สถิติล่าสุด เผยว่า ผลการโจมตีของอเมริกาในตะวันออกลาง โดยเฉพาะในอิรัก นับตั้งแต่ปี 2003 ภายใต้การนำเสนอประชาธิปไตยสู่อิรัก ได้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์มาแล้ว 1.5 ล้านคน และสตรีต้องกลายเป็นหญิงม่าย 1 ล้านกว่าคน และทรัพยากรใต้ดินและน้ำของประเทศถูกปล้นสะดมเกือบหมดสิ้น
สำนักข่าวอับน่าของอิหร่านรายงานว่า ดีน ดาร์ ซีนบอรีย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลกิจการผู้อพยพผลัดถิ่นชนส่วนน้อยแห่งเมืองเคริด์ ในอิรัก เผยถึงสถานะภาพล่าสุดของพี่น้องชาวอิรักว่า ปัจจุบัน มีพี่น้องประชาชนต้องอพยพผลัดถิ่นแล้วจำนวน 2,300,000 คน ขณะเดียวกันผู้อพยพหนี้ภัยสงครามจากซีเรียเข้าอิรักอีกจำนวน 230,000 คน ทำให้การดูแลและการให้ความช่วยเหลือมีอุปสรรค์ปัญหามากยิ่งขึ้น
อีกด้านหนึ่ง สืบเนื่องจากนโยบายทางการเมืองของอเมริกาในการส่งออกระบอบประชาธิปไตยยังซีเรียนั้น ทำให้ประชาชนชาวซีเรียจำนวน 4 ล้านกว่าคน ต้องอพยพหนี้ออกจากประเทศ
ทางคณะกรรมการของสหประชาชาติเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่น เผยว่า ยอดผู้อพยพลี้ภัยยังประเทศต่างๆที่ใกล้เคียงจากนโยบายการส่งออกประชาธิปไตยของอมริกา มีจำนวนทั้งสิ้น 4 ล้านคน อพยพยังประเทศตุรกี 2 ล้านคน ยังเลบานอน 1.1 ล้านคน จอร์แดน 961,000 คน และ 230,000 คนยังอิรัก นอกเหนือจากนั้นกระจัดกระจายสู่ประเทศต่างๆทั่วโลก ภายในประเทศซีเรีย มีผู้อพยพผลัดถิ่นจำนวน 6.5 ล้านคน
นโยบายการส่งออกประชาธิปไตยของอเมริกา ยังอัฟกานิสถาน ทำให้ประชาชนไร้อาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัย 10 ล้านคน โดยที่พี่น้องชาวอัฟกานิสถานจำนวน 5 ล้าน ต้องเร่ร่อนอพยพอาศัยยังประเทศต่างๆทั่วโลก นอกจากนั้น ยังต้องนอนค่ายผู้อพยพลี้ภัยอีก จำนวน 3.6 ล้านคน
นโยบายการสร้างความแตกแยกและการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในแอฟริกของอเมริกา ทำให้พี่น้องประชาชนในแอฟริกาตกอยู่ในสถานะภาพเช่นเดียวกับชาวตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบัน ผลของเกิดวิกฤติเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้ชาวแอฟริกาต้องอพยพเข้าสู่เยเมน จำนวน 660,000 คนแล้ว
ในลิเบีย จากเหตุการณ์สงครามภายในและหลังจากที่นาโต้เข้าไปแทรกแซงโดยตรง ทำให้ชาวลิเบียต้องอพยพผลัดถิ่นภายในประเทศ แล้วจำนวน 600,000 คน
ทั้งหมดเหล่านี้เป็นผลลัพธ์ของนโยบายการส่งออกประชาธิปไตยของอเมริกา…