
นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีกล่าวว่า ยุโรปไม่สามารถพึ่งพาอเมริกาเพื่อปกป้องตนเองได้อีกต่อไป
อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี กล่าวกับผู้ชุมนุมการเลือกตั้งในมิวนิค โดยได้เรียกร้องไปยังบรรดาพันธมิตรของเยอรมนีในยุโรป ระบุว่า นับจากนี้ต่อไปชะตากรรมของพวกท่านจะอยู่ในมือของพวกท่านเอง เนื่องจากยุโรปไม่สามารถพึ่งพาอเมริกาเพื่อปกป้องตนเองได้อีกต่อไป
การแสดงความกังวลของอังเกลา แมร์เคิล ว่าด้วยวิธีการดำเนินการในปัจจุบันของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างยุโรปและสหรัฐอเมริกา
การดำเนินการของทรัมป์ขัดแย้งกับบารักโอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในหลายประเด็น ซึ่งเป็นความขัดแย้งในภาคชายฝั่งแอตแลนติก
สามารถพิจารณาจากแนวโน้มในปัจจุบันได้ว่า มันมีช่องว่างและความไม่ลงรอยกันระหว่างอเมริกาและสหภาพยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสองประเทศหลัก คือ เยอรมนีและฝรั่งเศส
ประเด็นความไม่ลงรอยกันของทรัมป์กับสหภาพยุโรป และผู้นำยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศส เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญ ทั้งในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี และอื่นๆในระดับโลก อย่างไรก็ดี ความไม่ลงรอยเหล่านี้ ขณะนี้กำลังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯและสหภาพยุโรป
ความแตกต่างที่หลากหลายระหว่างอเมริกัน – ยุโรป
ความแตกต่างระหว่างอเมริกัน และยุโรป มีอยู่ในหลายรูปแบบ ทั้งในแง่ของการค้าระหว่างประเทศ ลักษณะและบทบาทของยุโรปในนาโต้ ความสัมพันธ์กับรัสเซีย ข้อตกลงของปารีส ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและวิธีจัดการกับข้อตกลงด้านอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ในทุกกรณีเหล่านี้ ทรัมป์ได้ตัดสินใจดำเนินการ ตามทัศนะและแนวคิดของตนเองเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงท่าทีและผลประโยชน์ของประเทศอื่น ๆ และแม้แต่คู่ค้าในยุโรปของสหรัฐฯทั่วมหาสมุทรแอตแลนติก
ตามที่ “ฮัสซัน อเบดนี” ผู้ชำนาญด้านกิจการระหว่างประเทศ กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐอเมริกาในยุคทรัมป์ ว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขา ไม่เพียงแต่เป็นอันต้องสิ้นสุดลงในเรื่องธุรกิจ แต่ยังขยายไปสู่ด้านอื่น ๆ ทั้งทางการเมือง การทูต ความมั่นคงและสังคมด้วย
สิ่งนี้นำไปสู่ความไม่พอใจของผู้นำยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
มุมมองของ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคียุโรปและระหว่างประเทศกับสหรัฐฯมีความขัดแย้งกับแนวทางของทรัมป์อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเชื่อว่านโยบายด้านเดียวและการเป็นศูนย์กลางของวอชิงตัน จะนำไปสู่การเพิ่มอำนาจและการเอาชนะคู่แข่งได้
ทัศนะล่าสุดของอังเกลา แมร์เคิล เกี่ยวกับความสิ้นหวังของสหรัฐฯและความจำเป็นที่จะต้องยอมรับนโยบายของชาติยุโรปเป็นการยืนยันถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
ตอนนี้ได้กลายเป็นที่ชัดเจนว่า เส้นทางในอนาคตของยุโรปและสหรัฐอเมริกาในยุคของทรัมป์ มีความขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงจากประเด็นสำคัญต่างๆ ทั้งนี้ ประเทศในสหภาพยุโรปสามารถนำเอาความไม่ลงรอยนี้ ผลักดันสหภาพให้เพิ่มขีดความเป็นเอกภาพ ในการเผชิญหน้ากับนโยบายของทรัมป์ ในด้านต่างๆมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับปฏิกิริยาของทรัมป์ ในกรณีข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และการยืนหยัดในจุดยืนของเขา แสดงให้เห็นว่า แกนหลักของท่าทีและการกระทำของทรัมป์มีพื้นฐานมาจากการต่อต้านฝ่ายเดียว โดยละเลย ทั้งยังมองข้ามผลประโยชน์ของประเทศอื่น ๆ แม้แต่พันธมิตรของพวกเขาเอง
Stephen Blank ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯกล่าวว่า การโจมตีของรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับข้อตกลงด้านนิวเคลียร์อิหร่านได้ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน ในยุโรป รัสเซีย และจีน ซึ่งสร้างความหวาดวิตกอย่างมาก
ชาวยุโรปรู้ว่า การตัดสินใจของทรัมป์ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน โดยปราศจากการคำนึงถึงผลประโยชน์ของยุโรป ในขณะที่ความขัดแย้งที่สำคัญระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเกี่ยวกับจุดยืนทางการค้าของทรัมป์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าไปยังสหรัฐฯคือการเรียกร้องให้มีการกดดัน ต่อประเทศยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้การค้าของสหรัฐฯและยุโรปมีพื้นฐานมาจากความเข้าใจ ความสนใจและผลประโยชน์ร่วมกัน
ในขณะเดียวกัน ท่าทีและจุดยืนของ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ยุโรปจะพยายามจะแยกทางเดินออกจากสหรัฐฯในหลายๆประเด็น
Source: parstoday