ประธานาธิบดีสหรัฐฯและฝรั่งเศสฯ ได้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในข้อตกลงด้านอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านแม้จะมีการยืนยันจากเตหะรานว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้มีไว้เพื่อการเจรจาต่อรอง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้อิหร่าน ไม่กลับมาเริ่มต้นโปรแกรมการพัฒนานิวเคลียร์อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ประธานาธิบดีอิหร่าน ฮาซัน โรฮานี ได้เตือนวอชิงตันต่อความพยายามที่จะทำลายข้อตกลงที่ทำไว้เมื่อปี2015กับ6ชาติมหาอำนาจ โดยกล่าวว่า “การกระทำใดๆที่ไม่มีความเคารพต่อข้อตกลงระหว่างประเทศจะนำมาซึ่งผลกระทบที่ร้ายแรง”
ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แสดงความคิดเห็นเมื่อวานนี้ ระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับ เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ณ ทำเนียบขาวว่า “ถ้าหากพวกเขากลับมาริเริ่มโปรแกรมนิวเคลียร์อีกครั้ง พวกเขาจะพบกับปัญหาที่ใหญ่มากอย่างที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน” – ทรัมป์กล่าว
อีกมุมหนึ่ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เช่นเดียวกัน แสดงความเห็นด้วย และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสหรัฐฯ ในการเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงด้านอาวุธนิวเคลียร์อิหร่าน
“ผมสามารถพูดได้เลยว่า เรามีการพูดคุยกันอย่างเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแค่เราสองคนเท่านั้น ดังนั้นความปรารถนาของเราจากนี้ไป คือต้องทำงานเพื่อหาข้อตกลงใหม่กับอิหร่าน” – ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ในกรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้
ประธานาธิบดี มาครง ยังระบุว่า ข้อตกลงใหม่ควรรวมอีกสามองค์ประกอบเพิ่มเข้าไป ได้แก่ 1) โครงการพัฒนาขีปนาวุธของอิหร่าน 2)อิทธิพลของสาธารณะรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในภูมิภาค และ 3)สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากปี 2025 เมื่อกรุงเตหะรานเริ่มต้นโครงการพัฒนานิวเคลียร์ภายใต้ข้อตกลงเดิม
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสยังอธิบายว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านในปี2015 ที่รู้จักในนาม JCPOA นั้น ถือเป็น ขั้นตอนแรก (เสาเอก) ที่จะนำไปสู่ข้อตกลงสุดท้ายที่กว้างขึ้น
ทางด้านประธานาธิบดีฮาซัน โรฮานี แห่งอิหร่านก็ได้ออกมาแสดงความเห็นในวันนี้เช่นกันว่า
“เรายืนหยัดตามพันธะสัญญาของเราอย่างแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคย อย่างไรก็ดี ใครก็ตามที่ต้องการจะทรยศต่อภาระผูกพันที่มีกับเรา จงรู้ไว้เถิดว่า ผลกระทบที่ร้ายแรงของการกระทำในครั้งนี้จะกลับไปหาพวกเขาเอง”
Source: PressTV
