั้งคำถามอย่างแท้จริงแล้ว
ดังนั้นการจัดประชุมสุดยอดประชาธิปไตยจะไม่ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ระดับโลกหรือตั้งคำถามกับประเทศที่เป็นคู่แข่งหรือต่อต้านวอชิงตันในด้านประชาธิปไตยแต่อย่างใด
source:
https://farsi.iranpress.com/europe-i206623