“ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า สภาวะอดยากและขาดอาหารในเยเมน รวมถึงการระบาดของอหิวาตกโรค หายนะเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากยุทธศาสตร์พหุภาคีซาอุดิอาระเบีย ในจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายพลเรือนชาวเยเมน และเพื่อสกัดกั้นแรงต้านทานและการลุกขึ้นยืนหยัดของกลุ่มเฮาซี (Houthi )… “
Gareth Porter นักประวัติศาสตร์ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง และนักข่าวสืบสวนสอบสวนในสหรัฐอเมริกาได้เขียนรายงาน วิจารณ์บทบาทของสหรัฐฯ ในการรุกรานเยเมน ที่โหดร้ายของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในเว็บไซด์ American Conservative โดยผู้เขียนยังได้แสดงความหวัง เรียกร้องให้ รัฐสภายุติปัญหานี้โดยการใช้กฎหมายใหม่
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Ren Khanna นักกฎหมายของพรรคเดโมแครต แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย และ Mark Pokan นักกฎหมายพรรคเดโมแครต จากวิสคอนซิน ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติต่อรัฐสภาสหรัฐฯ โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯยุติพฤติกรรม ส่งเสริม หรือ การเติมเชื้อเพลิงให้กับซาอุดิอาระเบีย และเอมิเรสต์ เพื่อโจมตีกลุ่มเฮาซี Houthis พวกเขากล่าวว่า เราตั้งใจที่จะฟื้นฟูสภาคองเกรสให้เป็นแกนหลักตามกฎหมายของรัฐ ที่อาจจะใช้ประกาศ และทำการตรวจสอบสงคราม
สองนักกฎหมายของสหรัฐฯกล่าวเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯ-ด้วยการสนับสนุนซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรในการทำสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดิอาระเบียกับอิหร่าน ไม่เพียงแต่ไม่ได้สร้างเสถียรภาพให้กับภูมิภาคนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ช่วยนำสันติสุขมาสู่ภูมิภาคนี้อีกด้วย ด้วยการสนับสนุนนี้ สหรัฐอเมริกาได้ช่วยทำให้เกิดฝันร้ายที่รุนแรงขึ้นเท่านั้น สภาคองแกรสต้องยุติการมีส่วนร่วมของอเมริกาในสงครามที่ไร้ความหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายในครั้งนี้
ในบทความดังกล่าว Gareth Porter ได้ชี้ว่า :
“นับตั้งแต่ที่รัฐบาลโอบามาเปิดไฟเขียวให้ซาอุดีอาระเบียโจมตีเยเมนอย่างรุนแรงเมื่อเดือน มีนาคม 2015 สื่อข่าวทุกแขนง และแม้แต่สภาคองเกรสสหรัฐฯเองก็รู้ดีว่า กองกำลังสหรัฐฯเป็นผู้จัดเตรียมระเบิดให้กับนักรบของพันธมิตรซาอุดีอาระเบีย เพื่อใช้โจมตีเยเมนทางอากาศ แต่สิ่งที่ไม่ค่อยได้ถูกกล่าวถึงอย่างเปิดเผย คือการเติมเชื้อเพลิงทางอากาศของเครื่องบินทิ้งระเบิดทั้งหมดของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียในการโจมตีเยเมนนั้น มีกองทัพอากาศสหรัฐฯเป็นผู้สนับสนุนด้านเชื้อเพลิง ซึ่งหากปราศจากสิ่งนี้แล้วสงครามในเยเมนก็จะยุติลงในไม่ช้า
รัฐบาลโอบามา กระทรวงกลาโหมและกองทัพสหรัฐฯต่างกังวลถึงประเด็นบทบาททางทหารโดยตรงของสหรัฐฯ ที่มีต่อสงครามในซาอุดิอาระเบีย หลังจากที่ทนายความสหรัฐฯบางคนได้เตือนถึงอาชญากรรมสงครามที่ชัดเจนในเยเมน
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนบางคน ชี้ว่า การช่วยหนุนเสริมด้านเชื้อเพลิงนี้ ไม่เพียงแค่ทำให้สหรัฐฯกลายเป็นประเทศที่เกี่ยวข้องกับสงครามโดยตรงกับเยเมนเท่านั้น แต่ยังทำให้บุคลากรของกองทัพสหรัฐฯบางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมสงครามโดยพันธมิตรซาอุดิอาระเบีย สามารถตกที่นั่งอยู่ในภาวะที่อาจถูกตั้งข้อกล่าวหาเป็นอาชญากรสงครามได้
ญัตติที่ถูกเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา โดยสองนักกฎหมาย Ren Khanna และ Mark Pokan ดังที่กล่าวมานั้น เป็นไปเพื่อบังคับให้ประธานาธิบดีอเมริกามีบทบาทในการตัดสินใจให้ซาอุดิอาระเบียยุติการโจมตีเยเมน
ผู้สนับสนุนแผนการดังกล่าวเชื่อว่า การมีส่วนร่วมโดยตรงของสหรัฐฯในสงครามทำลายล้างของซาอุดีอาระเบียกับเยเมน ทำให้สหประชาชาติต้องเผชิญกับวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้น และเป็นระยะเวลาหลายปี
ประชาชนชาวเยเมนกว่า 500,000 คนได้รับความทุกข์ทรมานจากการขาดอาหารและยังเป็นโรคระบาดจากอหิวาตกโรคในประเทศ การระบาดของอหิวาตกโรคในระดับดังกล่าว ยังไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาและความต่อเนื่องของสถานการณ์ที่สำคัญเช่นนี้ ยิ่งจะทำให้สถานการณ์มีความเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม
ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า สภาวะอดยากและขาดอาหารในเยเมน รวมถึงการระบาดของอหิวาตกโรค หายนะเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากยุทธศาสตร์พหุภาคีซาอุดิอาระเบีย ในจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายพลเรือนชาวเยเมน และเพื่อสกัดกั้นแรงต้านทานและการลุกขึ้นยืนหยัดของกลุ่มเฮาซี (Houthi ) และดังต่อไปนี่คือ ยุทธ์วิธีที่ถูกนำมาใช้ :
– กำหนดเป้าหมายเป็นโรงพยาบาล ตลาดและโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร
– การทำลายรถเครนขนาดใหญ่ที่ท่าเรือเยเมน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
– บล็อกการขนส่งอาหารเชื้อเพลิงและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นไปยังเยเมน
– ปิดสนามบินเพื่อสกัดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เยเมน
– การทำลายถนนและสะพานที่จำเป็น เพื่อสกัดกั้นความช่วยหลือด้านมนุษยธรรมแก่เยเมน
– ปิดธนาคารกลางเยเมน ซึ่งเป็นองค์กรเดียวที่รับผิดชอบในการจัดหาสภาพคล่องให้กับประชาชนชาวเยเมนจำนวนหลายล้านคน
ในตอนท้ายของบทวิจารณ์ดังกล่าว Gareth Porter ชี้ว่า: “ข้ออ้างในการทำสงครามตัวแทนกับอิหร่านในเยเมนนั้น ซึ่งถูกกล่าวอ้างโดยนักการเมืองอเมริกันบางคน ถือเป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้อง การสนับสนุนของอิหร่านต่อเฮาซี เป็นการแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ ต่อการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มเฮาซีเยเมนได้ต่อสู้กับซาอุดิอาระเบียเพื่อผลประโยชน์ของประเทศของพวกเขาเอง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของอิหร่าน “
Source: jamnews.ir