เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของขบวนการฮามาสแห่งปาเลสไตน์ เข้าพบอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ในการเยือนเตหะรานตั้งแต่วันเสาร์ 20 ก.ค.
ในโอกาสนี้ผู้นำสูงสุดอิหร่านชี้ว่า ประเด็นวาระปาเลสไตน์ คือ ประเด็นวาระแรกที่สำคัญที่สุดของโลกอิสลาม คาเมเนอียังได้กล่าวยกย่องในการยืนหยัดต่อสู้อันน่าประหลาดใจของประชาชนชาวปาเลสไตน์และกลุ่มต่างๆ ทั้งในการต่อสู้และการยืนหยัดต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มฮามาส
“ชัยชนะนั้นจะไม่เกิดขึ้นโดยปราศจากการยืนหยัดและการต่อสู้ และเราเชื่อว่า ด้วยพันธะสัญญาที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระผู้เป็นเจ้าได้ระบุว่า ปัญหาปาเลสไตน์จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อชาวปาเลสไตน์และโลกอิสลาม จะได้รับผลประโยชน์เท่านั้น” ผู็นำอิหร่านเน้นย้ำ
ในช่วงเริ่มต้นของการเข้าพบ นายศอลิห์ อัลอารูรี รองหัวหน้าฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาสได้มอบจดหมายของนาย อิสมาอีล ฮะนียะฮ์ หัวหน้าฝ่ายการเมืองของฮามาสให้แก่ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ซึ่งคาเมเนอีได้กล่าวขอบคุณต่อการแสดงจุดยืนที่ดีและที่สำคัญอย่างมากของอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ ในจดหมายฉบับนี้ โดยคาเมเนอีกล่าวว่า “ฮามาสนั้นคือ หัวใจของการขับเคลื่อนของปาเลสไตน์ ดังเช่นที่ปาเลสไตน์นั้นคือ หัวใจของการขับเคลื่อนของโลกอิสลามนั่นเอง”
คาเมเนอีชี้ว่า การยืนหยัดตอต้านของประชาชนชาวกาซาและผู้ที่อาศัยในชายฝั่งทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนนั้น เป็นการแจ้งข่าวดีถึงชัยชนะ
“พระเจ้าทรงให้สัญญาในชัยชนะให้กับบรรดาผู้ที่ได้ยืนหยัดอย่างมั่นคง แต่ทว่า ในการบรรลุข้อสัญญานี้ มีข้อปฏิบัติที่จำเป็นจะต้องกระทำและที่สำคัญที่สุด ก็คือ การญิฮาด การต่อสู้ และความพยายามอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยในมิติต่างๆ ทั้งทางการเมือง ด้านวัฒนธรรม แนวคิด เศรษฐกิจ และทางการทหาร” คาเมเนอีกล่าว
เขายังได้เน้นย้ำอีกว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้น จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับประเทศใดๆ ก็ตามในโลกต่อประเด็นนวาระปาเลสไตน์ “เราได้ประกาศมาอย่างตลอดว่า ทัศนะของเราเกี่ยวกับเรื่องปาเลสไตน์นั้นชัดเจนและโปร่งใส แม้แต่ในเวทีนานาชาติ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรานั้น มีความคิดเห็นที่แตกต่างกับเราในประเด็นนี้ โดยที่พวกเขานั้นต่างก็ทราบดีว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นมีความจริงจังที่สุดในประเด็นวาระปาเลสไตน์”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญในความเป็นปฏิปักษ์กับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน คือ ประเด็นปาเลสไตน์ แต่ในความเป็นศัตรูและการสร้างความกดดันต่างๆ มิได้เป็นสาเหตุที่จะทำให้อิหร่านนั้นต้องเปลี่ยนจุดยืนของตนในประเด็นปาเลสไตน์ เพราะว่า การสนับสนุนปาเลสไตน์นั้น เป็นประเด็นหนึ่งของหลักศรัทธาทางศาสนา”
ผู้นำสูงสุดยังได้เน้นว่า “หากว่าโลกอิสลามนั้นมีความเป็นเอกภาพในการยืนหยัดในประเด็นวาระปาเลสไตน์ แน่นอนว่า สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ก็จะต้องดีกว่านี้อย่างแน่นอน และการที่บางประเทศที่เป็นลิ่วล้อของพวกสหรัฐ ดั่งเช่น พวกซาอุฯ ได้ถอยห่างจากประเด็นปาเลสไตน์นั้นคือ ความโง่เขลา เพราะว่า ถ้าหากพวกเขาให้การสนับสนุนปาเลสไตน์ พวกเขาจะได้คะแนนพิเศษในการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ”
ผู้นำสูงสุดอิหร่าน บอกว่า ชัยชนะของประชาชนชาวปาเลสไตน์นั้นเป็นวิถีแห่งพระเจ้าและการกลับคืนสู่แผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ยังโลกอิสลาม ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดหรือไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยกล่าวว่า “ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้ใดเชื่อว่า ในอิหร่านซึ่งเป็นศูนย์กลางในการแทรกแซงและความหวังของพวกสหรัฐฯ จะมีการปกครองในระบอบศาสนาเกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงสถานทูตอิสราเอลในกรุงเตหะรานให้กลายเป็นสถานทูตของปาเลสไตน์ แต่เรื่องที่ไม่มีใครเชื่อเช่นนี้ก็ได้เกิดขึ้น ฉะนั้น การเกิดขึ้นของประเด็นที่เมื่อมองแบบผิวเผินเป็นเรื่องแปลกนั้นก็มีความเป็นไปได้”
คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “การที่ท่านซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ์ (เลขาธิการฮฺซบุลเลาะห์เลบานอน) กล่าวว่า หากพระเจ้าทรงประสงค์ เราจะได้ทำนมาซร่วมกันในมัสญิดอัลอักซอ การกระทำเช่นนี้ก็เป็นความหวังของเราที่จะต้องเกิดขึ้นจริง”
เขายังได้เน้นว่า หนึ่งในข้อปฏิบัติที่จะทำให้ความหวังอันนี้ต้องเกิดขึ้น คือ การมีจุดยืนที่มั่นคง ดั่งเช่นที่ฮะนียะฮ์ได้ชี้ไว้ในจดหมายนี้ โดยคาเมเนอีกล่าวว่า “หากว่าเราทุกคนนั้นได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน แน่นอนว่า พันธสัญญาของพระเจ้าก็จะบังเกิดขึ้น”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงแผนการแห่งการทรยศของข้อตกลงแห่งศตวรรษ โดยเน้นว่า “เป้าหมายของแผนการอันตรายนี้ ก็คือ การกำจัดอัตลักษณ์แห่งความเป็นปาเลสไตน์ให้ออกไปจากประชาชนและบรรดาเยาวชนชาวปาเลสไตน์ที่จะต้องมีการต่อกรกับประเด็นนี้ โดยที่อย่าได้ปล่อยให้พวกเขาต้องใช้ประโยชน์จากเงินตราในการกำจัดอัตลักษณ์แห่งความเป็นปาเลสไตน์เป็นอันขาด”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงการเผชิญหน้ากับแผนการนี้นั้นต้องใช้การโฆษณาชวนเชื่อ วัฒนธรรมและแนวความคิด โดยกล่าวเสริมว่า “หนึ่งในวิธีการในการเผชิญหน้ากับแผนการนี้ คือ ประชาชนชาวปาเลสไตน์ จะต้องรู้สึกถึงความก้าวหน้าที่ประเด็นนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วในขณะนี้ ด้วยกับความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในหลายปีที่ผ่านมา ชาวปาเลสไตน์ได้ลุกขึ้นต่อสู้ด้วยการปาหิน แต่ในวันนี้ แทนที่ในการใช้หิน ด้วยการใช้ขีปนาวุธที่พุ่งเป้าชัดเจน นี่ก็แสดงถึงความรู้สึกในความก้าวหน้านั่นเอง”
ในการพบปะกันครั้งนี้ นายศอลิห์ อัลอารูรี ได้ฝากสลามและความคิดถึงของนายอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ และชาวปาเลสไตน์ มาถึงยังท่านผู้นำสูงสุดอิหร่าน โดยเขาได้เน้นว่า “ดังที่ พณฯ ท่านได้ชี้ไปแล้ว เรานั้นเชื่อว่า ด้วยกับพันธสัญญาของพระเจ้า อัลกุดส์(เยรูซาเล็ม) และปาเลสไตน์จะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากกรงเล็บของพวกรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และบรรดานักต่อสู้และประชาชาติอิสลามก็จะได้ทำนมาซร่วมกันในมัสญิดอัลอักซอ”
รองผู้อำนวยการสำนักงานฝ่ายการเมืองของฮามาส ยังได้ชี้ถึงจุดยืนที่ชัดเจนของท่านอิมามโคมัยนี ในการสนับสนุนในประเด็นวาระปาเลสไตน์ ทั้งก่อนการปฏิวัติอิสลาม และหลังการปฏิวัติอิสลาม และเช่นเดียวกันกับจุดยืนอันชัดเจนของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยเขากล่าวว่า “เรานั้น ก็ต้องขอกล่าวขอบคุณต่อการสนับสนุนที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงของสาธารณรัฐอิสลามที่มีต่อชาวปาเลสไตน์และพวกเรามาโดยตลอด”
ศอลิห์ อัลอารูรี ยังได้ชี้ถึงความเป็นศัตรูของสหรัฐและรัฐเถื่อนไซออนิสต์กับสาธารณรัฐอิสลามในการคว่ำบาตรและการข่มขุ่คุกคาม โดยเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เราในฐานะของขบวนการอิสลามเพื่อการยืนหยัดต้านทานและกลุ่มเคลื่อนไหวฮามาส ขอประกาศและเน้นถึงความร่วมมือกับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ไม่ว่า จะมีการดำเนินการใดๆ ที่ต่อต้านอิหร่าน ก็เท่ากับเป็นการต่อต้านปาเลสไตน์และการขับเคลื่อนในการยืนหยัดต้านทานด้วย และเรายังถือว่า การสนับสนุนอิหร่านนั้นเป็นแถวหน้าของพวกเรา”
เขายังได้ชี้ให้เห็นถึงขีดความสามารถในศักยภาพในการป้องกันของกลุ่มต้านทานในปาเลสไตน์ โดยกล่าวเสริมว่า “ความก้าวหน้าในการป้องกันของฮามาสและกลุ่มต่างๆ ในการยืนหยัดต้านทานนั้นไม่อาจที่จะเปรียบเทียบกับในหลายๆ ปีที่ผ่านมาได้ และในวันนี้ ในทุกพื้นที่ๆ ถูกยึดครองและศูนย์กลางหลักของรัฐเถื่อนไซออนิสต์นั้นอยู่ในการเพ่งเล็งของขีปนาวุธของกลุ่มมุกอวิมัต (ต้านทาน) แห่งปาเลสไตน์
รองผู้อำนวยการสำนักงานฝ่ายการเมืองฮามาส ยังได้ชี้ให้เห็นว่า แผนการของข้อตกลงแห่งศตวรรษนั้นถือว่าเป็นแผนการที่อันตรายที่สุดในการกำจัดอัตลักษณ์แห่งความเป็นปาเลสไตน์ และเขายังได้กล่าวรายงานถึงสถานการณ์ล่าสุดและสถานการณ์ในฉนวนกาซาและในพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
ในช่วงท้ายของการพบปะกันครั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาสได้มอบภาพมัสญิดอัลอักซอให้กับผู้นำสูงสุดอิหร่านด้วย