เยาวชนมุสลิมชีอะห์ไทยแจกน้ำฟรีกว่า 3,000 ขวด พร้อมเอกสารบอกเล่าเหตุการณ์ “กัรบาลา” ภายใต้แคมเปญ “WHY LOVE HUSEIN” เพื่อนำสาส์นแห่งอิมามหุเซนออกสู่สาธารณชน สร้างความเข้าใจวีรกรรมและเจตนารมณ์ของท่านอิมามหุเซน
วานนี้ (พฤหัส 22 ต.ค.) น้ำดื่มบรรจุขวดที่มีข้อความเขียนว่า “WHY LOVE HUSEIN” กว่า 3,000 ขวด ถูกแจกจ่ายฟรีให้แก่ผู้คนที่สัญจรไปมาในกรุงเทพฯ ซึ่งใช้เส้นทางผ่าน “ถนนอิสรภาพ” ช่วงสะพานเจริญพาศน์ เขตบางกอกใหญ่ และ “ถนนพรานนก” ซอย 11 เขตบางกอกน้อย
ถนนสองสายนี้ เป็นที่ตั้งชุมชนเก่าแก่ของมุสลิมชีอะห์ หรือที่คนไทยรู้จักในนาม “แขกเจ้าเซน” และในช่วงนี้ก็กำลังเข้าสู่เดือนมุฮัรรอม เดือนแรกของปฏิทินอิสลาม ซึ่งสำหรับมุสลิมชีอะห์เป็นวันเวลาสำคัญแห่งการรำลึกและไว้อาลัย “อิมามฮุเซน” หลานชายท่านศาสดามุฮัมหมัด ซึ่งถูกสังหารที่เมือง “กัรบาลา” ในวันที่ถูกเรียกว่า “อาชูรอ” ซึ่งเป็นวันที่สิบของเดือนมุฮัรรอม เพราะปฏิเสธการให้สัตยาบันแก่ยะซีด คอลีฟะฮ์ผู้ชั่วช้า
เหตุการณ์น่าเศร้าสลดนี้ ย้อนไปเมื่อฮิจเราะห์ศักราชที่ 61 (ราวพ.ศ.1224) หรือพันสามร้อยกว่าปีที่แล้ว เมื่ออิมามฮุเซน พร้อมกับครอบครัวและมิตรสหายอยู่ในวงล้อมของกองทัพ 30,000 นายกลางทะเลทราย โดยขาดอาหารและน้ำ หลังจากนั้นท่านถูกตัดศีรษะในลักษณะที่น่าสยดสยองที่สุด ขณะที่ครอบครัวและมิตรสหายผู้ซื่อสัตย์ก็ถูกสังหารคนแล้วคนเล่า นับรวม 72 คนที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมครั้งนี้
ในเดือนมุฮัรรอมของทุกปี โดยเฉพาะ10 คืน นับจากวันแรกของเดือนไปจนถึงวันอาชูรอ มุสลิมนิกายชีอะห์จึงจัดพิธีกรรมรำลึกไว้อาลัย อันคนไทยคุ้นเคยในชื่อ “พิธีมะหะหร่ำ” มานับแต่โบราณ
ปีนี้ เยาวชนมุสลิมชีอะห์ในกรุงเทพได้ใช้โอกาสช่วงมุฮัรรอมนี้ ริเริ่มส่งสาส์นแห่งอิมามหุเซนออกสู่สาธารณชน ผ่านการแจกน้ำดื่มบรรจุขวดฟรีกว่า 3,000 ขวด พร้อมเอกสารแนบที่บอกเล่าวีรกรรมและเจตนารมณ์ของท่าน ภายใต้แคมเปญ “WHY LOVE HUSEIN” บริเวณพื้นที่หน้า “อิมามบาระฮ์ (กุฎีเจริญพาศน์)” ถนนอิสรภาพซอย 28 และซอย 21 (ซอยวัดสังข์จาย) และหน้าปากซอย “มัสยิดอิมามมะฮ์ดี (กุฎีหลวง)” ถนนพรานนกซอย 11 ซึ่งเป็นศาสนาสถานสำคัญและเก่าแก่ของมุสลิมชีอะห์ในประเทศไทย
“เราต้องการที่จะผลักดันความเป็นอิมามหุเซนออกสู่สากล ให้สาธารณชนได้รับรู้เข้าใจสาส์นและเจตนารมณ์ที่แท้จริงของท่านอิมามหุเซน” ฮาดี อหะหมัดจุฬา ตัวแทนเยาวชนชีอะห์ บอกกับผู้สื่อข่าวถึงที่มาของแคมเปญ “WHY LOVE HUSEIN” นี้
“ที่ผ่านมา การรำลึก ไว้อาลัย หรือการทำความเข้าใจเรื่องราวของอิมามหุเซนในประเทศไทยอาจอยู่แค่วงจำกัดของความเป็นมุสลิมชีอะห์ ทั้งที่จริงเรื่องราวของอิมามหุเซนนั้นเป็นเรื่องสากล แคมเปญนี้เราไม่พูดถึงเรื่องพิธีกรรม แต่เราจะพูดถึงความเป็นหุเซน เจตนารมณ์ของท่าน สาส์นของท่าน วีรกรรมและการเสียสละของท่าน ในขณะเดียวกันนำ้ก็เป็นสัญลักษณ์ความหิวกระหาย ซึ่งบรรดาวีรชนไม่เว้นแม้แต่เด็กและสตรีต้องประสบในโศกนาฏกรรมที่ “กัรบาลา” ก็เลยเป็นที่มาของเคมเปญแจกน้ำดื่ม พร้อมกับมอบเอกสารอันจะทำให้ผู้ได้รับเข้าใจเรื่องราวได้มากยิ่งขึ้น” ฮาดี กล่าว
บนถนน “ถนนอิสรภาพ” และ “ถนนพรานนก” ในวันนั้น ช่วงเวลา 7-9 โมงเช้า และอีกครั้งช่วง บ่าย 3 จนถึง 5 โมงเย็น ผู้คนที่สัญจรไปมาจึงได้เห็น เยาวชนมุสลิมชีอะห์กว่า 70 คนอาสาสลับกันมาเป็นผู้ส่งสาส์นแห่งอิมามหุเซนออกสู่สาธารณชน พวกเขาในชุดเครื่องแต่งกายสีดำกุลีกุจอหยิบยื่นน้ำดื่มให้ผู้สัญจรไปมา ทั้งผู้เดินถนน ขับมอเตอร์ไซค์ รถส่วนตัว หรือแม้กระทั่งบนรถโดยสารสาธารณะพวกเขาก็ได้ขึ้นไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สาส์นและเจตนารมณ์แห่งอิมามหุเซนฉบับแล้วฉบับเล่าถูกส่งออกไปพร้อมกับขวดน้ำดื่มที่มีข้อความ “ทำไมถึงรักหุเซน” และ “เมื่อนึกถึงความเสียสละ โปรดนึกถึงหุเซน”
ฮาดี บอกว่า “เราได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวไทยที่ผ่านสัญจรไปมา หลายคนรับน้ำและเอกสารพร้อมทั้งให้กำลังใจ ผู้ใหญ่หลายคนถามว่าทำอะไรกันลูก เราก็มีโอกาสได้อธิบายให้เข้าใจ หลายคนบอกกับเราว่าอยากรู้อยากเข้าใจมานานแล้ว”
“บนถนนสายประวัติศาสตร์นี้ ชาวชุมชนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ ต่างรู้จักพิธี “มะหะหร่ำ” เห็นแขกใส่เสื้อดำทุกปี และรู้จักชีอะห์ หรือแขกเจ้าเซน เนื่องจากเราอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ชาติไทยมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี แต่ที่ผ่านมาเมื่อเดือนมุฮัรรอมมาเยือน เขาอาจจะไม่เข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร เราทำเพื่อใคร ในปีนี้เราก็เลยเปิดมิติตรงนี้ออกไปผ่านแคมเปญ “WHY LOVE HUSSAIN” นี้” ฮาดี อหะหมัดจุฬา กล่าว
มุสลิมชีอะห์ในประเทศไทย
กล่าวสำหรับมุสลิมชีอะห์นั้นอยู่ร่วมกับประวัติศาสตร์ชาติไทยมาอย่างยาวนาน มีบทบาทในการสร้างบ้านแปงเมืองมานับแต่อดีตหลายร้อยปี โดยเฉพาะตามที่ประวัติศาสตร์ไทยได้บันทึกไว้ชัดเจนคือการเดินทางมา เฉก อะหมัด ซึ่งเป็นพ่อค้าชาวเปอร์เซียได้ทำการค้าขายจนรุ่งเรือง และมีโอกาสช่วยให้คำปรึกษาราชการงานเมืองที่เกี่ยวกับการค้าขาย การเดินเรือ และการปกครอง จนได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นขุนนางดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักสยาม และนับได้ว่า เฉก อะหมัด ท่านเป็นปฐมจุฬาราชมนตรีของมุสลิมไทย เป็นต้นตระกูลของมุสลิมชีอะห์หลายตระกูล รวมทั้งฝ่ายพุทธ เช่น สกุลบุนนาค เป็นต้น
และหลังจากการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน มุสลิมชีอะห์ก็ขยายเพิ่มมากขึ้นทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้
ใครคืออิมามหุเซน?
อิมามหุเซน หลานท่านศาสดามุฮัมหมัดนั้น นับเป็นผู้นำคนสำคัญ ที่ได้เสียสละชีวิตตนเองพร้อมครอบครัวและสาวกผู้ซื่อสัตย์นับรวม 72 คน ในวีรกรรมที่เรียกว่า “กัรบาลา” เพื่อปกปักษ์ศาสนาอิสลามที่แท้จริงให้ดำรงอยู่
โดยเพียงผ่านไปไม่ถึง 50 ปี นับตั้งแต่การวายชนม์ของมุฮัมมัด (ศาสดาสุดท้ายของอิสลาม) อาณาจักรมุสลิมก็เริ่มไถลเข้าสู่ภาวะที่เสื่อมทรามภายใต้เผด็จการผู้หนึ่งจากราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ที่ชื่อ ยะซีด
หุเซน บุตรของอะลีกับฟาติมะห์ ซึ่งเป็นหลานชายของศาสดามุฮัมมัดได้ลุกขึ้นต่อต้านการปกครองที่ไม่ชอบธรรมของยะซีด ในขณะที่ยะซีดได้รับความหวาดกลัวและเกลียดชังเนื่องจากความเหี้ยมโหดของเขา ฮุเซนได้รับความชื่นชมและเคารพนับถือจากสังคมในวงกว้าง ด้วยตระหนักถึงเรื่องนี้ ยะซีดจึงตัดสินใจว่าเขาจะเรียกร้องสัตยาบันจากฮุเซนสำหรับการปกครองที่ได้รับสืบทอดมาของเขา
ทว่า ฮุเซนได้ปฏิเสธ ท่านกล่าวว่า “ฉันจะไม่ยอมจำนนต่อยะซีดเฉกเช่นชายที่ถูกเย้ยหยัน และฉันจะไม่หลบหนีเยี่ยงทาส… ฉันมิได้ลุกขึ้นเพื่อเผยแพร่ความชั่วร้ายหรือเพื่อโอ้อวด… แต่ทว่าฉันจะออกไปเพื่อฟื้นฟูคำสอนของมุฮัมมัด ท่านตาของฉัน… และฉันปรารถนาเพียงแค่กำชับในความดีงามและขัดขวางความชั่วร้ายเท่านั้น”
ฮุเซนตัดสินใจย้ายตัวเองและครอบครัวของท่านไปยังมักกะฮ์ด้วยความหวังว่าตัวแทนของยะซีดจะเคารพต่อเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ขณะที่ท่านรอคอย พลางขบคิดถึงการดำเนินการต่อไปของท่านนั้น จดหมายสนับสนุนก็เริ่มมาถึงจากทั่วอาณาจักร ท่านออกเดินทางเพื่อไปยังกูฟะฮ์ เมืองที่ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิรัก แต่ระหว่างทางท่านถูกขัดขวางโดยกองทหารที่ได้เข้าสะกัดกั้นฮุเซนและผู้สนับสนุนของท่านไม่ให้เดินทางไปยังกูฟะฮ์ และบีบให้ท่านต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังกัรบาลา เมืองแห่งทะเลทราย
เมื่อพวกท่านไปถึงกัรบาลา กองกำลังฝ่ายปกครองได้โอบล้อมคณะเล็กๆ ของพวกท่านและปิดกั้นการเข้าถึงแหล่งน้ำ เมื่อทั้งสองฝ่ายตั้งค่ายที่กัรบาลา การคุมเชิงกันจึงเกิดขึ้นตามมา ฮุเซนได้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าท่านไม่สามารถก้มหัวให้กับยะซีดได้ และจะไม่ทำด้วย กองทัพฝ่ายตรงข้ามมีทหาร 30,000 นาย ซึ่งเป็นจำนวนที่มากมายมหาศาลกว่าจำนวนคณะเล็กๆ ของฮุเซนที่มีเพียงเจ็ดสิบสองคนและครอบครัวของพวกท่าน
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ได้มีข้อความมาถึงฮุเซนว่า ยะซีดได้ส่งคำสั่งมาว่า ท่านจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากกัรบาลาไปจนกว่าท่านจะให้สัตยาบัน วาระสุดท้ายกำลังใกล้เข้ามา
คืนสุดท้าย
คืนนั้นฮุเซนได้เรียกชุมนุมกลุ่มของท่าน โดยได้เน้นย้ำกับพวกเขาว่า ยะซีดต้องการชีวิตของท่านเท่านั้น และพวกเขาสามารถหนีเอาชีวิตรอดไปได้ อีกครั้งที่ความไม่เห็นแก่ตัวของฮุเซนได้ฉายออกมาอย่างชัดเจน ท่านยืนหยัดอยู่ที่นั่น ท่ามกลางครอบครัวและมิตรสหายของท่าน ทุกคนขาดน้ำอยู่ในทะเลทรายที่ร้อนระอุมาเป็นเวลาสามวันแล้ว ท่านได้ร้องขอให้พวกเขาทิ้งท่านไปและรักษาตัวพวกเขาเองให้ปลอดภัย
หลังจากคุมเชิงกันมาหลายวัน กองกำลังฝ่ายปกครองก็ได้รับคำสั่งให้เข้าโจมตีและสังหารฮุเซนกับมิตรสหายของท่าน คนของฮุเซนมีจำนวนน้อยกว่าอย่างมาก พวกเขาถูกสังหารไปคนแล้วคนเล่า และกองกำลังฝ่ายปกครองได้เข้าล้อมรอบฮุเซน ในที่สุด ก็ได้สังหารท่าน
“ตายอย่างมีเกียรติดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศ”
หลังจากท่านเสียชีวิต บรรดาสตรีและเด็กๆ จากฝ่ายของฮุเซนถูกจับเป็นเชลย ซัยนับ น้องสาวของท่านได้เข้ารับหน้าที่ผู้นำของคณะเล็กๆ กลุ่มนี้ และได้กล่าวปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าประณามการกระทำของยะซีดและรัฐบาลของเขา ครั้งสำคัญที่สุดเป็นการเผชิญหน้าในราชสำนักของผู้ปกครองเอง ซัยนับน่าจะเป็นคนแรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจุดยืนของฮุเซน โดยใช้มันเป็นแรงกระตุ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลง เธอปฏิเสธที่จะอ่อนข้อและเก็บความหวาดกลัวของเธอเอาไว้ เธอจึงสามารถทำให้คนที่มีส่วนรับผิดชอบต่อความเสื่อมศีลธรรมทางสังคมมารับผิดได้
ถึงแม้ในสังคมสมัยนั้นจะมีการกีดกันทางเพศอย่างแพร่หลาย แต่ซัยนับก็สามารถเป็นผู้นำและบันดาลใจให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ตัวอย่างของฮุเซน ที่ชายคนหนึ่งสามารถยืนหยัดตามลำพังเผชิญหน้าต่อสู้กับกองทัพเป็นพันๆ ได้ กระตุ้นให้เธอมาถึงจุดที่สามารถตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์ทรราชย์ฆาตกรในพระราชวังของเขาเองได้ อันเป็นการปูพื้นฐานไปสู่การโค่นล้มราชวงศ์อุมัยยะฮ์ได้ในที่สุด
ทุกวันนี้ ประชาชนหลายล้านคนให้การคารวะต่อฮุเซน อิบนฺ อะลี เนื่องจากการยืนหยัดของท่าน และไว้อาลัยเป็นประจำทุกปีให้กับโศกนาฏกรรมแห่งกัรบาลา ที่ฮุเซน ครอบครัวและมิตรสหายที่จงรักภักดีของท่านถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดทีละคน ผู้แสวงบุญจากทุกชนชั้นทางสังคมมาเยือนสุสานของอิมามฮุเซนเพื่อแสดงความเคารพต่อท่านในเมืองกัรบาลา ประเทศอิรัก
อิมามหุเซนมิได้เป็นแรงบันดาลใจเพียงของมุสลิมหรือชีอะห์เท่านั้น ทว่านักต่อสู้และผู้นำขบวนการประชาชนระดับโลกที่ได้ศึกษาชีวประวัติอิมามหุเซนและวีรกรรมแห่งกัรบาลาอย่างเข้าใจ เช่น มหาตมะคานธี แห่งอินเดีย หรือ เนลสัน แมนเดลา แห่งแอฟริกาใต้ เป็นต้น พวกเขาต่างเชิดชูอิมามหุเซน รวมทั้งนำขบวนการต่อสู้ของอิมามหุเซนมาเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนการต่อสู้จนประสบความสำเร็จในที่สุด
ขอบคุณภาพ/ติดตามกิจกรรม www.facebook.com/whylovehusein