เพรสทีวี – สถิติโพลเปิดเผย ชาวสหรัฐ 4 ใน 10 คน จะกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างชนผิวขาวและชนผิวดำในสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา เป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีมา
45 เปอร์เซ็นต์ของผู้ให้สัมภาษณ์ได้กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติและสีผิวไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงสมัยที่บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดี แต่ในขณะเดียวกันอีก 15 เปอร์เซ็นต์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเกิดขึ้นในสมัยของเขา
บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ขึ้นปราศรัยในวันครบรอบ 50 ปี วันแห่งการเดินประท้วงสิทธิมนุษยชน หรือเรียกว่า อาทิตย์แห่งการนองเลือด ในวันเสาร์ที่ผ่านมา
เขาได้กล่าวในการปราศรัยของตนว่า “จำเป็นที่เราจะต้องเปิดหู ตา และใจ เพื่อเราจะได้รู้ถึงประวัติศาสตร์ทางชนชาติของเราว่า แม้ขนาดนี้เงาของผมยังแพร่กระจายเหนือพวกเราอยู่ ดังเช่นที่เราก็รู้กันอยู่ว่าขณะนี้การชุมนุมประท้วงยังไม่จบลง และยังมีต่อๆ ไป และเราเล็งเห็นแล้วว่ามีหนทางมากมายที่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้”
วันที่ 7 มีนาคม 1965 ตำรวจสหรัฐได้เข้าบุกสลายและทุบตีผู้ชุมนุมประท้วงสิทธิมนุษยชน และพวกเขายังใช้แก๊ซน้ำตายิงเข้าใส่เพื่อต้องการสลายการชุมนุม ซึ่งถือเป็นจุดที่อ่อนไหวสำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มสิทธิมนุษยชน 5 เดือนถัดมาสภาคองเกรสสหรัฐได้อนุมัติให้มีการออกเสียงเลือกตั้งตามกฏหมาย ซึ่งตามผลโพลของ CNN และ ORC ร้อยละ 51 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า สิทธิของการเลือกตั้งยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีประโยชน์ที่จะให้คนผิวสีมีสิทธิในการเลือกตั้งด้วย
ซึ่งตามการสำรวจชาวอเมริกันผิวสีจำนวนมากไม่ได้รับการไว้วางใจในระบบกฎหมายของสหรัฐ และตามรายงานดังกล่าวนั้น สามในสี่ของคนผิวสีในสหรัฐเชื่อว่า ระบบกฎหมายของประเทศตนเองมีไว้เพื่อสนับสนุนชนผิวขาว
ตามการศึกษาของกลุ่มวิจัย Sentencing Project ในทุกๆ สามคนของชนผิวสีจะต้องมีหนึ่งคนที่ในช่วงหนึ่งของเวลาในชีวิตที่ถูกจับขังคุก ในขณะที่เรื่องราวเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับหนึ่งในสิบเจ็ดคนของชนชาวผิวขาว