โดย เชคอับดุลญะวาด สว่างวรรณ
อัลลอฮฺ ตะอาลาทรงตรัสว่า
إِنَّ عِدَّةَ الشُّهُورِ عِنْدَ اللَّهِ اثْنَا عَشَرَ شَهْراً فِي كِتَابِ اللَّهِ يَوْمَ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ مِنْهَا أَرْبَعَةٌ حُرُمٌ ذَلِكَ الدِّينُ الْقَيِّمُ فَلا تَظْلِمُوا فِيهِنَّ أَنْفُسَكُمْ
“แท้จริงจำนวนเดือน(ในปีหนึ่ง) ณ อัลลอฮ์นั้นมี 12 เดือน ในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินจาก เดือนเหล่านั้นมี 4 เดือนซึ่งเป็นเดือนที่ต้องห้าม ( คือซุลกิ๊อ์ดะฮ์ ซุลฮิจญะฮ์ มุหัรร็อมและรอญับ ) นั่นคือบัญญัติอันเที่ยงตรง ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าอธรรมแก่ตัวของพวกเจ้าเองในเดือนเหล่านั้น ” ซูเราะฮ์อัต-เตาบะฮ์ : 36
เหตุที่ตั้งชื่อเดือนนี้ว่า “ มุหัรรอม “ เพราะการทะเลาะวิวาท การต่อสู้ การหลั่งเลือดในเดือนนี้เป็นสิ่งต้องห้าม
วันศุกร์ที่ 10 เดือนมุหัรร็อม ปีที่ 61 ฮิจเราะฮ์ศักราช กษัตริย์ยะซีด บุตรมุอาวียะฮ์ บุตรอบูสุฟยาน บุตรหัรบ์ บุตรอุมัยยะฮ์ ได้ส่งกองทัพไปล้อมอิมามฮูเซนผู้เป็นหลานชายศาสดามุฮัมมัดที่แผ่นดินกัรบาลา ประเทศอิรัก และกองทัพยะซีดได้ลงมือสังหารอิมามฮูเซนอย่างโหดเหี้ยมในสภาพกระหายน้ำ
ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ) ได้กล่าว ที่ฮัจญะตุลวะดาอ์ ว่า
إِنَّ اللَّهَ لاَ يَقْبِضُ الْعِلْمَ انْتِزَاعًا ، يَنْتَزِعُهُ مِنَ الْعِبَادِ
อัลลอฮ์จะไม่นำความรู้กลับไปโดยถอดมันออกจาก (หัวอกของ) ปวงบ่าว
وَلَكِنْ يَقْبِضُ الْعِلْمَ بِقَبْضِ الْعُلَمَاءِ ، حَتَّى إِذَا لَمْ يُبْقِ عَالِمًا
แต่อัลลอฮ์จะนำความรู้กลับไป ด้วยการเสียชีวิตของบรรดาผู้รู้ จนกระทั่งแทบจะไม่เหลือผู้รู้
اتَّخَذَ النَّاسُ رُءُوْسًا جُهَّالاً فَسُئِلُوا ، فَأَفْتَوْا بِغَيْرِ عِلْمٍ ، فَضَلُّوا وَأَضَلُّوا
ฉะนั้น ประชาชนจึงยึดผู้ปกครองที่โง่เขลาเป็นผู้นำ เมื่อพวกเขาถูกถาม พวกเขาก็จะออกคำวินิจฉัยความทางศาสนาโดยไร้ความรู้ ดังนั้นนอกจากเขาจะหลงทางแล้ว ยังนำพาผู้อื่นให้หลงทางอีกด้วย
(อัลกาฟีย์ เล่ม 1 ฮาดีษที่ 77 ตรงกับ ซอเฮี๊ยะฮ์ บุคอรีย์ ฮาดีษที่ 100)
ตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 2 หน้า 567 ซูเราะฮ์ อัน-นะห์ลุ : 43
فَاسْأَلُوا أَهْلَ الذِّكْرِ إِنْ كُنْتُمْ لَا تَعْلَمُونَ
พวกเจ้าจงถาม อะฮ์ลุซ-ซิกริ หากพวกเจ้าไม่รู้
อิบนุกะษีร นักอธิบายคัมภีร์กุรอ่าน ได้กล่าวว่า
وَكَذاَ قَوْلُ أَبِي جَعْفَرٍ الْباَقِرُ : نَحْنُ أَهْلُ الذِّكْرِ
เช่นเดียวกันมีรายงานว่า ท่านอบีญะอ์ฟัรอัลบาเก็ร(อ)กล่าวว่า พวกเรา(อะฮ์ลุลบัยต์)คืออะฮ์ลุซ-ซิกริ
وَمُرَادُهُ أَنَّ هَذِهِ الْأُمَّةَ أَهْلُ الذِكْرِ صَحِيْحٌ
ความหมายของมันคือ ประชาชาตินี้คือ อะฮ์ลุซ-ซิกริ ถือว่า ถูกต้อง
فَإِنَّ هَذِهِ الْأُمَّةَ أَعْلَمُ مِنْ جَمِيْعِ الْأُمَمِ الساَّلِفَةِ
เพราะประชาชาตินี้คือ ผู้มีความรู้มากที่สุดกว่าประชาชาติต่างๆในอดีตที่ผ่านมา
وَعُلَماَءُ أَهْلُ بَيْتِ الرَّسُوْل (ع) مِنْ خَيْرِ الْعُلَماَءِ إِذاَ كاَنُوْا عَلَى السُّنَّةِ الْمُسْتَقِيْمَةِ، كَعَلِيٍّ، وَاِبْنِ عَباَّسٍ، وَبَنَي عَلِيٍّ: الْحَسَنِ وَالْحُسَيْنِ
และบรรดาผู้รู้ที่เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านศาสดามุฮัมมัด(อ)คือ บรรดาผู้รู้ที่ดีที่สุด เมื่อพวกเขาอยู่บนซุนนะฮ์ที่เที่ยงตรง
เช่น ท่านอาลี,อิบนิอับบาส,ลูกชายทั้งสองของอาลีคือ ท่านฮาซันและท่านฮูเซน
และมุฮัมมัด บิน อัลฮะนะฟียะฮ์,อาลี บิน อัลฮูเซน ซัยนุลอาบิดีน,อาลี บินอับดุลลอฮ์ บินอับบาส,อบีญะอ์ฟัรอัลบากิร,,ญะอ์ฟัรและบุตรของเขา และบุคคลที่คล้ายกับพวกเขาเหล่านี้(คือมาจากอะฮ์ลุลบัยต์นบี) เขาคือผู้ยึดมั่นต่อเชือก(คัมภีร์)ของอัลลอฮ์อย่างมั่นคง และแนวทางของเขาคือแนวทางที่เที่ยงตรง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีสำหรับทุกคนที่รู้จักสิทธิของเขาอย่างแท้จริง และได้มอบทุกๆสถานะให้กับเขาตามที่อัลลอฮ์และรอซูลได้ให้ไว้กับเขา และหัวใจของปวงบ่าวผู้ศรัทธาของพระองค์ได้ไปรวมอยู่ที่เขา
อุยูน อัคบาร อัลริฎอ หน้า 268 ฮาดีษที่ 58
อัลร็อยยาน บิน ชะบีบ เล่าว่า
อิมามอาลี อัลริฎอ(อ) หลานของท่านศาสดารุ่นที่หก ได้กล่าวว่า
ياَ بْنَ شَبِيْب اِنَّ الْمُحَرَّمَ هُوَ الشَّهْرُ الَّذِي كاَنَ أهْلُ الْجاَهِلِيَّةِ يُحَرِّمُوْنَ فِيْهِ الظُّلْمَ وَالْقِتاَلَ لِحُرْمَتِهِ
โอ้บุตรของชะบีบ มุหัรร็อม คือเดือนที่พวกญาฮิลียะฮ์ ถือว่าการอธรรมกดขี่และการสู้รบเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของเดือนมุหัรร็อม
فَماَ عَرَفَتْ هَذِهِ الْاُمَّةُ حُرْمَةَ شَهْرِهاَ وَلاَ حُرْمَةَ نَبِيِّهاَ
แต่ประชาชาตินี้กลับไม่รู้จักสิทธิ์ของเดือนมุหัรรอม และไม่รู้จักสิทธิ์ของท่านนบีมุฮัมมัด
لَقَدْ قَتَلُوْا فِي هَذاَ الشَّهْرِ ذُرِّيَتَهُ وَسَبَوْا نِساَؤَهُ وَانْتَهَبُوْا ثِقْلَهُ
แน่นอน ในเดือนมุหัรร็อม พวกเขาได้สังหารลูกหลานท่านนบี ได้จับลูกหลานนบีเป็นเชลย และได้ปล้นสดมถ์ทรัพย์สินของลูกหลานนบีไป
فَلاَ غَفَرَ اللهُ لَهُمْ ذَلِكَ اَبَداً
ดังนั้น ขออัลลอฮ์ได้โปรด อย่าให้อภัยพวกเขาเหล่านั้นไปตลอดกาล
ياَ بْنَ شَبِيْب اِنْ كُنْتَ باَكِياً لِشَيْءٍ فَابْكِ لِلْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طاَلِبٍ عَلَيْهِمُ السَّلاَمُ فَاِنُّه ذُبِحَ كَماَ يُذْبَحُ الْكَبْشُ
โอ้บุตรของชะบีบ หากท่านต้องเป็นผู้ร้องไห้ ให้กับการสูญเสียสิ่งหนึ่ง ดังนั้น จงร่ำไห้ ให้กับฮูเซน บุตร อาลี บุตร อบีตอลิบ เถิด เพราะฮูเซนถูกเชือด เหมือนแกะถูกเชือด
เพราะฉะนั้น มุหัรรอมจึงเป็นเดือนแห่งความโศรกเศร้าของท่านศาสดามุฮัมมัดและอะฮ์ลุลบัยต์ ของท่าน มันเป็นเดือนแห่งการหลั่งน้ำตาให้กับอิม่ามฮูเซน
อัลลอฮ์(ซ.บ) ตรัสว่า
لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِمَنْ كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الْآَخِرَ وَذَكَرَ اللَّهَ كَثِيرًا
(โอ้ผู้ศรัทธา)โดยแน่นอน ในศาสนฑูตของอัลลอฮ์ มีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้า
สำหรับผู้ที่หวังจะพบอัลลอฮ์และวันสิ้นโลก และรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมาก(ด้วยการทำความดี) ซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบ : 21
การดำเนินชีวิตของท่านศาสดามุฮัม มัด(ศ)คือ แบบอย่างที่ดีงาม ซุนนะฮ์ของท่านนบี(ศ)คือ คำพูด การกระทำ และการรับรอง ซุนนะฮ์ที่ถูกต้องถือว่า เป็น หลักฐานอ้างอิงประการหนึ่งในอิสลาม ถ้าหากชีวประวัติของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)คือ “ อุสวะตุน ฮะซะนะฮ์ – แบบอย่างอันดีงาม “ แล้วทำไมชีวประวัติของอิม่ามฮูเซนหลานชายของศาสดาคนสุดท้ายของโลก จะไม่เป็นแบบฉบับที่ดีงามสำหรับมุสลิมกระนั้นหรือ การศึกษาชีวประวัติของอิมามฮูเซน ไม่ใช่เรื่องราวของชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นเรื่องราวของทุกคนที่แสวงหาแบบอย่างแห่งการต่อสู้กับผู้ปกครองที่ อธรรม