รู้จัก “ดีลแห่งศตวรรษ”และผลลัพธ์ที่ตามมา

323

“ดีลแห่งศตวรรษ”(Deal of the Century) หากอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายคือ การขายปาเลสไตน์ให้กับอิสราเอลเพื่อแลกเปลี่ยนกับการยอมรับอิสราเอลตลอดประวัติศาสตร์ของปาเลสไตน์และการสร้างความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างรัฐอาหรับและระบอบอิสราเอลโดยไม่มีรัฐปาเลสไตน์ในปาเลสไตน์…..

ด้วยการเปิดเผยกรอบทางการเมืองของ โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับแผนการบริหารของเขาสำหรับปาเลสไตน์ที่รู้จักกันในชื่อ “ดีลแห่งศตวรรษ” ซึ่งแผนของอเมริกันครั้งนี้กลายเป็นกระแสข่าวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เมื่อมองไปที่สื่อต่าง ๆ คุณจะพบเนื้อหามากมายเกี่ยวกับโครงการนี้ แต่สิ่งที่ต้องพูดจริงๆคือ แผนนี้ต้องการบอกอะไรและมีรายละเอียดอะไรบ้าง ?

นิยาม

ข้อตกลงแห่งศตวรรษ(ดีลแห่งศตวรรษ) คือแผนการของ Donald Trump เพื่อแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ภายใต้หัวข้อดังกล่าว แผนดังกล่าวมีพื้นฐานที่แตกต่างจากแผนของรัฐบาลสหรัฐฯในอดีต – ซึ่งรู้จักกันในนาม “กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง” ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือทรัมป์วางรากฐานดังกล่าวบนพื้นฐานเศรษฐกิจ ในขณะที่แผนการของรัฐบาลสหรัฐในอดีตสำหรับปาเลสไตน์นั้นเป็นแผนการทางการเมืองทั้งหมด

ส่วนต่างๆของดีลแห่งศตวรรษ

ดีลแห่งศตวรรษประกอบด้วยสองส่วนสำคัญที่ถูกนำเสนอภายใต้ “กรอบเศรษฐกิจ” และ “กรอบการเมือง”

ภาคเศรษฐกิจ

กรอบเศรษฐกิจของดีลแห่งศตวรรษถูกเสนอในเดือนมิถุนายน 2019 ระหว่างการประชุม “เชิงปฏิบัติการทางเศรษฐกิจมานามา” ในบาห์เรน ตามแผนที่ออกโดยทำเนียบขาวเมื่อสองวันก่อนการประชุมกรอบเศรษฐกิจของดีลแห่งศตวรรษประกอบด้วยสามส่วน:

-ปลดปล่อยศักยภาพทางเศรษฐกิจด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการเติบโตและการลงทุนเชิงพาณิชย์

-เพิ่มขีดความสามารถของประเทศปาเลสไตน์ผ่านการเสริมสร้างการบริการทางการศึกษา

-เสริมสร้างอำนาจอธิปไตยของปาเลสไตน์โดยการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น

ในส่วนเศรษฐกิจของดีลแห่งศตวรรษ ทรัมป์ได้แบ่งสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนระหว่างประเทศที่เคยเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งประมาณว่ามีค่าใช้จ่าย 50 พันล้านเหรียญสหรัฐในการทำข้อตกลงในศตวรรษนี้ และสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่าจะสร้างกองทุน $ 50 พันล้านที่จะใช้ในการลงทุนและสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ในจำนวนนั้น 28 ล้านดอลลาร์จะถูกจัดสรรให้กับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาและฝั่งตะวันตก 9 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับอียิปต์ 7.5 พันล้านดอลลาร์ให้กับจอร์แดน และ 6 พันล้านดอลลาร์ให้กับเลบานอน

ภาคการเมือง

ส่วนทางการเมืองของดีลแห่งศตวรรษถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2020 โดยโดนัลด์ทรัมป์ ส่วนนี้ประกอบด้วย 22 บท ซึ่งประเด็นทั้งหมดถูกกล่าวถึงในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับปาเลสไตน์ทั้งหมด

  1. บทนำ
  2. วิธีการ-กลยุทธ์
  3. โอกาสแห่งสันติภาพระหว่างรัฐบาลอิสราเอลและปาเลสไตน์ และภูมิภาค
  4. พรมแดน
  5. เยรูซาเล็ม
  6. แผนเศรษฐกิจของทรัมป์
  7. ความปลอดภัยและความมั่นคง
  8. ด่านต่างๆ
  9. ฉนวนกาซา
  10. เขตการค้าเสรี
  11. ข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา
  12. พอร์ต-ท่าเรือ
  13. แหล่งท่องเที่ยวทะเลเดดซี
  14. ปัญหาของการบำบัดน้ำและน้ำเสีย
  15. นักโทษ
  16. ผู้อพยพลี้ภัย
  17. โครงสร้างพื้นฐานของรัฐปาเลสไตน์
  18. การศึกษาและวัฒนธรรมแห่งสันติภาพ
  19. ความสัมพันธ์อาหรับ – อิสราเอล – หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
  20. การรับรู้ร่วมกันของทั้งสองรัฐ
  21. การสิ้นสุดข้อพิพาทและสิ้นสุดความขัดแย้ง
  22. การบริหารจัดการในระหว่างการเจรจา

ผลลัพธ์และผลที่ตามมา

จากการดำเนินการของสองส่วนนี้เราจะเห็นผลที่ตามมาดังนี้ :

-รัฐยิวในปาเลสไตน์ประวัติศาสตร์จะถูกสถาปนาขึ้นมา และรัฐปาเลสไตน์ที่ไม่ทราบว่าจะอยู่ตรงไหน จะต้องยอมรับว่าอิสราเอลเป็นประเทศของยิว

– อัลลกุดส์/เยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลแต่เพียงผู้เดียว และชาวปาเลสไตน์จะมีชานเมืองเขต “อบูดิส” เป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์ในอนาคต

-รัฐบาลปาเลสไตน์จะไม่มีวันเกิดขึ้น แต่เป็นการเตรียมการสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลที่ปลอดกองทัพในส่วนของเวสต์แบงก์ที่มีเนื้อที่น้อยกว่าร้อยละ 40 ซึ่งจะมีการหารือในการเจรจาระยะยาว

-ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์จะไม่มีสิทธิ์กลับไปที่ปาเลสไตน์อีกต่อไป

-กลุ่มขบวนการต่อสู้จะถูกระบุว่าเป็นการก่อการร้ายและจะมีการแนะนำในตำราการศึกษาแก่เยาวชนปาเลสไตน์ว่าเป็นการก่อการร้าย

-หยุดการยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่ออิสราเอลในหลักสูตรการเรียนการสอนของปาเลสไตน์

-ปลดอาวุธชาวปาเลสไตน์และกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซ่าและประกาศเป็นเขตปลอดอาวุธ และภูมิภาคนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันต้องถูกโดดเดี่ยวและไม่มีการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก

– อเมริกามีสิทธิ์จะประกาศสิทธิต่างๆของปาเลสไตน์ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหประชาชาติเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

-ยึดดินแดนของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองไปในปี 1948 และ ให้ปาเลสไตน์ได้กรรมสิทธิ์แทนในทะเลทรายนักบ์

-รัฐอาหรับในภูมิภาคนี้นอกจากยอมรับรัฐยิวอย่างเป็นทางการแล้ว จะต้องสร้างความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับระบอบการปกครองยิวไซออนิสต์ด้วย

-ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนประวัติศาสตร์ของปาเลสไตน์จะได้รับโอกาสทางเศรษฐกิจมากกว่าสิทธิทางการเมือง

-การตั้งถิ่นฐานทางอุตสาหกรรมจะถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ ฉนวนกาซาในทะเลทรายซีนายเพื่อรองรับแรงงานของชาวกาซ่า

-ประเทศเพื่อนบ้านปาเลสไตน์จะได้รับค่าตอบแทนเพื่อคุ้มครองผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ให้คงอยู่ในประเทศของตนเองต่อไป

source: tasnimnews