อายะตุลเลาะฮ์ อะรอฟี ร่วมงานครบรอบ 36 ปี ปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ที่มัสยิดรูฮุลเลาะฮ์ นครศรีฯ ย้ำอิมามโคมัยนีถอดแบบมาจากกัรบาลาและอาชูรอ

1697

อายะตุลเลาะฮ์ อะรอฟี ประธานอัลมุสตอฟา อัลอะลามียะฮ์ เยือนไทย ร่วมงานครบรอบ 36 ปี การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ที่มัสยิดรูฮุลเลาะฮ์ นครศรีธรรมราช ชี้การปฏิวัติอิหร่านพิสูจน์ให้เห็นว่า ศาสนาสามารถใช้ปกครอง และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประชาชาติได้อย่างสมบูรณ์ ย้ำอิมามโคมัยนีถอดแบบการปฏิวัตินี้มาจากเหตุการณ์กัรบาลาและวันอาชูรอ

เมื่อวันที่ 10 ..58 ในโอกาสทีมาเยือนประเทศไทย อายะตุลเลาะฮ์ อะลี ริฎอ อะรอฟี ประธานองค์การการศึกษาอิสลามนานาชาติ อัลมุสตอฟาและตัวแทน อายะตุลเลาะฮ์ อะลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งประเทศอิหร่าน พร้อมด้วย เชคการีมี กุดดูซี ตัวแทน มหาวิทยาลัยนานาชาติอัลมุสตอฟาประจำประเทศไทย ซัยยิดมุบาร็อก ฮูซัยนี นายกสมาคมนักเรียนเก่าไทยอิหร่าน และคณะ ได้เดินทางไปยังมัสยิดรููฮุุลเลาะฮ์ อ.ท่าศาลาจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพบปะกับนักเรียนเก่าไทยอิหร่านในภาคใต้ และร่วมงานครบรอบการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ปีที่ 36 โดยมีซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำมุสลิมชีอะห์และประธานมูลนิธิอัลมะฮ์ดี ประเทศไทย ให้กาารต้อนรับ

ในโอกาสนี้ อายะตุลเลาะฮ์ อะรอฟี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษกับพี่น้องจำนวนมากที่มาร่วมงานครบรอบปีที่ 36 แห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยชี้ให้เห็นถึงคุณค่าที่การปฏิวัตินี้ได้มอบให้แก่มวลมุสลิม และมนุษยชาติ

การปฏิวัตินี้ได้นำพามุสลิมหวนกลับสู่วิถีแห่งอิสลามอีกครั้งหนึ่ง และได้นำเสนออิสลามที่แท้จริงเป็นของขวัญให้แก่มนุษยชาติทั่วไป” อายะตุลเลาะฮ์ อะรอฟี กล่าว

ท่านได้เน้นย้ำว่า การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านได้ลบคำสบประมาทจากบรรดานักสังคมวิทยา/นักปราชญ์/นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการทั้งหลาย เรื่องที่ศาสนจักร มิอาจรวมกับ อาณาจักรได้

“การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ศาสนาสามารถใช้ปกครอง และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประชาชาติได้อย่างสมบูรณ์ เหมือนกับยุคที่ท่านนบีมูฮัมมัดได้รับการแต่งตั้ง ในขณะที่โลกปฏิเสธการปกครองด้วยศาสนา ท่านนบีก็ได้พิสูจน์ว่า ศาสนาที่นำมนุษย์สู่พระเจ้าองค์เดียว คือหนทางปกครองมนุษย์หนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุด”

การปฏิวัตินี้มอบสาส์นสำคัญหลักๆ 3 อย่างคือ สาส์นอันเกี่ยวข้องกับความยุติธรรมให้แก่ผู้ปกครอง สาส์นถึงผู้ถูกกดขี่ให้ลุกขึ้นต่อสู้ และสาส์นถึงประชาชนทั่วไปให้รู้จักตื่นตัว”

อายะตุลเลาะฮ์ อะรอฟี ยังอธิบายถึงคุณลักษณะพิเศษของอิมามโคมัยนี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ว่าคือสุดยอดนักวิชาการชั้นสูง ผู้เป็นเจ้าของทัศนะ และทฤษฎีต่างๆ ท่านอิมามเป็นอัจริยะ และรู้เรื่องศาสนาทุกสาขาวิชาอย่างแตกฉาน

“ที่สำคัญอิมามโคมัยนีเป็นผู้ขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ หลุดพ้นจากดุนยา กิเลส ตัณหา ทุกการเคลื่อนไหวทั้งหมด ท่านทำเพื่อประชาชน ตามที่ท่านเคยกล่าวาจาไว้ว่า ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ฉันไม่ได้ต้องการตำแหน่งใดๆ ในโลกนี้ ฉันเพียงต้องการเป็นทาสของประชาชนเท่านั้นอายะตุลเลาะฮ์ อะรอฟี อธิบายให้เห็นคุณลักษณะอันพิเศษของอิมามโคมัยนีและว่า

“นอกจากนั้น ท่านมีความเชื่อมั่น มีความหวัง และการยืนหยัดที่แน่วแน่ เช่นช่วงที่ยังปฏิวัติไม่สำเร็จ ขณะที่ถูกเนรเทศ ท่านได้ส่งสาส์นเพื่อสร้างความหวังให้แก่ประชาชน ว่า เราจะพบกับชัยชนะ เราจะกลับมาแน่นอน

อิมามได้ถอดแบบความเชื่อมั่นอันนี้ มาจากวีรกรรมแห่งกัรบาลา ในวันที่ ท่านหญิงซัยหนับ อยู่ท่ามกลางกรงเล็บของเหล่าทรราช ท่านได้มีความหวังอย่างแน่วแน่ ว่า ชื่อของอิมามฮูเซน ขบวนการแห่งอาชูรอ วีรกรรมและความโศกเศร้าแห่งกัรบาลา จะไม่มีวันถูกลบเลือนออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน”

อายะตุลเลาะฮ์อะรอฟียังกล่าวถึงความกล้าหาญของอิมามโคมัยนี โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ในวันหนึ่ง หลังอิมามสอนหนังสือในเมืองกุม และทรราชต้องการจะจับกุมอิมามไปประหารที่เตหะราน และอิมามโคมัยนีได้กล่าวว่า สาบาน ว่า ฉันไม่มีความกลัวใดๆ ต่อพวกเขา และพวกเขาต่างหากที่มีความกลัว

ความห้าวหาญของท่านยังคงมีอยู่ตลอดการเคลื่อนไหว เช่นในอีกกรณีหนึ่ง เมื่อประเทศที่เจริญในอดีต ต่างก็ได้ดีเพราะพึ่งพา ไม่กับทางตะวันตก ก็กับตะวันออก แต่ท่านก็ได้ประกาศจุดยืนชัดเจน ว่าเราจะไม่พึ่งใครทั้งตะวันออกและตะวันตก” อายะตุลเลาะฮ์อะรอฟี กล่าว

อายะตุลเลาะฮ์อะรอฟี ยังชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งของอิมามโคมัยนีกับประชาชน ที่เห็นได้จากประชาชนต่างพากันรักท่านด้วยหัวใจบริสุทธิ์ แม้จะถูกเนรเทศ ออกไปอยู่ฝรั่งเศสนานถึง 14 ปี แต่เมื่อวันที่อิมามเดินทางกลับอิหร่าน ประชาชนที่รักอิมามนับสิบล้านคนก็แห่แหนเดินทางเข้ามารอรับอิมามทันทีที่ทราบว่าอิมามได้เดินทางกลับมายังมาตุภูมิ และกระทั่งช่วงที่อิมามได้เข้าปกครองรัฐอิสลาม เป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่ง 8 ใน10 ปี คือ ช่วงสงครามอิรักอิหร่าน และอีก 2 ปีต่อมาอิมามก็ได้ถึงอสัญกรรม ซึ่งวันนั้นมีประชาชนกว่า 14 ล้านคนต่างรวมกันเดินขบวนร่ำไห้ต่อการสูญเสียท่านอีกด้วย

“อิมามโคมัยนีเป็นผู้นำที่เก่งกาจทั้งทางโลก และทางธรรม ทุกคนสามารถมองเห็นท่านได้จาก 2 มุม หนึ่งคือ มุมของนักการศาสนาผู้ปราดเปรื่อง เป็นชีอะฮ ผู้ปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์ (วงศ์วานศาสดา) และผู้นำการปฏิวัติ”

“และสอง ในมุมของนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่ง ที่เรียกร้องเสรีภาพให้กับโลกมุสลิม ทั้งซุนนีชีอะฮ์
ตามที่เห็นเป็นประจักษ์ ว่าสิ่งแรกที่อิมามได้กระทำภายหลังที่ท่านได้รับชัยชนะจากการปฏิวัติคือ ท่านได้ประกาศให้การช่วยเหลือ ชาวปาเลสไตน์ทันที หรือ ในช่วงสงคราม 8 ปี ซึ่งขณะนั้นที่ท่านกำลังรับมือกับสงคราม อิรักอิหร่านอยู่ข้างหนึ่ง แต่มืออีกข้างหนึ่งก็ยืนหยัดให้การช่วยเหลือ นักรบมุญาฮิดีน ที่กำลังต่อสู่กับกองกำลังของสหภาพโซเวียต แม้ว่าผู้นำของโซเวียตจะเรียกร้องให้ท่านหยุด โดยยื่นข้อเสนอให้การช่วยเหลือท่านในสงครามอิรักอิหร่าน แต่ท่านก็ปฏิเสธ”

“เช่นเดียวกัน นโยบายของท่านนี้ ก็ยังคงดำเนินอยู่ถึงปัจจุบัน ในกรณีของปาเลสไตน์ ที่ไม่ว่าศัตรูจะขอร้องให้รัฐอิสลามหยุดให้การช่วยเหลือ ยื่นข้อเสนอผ่อนปรนหรือ ยกเลิกการคว่ำบาตรใดๆ ท่านผู้นำสูงสุดก็ยังคงไม่ล้มเลิกที่จะช่วยเหลือปาเลสไตน์”

“อิมามโคมัยนีเป็นผู้มีจริยธรรม และคุณธรรมอันดีงาม ท่านนำเสนอสิ่งที่ไม่ขัดแย้งกับหลักการของศาสนาอื่นๆ ท่านรักสันติภาพ ยึดความเป็นเอกภาพ เละมีสานสัมพันธ์ที่ดีงามกับผู้คนต่างศาสนิก” อายะตุลเลาะฮ์อะรอฟีกล่าว

อายะตุลเลาะฮ์อะรอฟี ได้สรุปในตอนท้ายว่า 36 ปีแห่งการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านนั้น ใน 8 ปีแรกคือ สงคราม ซึ่งต่อมากระทั่งปัจจุบัน แม้จะถูกคว่ำบาตรมากมายหลายหน แต่ด้วยศิริมงคลของการปฏิวัติและประชาชาติ
อิหร่าน ณ วันนี้คือชาติหนึ่งที่เพรียบพร้อมไปในทุกๆด้านๆ

“ถ้าลองโยนปัญหาที่อิหร่านต้องเผชิญให้กับชาติใดชาติหนึ่ง แน่นอนว่า ชาตินั้นย่อมล่มสลายลงอย่างแน่นอน แต่ในทางตรงกันข้าม รัฐอิสลามแห่งอิหร่านกลับเข้มแข็งขึ้น มีการพัฒนาในระดับต่างๆ อย่างไร้สิ้นสุด ถ้าจะพูดถึงด้านความรู้ เราถือเป็นอันดับ 1ในตะวันออกกลาง และ อันดับ 14-15 ของโลกตามจำนวนนักวิทยาศาสตร์/นักคิดค้น/นักทฤษฎี/ปราชญ์ ของโลก”

“และในวันนี้ นโยบายของท่านก็ได้รับการสานต่อทั้งภายในอิหร่าน และภายนอก ซึ่งเราก็จะต้องเป็นหนึ่งในผู้สานต่ออุดมการณ์ดังกล่าวของอิมามโมัยนี เพื่อนำเสนอให้ประชาคมได้รับทราบถึงอิลสามที่แท้จริง อันเป็นอิสลามแห่งตรรกะ และปัญญา” อายะตุลเลาะฮ์อะรอฟี กล่าว

กล่าวสำหรับ อายะตุลเลาะฮ์ อะรอฟี เป็นนักการศาสนาที่โดดเด่นคนหนึ่งของประเทศอิหร่าน ดำรงตำแหน่งสำคัญๆหลายตำแหน่ง เช่น ประธานองค์การการศึกษาอิสลามนานาชาติ ที่รับผิดชอบดูแลนักศึกษาต่่างชาติซึ่งมีกว่า120 ประเทศที่เข้าไปศึกษาด้านศาสนาอิสลามในประเทศอิหร่าน โดยมีสถาบันในเครือข่ายกว่า 100 สถาบันทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยนานาชาติอัลมุสตอฟา อัลอาลามียะฮ์ ซึ่งท่านเป็นอธิการบดีด้วย นอกจากนั้นอายะตุลเลาะฮ์อะรอฟี ยังเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปวัฒนธรรมของอิหร่านที่กำกับทิศทางและนโยบายสำคัญๆ อิหร่าน และล่าสุดท่านเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นอิมามนำละหมาดวันศุกร์ประจำเมืองกุม ซึ่งเป็นเมืองศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า อายะตุลเลาะฮ์อะรอฟีเป็นผู้แทนที่ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจจากอายะตุลเลาะฮ์ คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน

 

โดย ดุอาอฺ กุเมล