presstv – มีการค้นพบซากเรือ วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) นักเดินเรือและนักสำรวจชาวโปรตุเกสในทะเลโอมาน
กล่าวว่าเรือลำนี้มีชื่อว่า เอสเมอรัลดา “Asmralda” โดยที่ Vasco da Gama ได้อาศัยเรือลำนี้ในการเดินทางไปยังประเทศอินเดียในช่วงที่สองของการเดินทางเมื่อปี (1502-1503)
นักโบราณคดีเชื่อว่า Asmralda เป็นเรือลำแรกที่เหลือจากยุคของการสำรวจของยุโรป
วาสโก ดา กามา และสหายของเขาได้เดินทางครั้งแรกของเขาไปยังประเทศอินเดียในช่วงปี 1497-1499 โดยได้เส้นทางทะเลระหว่างยุโรปและเอเชีย
วาสโก ดา กามา เป็นนักเดินเรือคนที่สองที่ผ่านแหลมกู๊ดโฮปสู่อินเดีย
การค้นพบทางภูมิศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่นี้เป็นได้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของประเทศแถบตะวันออกในอนาคต และเป็นเหตุของการมาถึงของชาวยุโรปและการล่าอาณานิคมในแถบตะวันออก
ในการเดินทางครั้งที่สองของเขาไปยังประเทศอินเดียมีขึ้นในช่วงปี 1502 – 1503 โดยมี Asmralda เรือชั้นนำจากโปรตุเกสใช้สำหรับการเดินทางสำรวจในมหาสมุทรอินเดีย
การเดินทางที่ครั้งสองของ วาสโก ดา กามา เป็นการผูกขาดการค้าเครื่องเทศและพ่อค้าให้กับโปรตุเกส วาสโกเดอกามาเป็นพ่อค้าชาวโปรตุเกสที่ได้ก่อตั้งศูนย์การค้าแห่งแรกขึ้นในตะเภาในอินเดีย
ในความเป็นจริงแล้ว การมาถึงของ วาสโก ดา กามา ยังอินเดียเป็นการล่าอาณานิคมของโปรตุเกสที่มีต่ออินเดีย
ครั้นเมื่อเขาถูกถามว่า มาประเทศอินเดียทำไม เขาเพียงแค่คำสองคำ “คริสเตียนและเครื่องเทศ” ซึ่งหมายความว่าฉันได้มายังอินเดียเพื่อส่งเสริมศาสนาคริสต์และเครื่องเทศ
ใน 1524 วาสโก ดา กามา ได้รับเลือกโดยกษัตริย์แห่งโปรตุเกสให้เป็นอุปราชแห่งอินเดีย และได้เสียชีวิตในตะเภาในปีนั้น
ได้ค้นพบวัตถุและสิ่งของและเหรียญทองมีค่าจำนวนมากจากเรือโปรตุเกสลำดังกล่าว
ระฆังของเรือเป็นตัวอย่างที่มีอยู่ที่บ่งชี้ถึงกรณีตัวอย่างที่เก่าแก่ที่สุด นักวิจัยกล่าวว่าการระฆังดังกล่าวสร้างขึ้นเมื่อ 1498
เหลียวมองประวัติ วาสโก ดา กามา
วาสโก ดา กามา นั้นเป็นนักเดินเรือชาวโปรตุเกสที่มีชื่อเสียงบุคคลหนึ่ง ซึ่งเขานั้นก็สามารถนำเรือและลูกเรือจำนวนหนึ่งของเขาไปผ่านแหลมกู้ดโฮปได้และเป็นเรือลำแรกที่พาชาวตะวันตกไปพบกับชาวตะวันออกได้ซึ่งสาเหตุที่เข้าต้องล่องเรือผ่านแหลมกู้ดโฮป เพราะ วาสโก ดากามานั้นได้รับมอบหมายจากกษัตริย์มานูเอลที่1 แห่งโปรตุเกสให้ไปค้นหาประเทศอินเดียเพื่อหาลู่ทางการค้าขายกับโลกตะวันออก ระหว่าง พ.ศ. 2040-42 ซึ่ง วาสโก ดา กามา กับพระเจ้ามานูเอลที่ 1 ได้คุยกันถึงเส้นทางที่จะไปอินเดียโดยใช้เส้นทางแหลมแอฟริกาใต้ หรือที่รู้จักกันในนามว่าแหลมกู้ดโฮป เมื่อวาสโก ดา กามา ได้ตกลงกับกษัตริย์แล้วจึงรีบออกเรืออย่างไม่รอช้า แล้วเมื่อวาสโก ดา กามาและลูกเรือเดินออกเดินทางได้สักพักหนึ่งกลับรู้สึกท้อแท้มาก เพราะตั้งแต่ออกเดินทางยังไม่ได้เห็นชายฝั่งเลย แถมเมื่อออกเดินทางแล้วกะลาสีต่างก็เป็นโรคขาดวิตามิน ทำให้เหงือกบวม เท้าบวม จนกินเดินไม่ได้ บางคนทนความเจ็บปวดไม่ไหวก็อาจถึงแก่ชีวิต แต่คนที่มีชีวิตอยู่ก็ยังคนมีความอดทนที่จะเดินเรือต่อไป
แต่เมื่อเดินทางมาถึงน่านน้ำของแหลมกู้ดโฮปท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืด คลื่นพายุเริ่มกระหน่ำโจมตีเรืออย่างรุนแรง จนเรือนั้นไม่สามารถกระโจนคลื่นได้ แม้แต่ตัวดา กามา ผู้เป็นผู้บังคับเรือเองก็ไม่สามารถคุมเรือได้ ต้นหนและลูกเรือก็ร้องขอให้กลับบ้านแต่ดา กามา ก็ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าพายุจะพัดเรือให้กลับไปกี่ครั้งดา กามา ก็หันทิศหัวเรือให้ตรงไปข้างหน้าอยู่เสมอและเขาต่อสู้โดยเอาชีวิตตนเองเป็นเดิมพัน ในขณะที่พายุก็ไม่ผ่อนแรงเลยมันกลับยิ่งพัดสุดกำลังเรื่อยไป ในขณะนั้นเองแสงดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆทะลุเมฆลงมาแล้วทะเลก็เงียบสงบเป็นปกติ เขาเดินทางถึงเมืองท่ากาลิกัต ของอินเดีย เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1408 ได้หนทางกว่า 10,000 ไมล์ วันนั้นจึงเป็นครั้งแรกแห่งประวัติศาสตร์ที่ตะวันออกพบกับตะวันตกทางทะเล สายการเดินเรือก็เปิดขึ้นนับแต่นั้นมา เมื่อเขาไปถึงอินเดียเขาก็ซื้อสินค้าต่างๆ เช่น เครื่องเทศ เครื่องประดับ เครื่องยา เพื่อกลับกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส และจากเหตุการณ์นี้เองจึงทำให้เขามีชื่อเสียงในเวลาต่อมา
การเดินทางอีกครั้งในช่วงปี พ.ศ. 2045-2047 วัชกู ดา กามา ได้นำกองเรือมุ่งสู่กาลิกัต (Calicat) จากเหตุที่ เปดรู อัลวาริช กาบราล นักสำรวจชาวโปรตุเกสถูกสังหาร และในปี พ.ศ. 2067 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอุปราชแห่งอินเดีย และต่อมาไม่นาน วัชกู ดา กามา ก็ล้มป่วยและเสียชีวิตที่โคชิน (Cochin) ศพของเขาได้ถูกนำกลับไปที่โปรตุเกส จากเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นจะทำให้เห็นได้ว่า วาสโก ดา กามา เป็นคนที่มีความพยายามสูงไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคดังนั้นเขาจึงประสบความสำเร็จ ดังนั้นคนที่อยากประสบความสำเร็จ ถ้ามีความพยายามและความอดทนไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคง่ายๆ บุคคลนั้นก็จะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน อ้างอิง วัชกู ดา กามา. ค้นเมื่อ 29 มกราคม 2557 (อ้างอิงจาก http://sawanya-mott.blogspot.com/p/blog-page.html)