ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ เกิดความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และศาสนาอย่างมากมาย เนื่องจากนโยบายแห่งการสร้างความแตกแยกและก่อให้เกิดปัญหาด้านมนุษยธรรมตามมา แต่ด้วยความแตกต่างทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก เราก็สามารถคำนวณคิดเพื่อสร้างโลกแห่งอุดมคติให้เป็นจริงขึ้นมาได้
ประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุดในโลกคือการสร้างความแตกแยกและขัดแย้งทางชาติพันธุ์และศาสนา ทั้งนี้ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นมันขึ้นอยู่กับนโยบายแห่งการสร้างความแตกแยกเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองเป็นการเฉพาะ แน่นอนว่ามันไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหลาย ๆ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีรากเหง้าที่มีความเก่าแก่และยาวนาน อย่างไรก็ตามนโยบายแห่งการสร้างความแตกแยกได้รับการดำเนินการโดยรัฐบาลผู้ล่าอาณานิคมเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลเหล่านี้พยายามสร้างความแตกแยกโดยมีความคิดที่จะสร้างความเป็นมหาอำนาจและยึดครองโลก
หากไม่คำนึงถึงการพิจารณาทางการเมืองที่ซับซ้อนเหล่านี้แล้ว ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือการสร้างโลกแห่งอุดมคติและเอกภาพ ที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากความหวาดกลัว ความวุ่นวายและสร้างอนาคตใหม่ให้เกิดขึ้น แต่เมื่อโลกเต็มไปด้วยความขัดแย้งทั้งทางตรงและทางอ้อม เราจะคาดหวังให้เกิดเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้ได้อย่างไรเล่า ?
การสร้างโลกให้เป็นหนึ่งเดียวและเอกภาพย่อมมีเงื่อนไข การไม่ตอบสนองเงื่อนไขดังกล่าวของโครงการชิ้นใหญ่นี้ที่จะก่อให้เกิดความเป็นปึกแผ่นและหนึ่งเดียวกันก็ย่อมล้มเหลว ในเวลาเดียวกันดูเหมือนว่าโครงการนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อคำนึงถึงเงื่อนไขเหล่านี้ในแง่ของสภาวะทางการเมืองและเศรษฐกิจในโลกที่เป็นอยู่ เพราะในความเป็นจริงแล้วมีกระแสและพลังบางอย่างไม่อนุญาตและไม่ปรารถนาให้มีการรวมกันและมีความปึกแผ่นสามัคคีกันในหลายๆส่วนของโลก ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของกระแสความแตกแยกในโลกนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาทางศาสนาและเชื้อชาติ เมื่อคำนึงถึงเงื่อนไขเหล่านี้มีปัจจัยอันใดบ้างที่พอจะสร้างโลกในอุดมคติให้เกิดขึ้น ?
ประเด็นที่อาจจะก่อให้เกิดโลกแห่งอุดมคติ
ปฏิเสธการแบ่งแยกเชื้อชาติ – เมื่อสีผิวและเชื้อชาติไร้ความหมายก็จะไม่เกิดความห่างและความแตกต่างทางเชื้อชาติหลายอย่างก็จะหายไป การเหยียดเชื้อชาติยังคงแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่เรียกร้องอารยะธรรมและความก้าวหน้ามากกว่าประเทศอื่น ๆ การเหยียดผิวนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาพร้อมกับศาสนาแล้วก็ต้องเผชิญกับความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ความพยายามในการขจัดความยากจน – การกำจัดพรมแดนของความยากจนของมนุษย์ในเชิงการสร้างเท่าเทียมกันจะนำไปสู่การกำจัดความขัดแย้งและช่องว่าง ความยากจนเท่ากับการทำลายความเสมอภาคและนำมาซึ่งความเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันจะชี้ให้เห็นชัดในความสัมพันธ์กับภูมิหลังทางศาสนาที่เข้มงวดมาก
หลักคำสอนศาสนา – ในการอภิปรายเกี่ยวกับความแตกต่างทางศาสนาและความแตกต่างระหว่างนิกายโดยเฉพาะศาสนาที่มีรากฐานร่วมกัน ซึ่งหลักคำสอนทางศาสนาและการสอนเกี่ยวกับความเคารพและความเข้าใจที่มีเหตุผลของศาสนาอื่นสามารถช่วยในการขจัดความแตกต่างที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความพยายามในการส่งเสริมความยุติธรรมและความเสมอภาค – การส่งเสริมความยุติธรรมและความเท่าเทียมเป็นวิธีที่สำคัญที่สุดในการรับมือกับความขัดข้องทางสังคม เมื่อความยุติธรรมไม่เกิดขึ้น การกดขี่ก็จะปรากฏชัด และเมื่อการกดขี่ปรากฏขึ้นจะทำให้เกิดคลื่นแห่งความมืดซึ่งความแตกต่างทางชาติพันธุ์เป็นหนึ่งในนั้น
ความพยายามที่จะแสดงความเท่าเทียมกันของศาสนาแห่งพระเจ้าและชนเผ่า – นี่เป็นหนึ่งในหัวข้อย่อยของการปฏิเสธของการเหยียดสีผิว ซึ่งความเสมอภาคของทุกชนชาติเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในการรวมตัวของโลก เมื่อความเท่าเทียมกันนี้เกิดขึ้น อุปสรรคปัญหาที่คอยขวางที่ไม่ให้เกิดความเป็นปึกแผ่นและโลกแห่งอุดมคติก็จะถูกกำจัดออกไป แต่เมื่อความเท่าเทียมกันนี้ถูกทำลายลงไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียความสามัคคีเท่านั้นแต่ศัตรูกลับปรากฏตัวอย่างชัดเจนขึ้น
การสร้างวัฒนธรรมแห่งมิตรภาพ – วัฒนธรรมแห่งการสร้างมิตรภาพเป็นเพียงแค่สโลแกนทั่วโลกเท่านั้น แต่ถ้าหากมันมิใช่เป็นแค่สโลแกนแล้วปัญหาในปัจจุบันในโลกก็จะได้รับการแก้ไขและการรวมกันของศาสนาเชื้อชาติและเชื้อชาติจะปกคลุมไปทั่วทุกมุมโลก ซึ่งวัฒนธรรมแห่งการสร้างมิตรภาพนั้นมีหลายทางเลือกที่สามารถนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆได้
อ้างอิง http://jamejamonline.ir