วันนี้ครบรอบสามปี นับจากการเริ่มต้นสงครามที่ซาอุดิอาระเบียก่อขึ้นในเยเมนด้วยข้ออ้างเพื่อสนับสนุนประธานาธิบดีผู้ลี้ภัย ทว่าเราต่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า การทิ้งระเบิดของซาอุดิอาระเบียได้ฆ่าและสังหารพลเรือนผู้คนไปมากสักเพียงใด ?
ตลอดสามปีของการทิ้งระเบิด โดยเครื่องบินรบและการโจมตีจากยูเออีและกองทัพซาอุดีอาระเบียต่อชาวเยเมน ในการสนับสนุนประธานาธิบดี Abdor Bass Mansour Hadi ผู้ซึ่งได้ยื่นคำร้องลาออกต่อรัฐสภาเยเมน ส่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนับหมื่นคน
การสู้รบและการโจมตีในเยเมน ทำให้มีพลเรือนกว่า 10,000 คนเสียชีวิต นับตั้งแต่การรุกรานของซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรและมากกว่า 53,000 คนได้รับบาดเจ็บ
ตัวเลขข้างต้นเกี่ยวข้องเฉพาะกับการเสียชีวิตโดยตรงที่เกิดจากสงคราม แต่ถ้าพิจารณาและรวมนับผลข้างเคียงอื่นๆของสงคราม และการทิ้งระเบิดทางอากาศ เช่นการโจมตีทำลายศูนย์อนมัย สถานบริการสุขภาพ หรือภัยพิบัติจากความหิว ความอดอยากและภาวะทุพโภชนาการแล้ว เฉพาะในปี 2017 เราพบว่า เด็กเยเมนจำนวน 50,000 คน ต้องสูญเสียชีวิตของพวกเขาเนื่องจากความอดอยากหรือโรค นั่นหมายความว่า ในแต่ละวัน มีเด็กเยเมน 130 คนที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามครั้งนี้
นอกจากนี้ชาวเยเมนประมาณ 400,000 คนกำลังต้องการความช่วยเหลือและการรักษาอย่างเร่งด่วนเนื่องจากภาวะทุพโภชนาการที่รุนแรง
สำนักงานประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (UNHCR) คาดการณ์ว่าชาวเยเมนประมาณ 3 ล้านคนถูกขับไล่ออกจากพื้นที่อาศัย เพราะสงครามที่ถูกยึดเยื้อไว้ และจำนวนอีก 280,000 คน ต้องอพยพและลี้ภัยไปยังแอฟริกาเหมือนกับชาวแอฟริกัน เช่นจิบูตีและโซมาเลีย และเงื่อนไขเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะคนเยเมนต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานจากความหิวโหยและขาดที่พักพิง
นอกจากนี้ประชากรในประเทศนี้ที่ยังไม่ได้ย้ายถิ่นฐานและลี้ภัย ก็มีปัญหามากมายที่ต้องเผชิญหน้า เพื่อเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพและการแพทย์ ในรายงานฉบับล่าสุดขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า จาก 27 ล้าน คน เยเมรมีประชากร 18.8 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (อาหาร) และ 14.8 ล้านคนต้องการบริการด้านสุขภาพและการแพทย์
ในบริบทนี้ ความต่อเนื่องของการทิ้งระเบิดทางอากาศและการทำลายโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทาง และการปิดล้อมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเยเมนโดยซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรได้นำไปสู่ความเสื่อมโทรมในกิจกรรมขององค์กรด้านมนุษยธรรมและด้านสิทธิมนุษยชน
https://www.tasnimnews.com