Opinion: บทเรียนในประวัติศาสตร์ กับการรุกราน “เยเมน”

634

เยเมนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ศัตรูในอดีตไม่สามารถยึดครองได้อย่างสมบูรณ์  และมีสภาวะการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับการดูแล ครอบครองท่าเรือ  อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พันธมิตรซาอุดิอาระเบียได้ปฏิบัติการโจมตีครั้งสำคัญ เพื่อยืดท่าเรือ Hadida แต่พวกเขาก็ต้องพบกับความล้มเหลว   

หากพิจารณาจากทัศนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร เชื่อว่า สงครามอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและโอกาสในชัยชนะสำหรับพันธมิตรซาอุดีอาระเบีย – เอมิเรสต์ นั้นเลือนราง  โดยพวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากช่วงต้นของมหกรรมฟุตบอลโลก ขณะที่ผู้คนต่างมุ่งความสนใจไปที่ฟุตบอลโลกในรัสเซีย ทำการเริ่มต้นปฏิบัติการโจมตีในเยเมน เพื่อความราบรื่นในการปฏิบัติการต่างๆ ถึงแม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยการสังหารหมู่ชาวเมืองในท่าเรือ Hadida ก็ตาม แต่เป้าหมายคือ การยึดท่าเรือให้สำเร็จ

พันธมิตรซาอุฯ ได้ใช้ความสามารถทางการทหารทั้งหมด ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ และกองกำลังในการปฏิบัติการ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากหลายประเทศในแถบตะวันตก เป็นผู้ชี้นำทัพและดูแลการปฏิบัติการอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะที่เขียนบทความนี้ พันธมิตรซาอุฯ ก็ยังไม่สามารถยึดครองสนามบินได้ แล้วนับประสาอะไรที่จะไปยึดครองเมืองท่า Hodida? เป็นที่น่าแปลกใจว่า ทำไมผู้นำกลุ่มพันธมิตรซาอุฯจึงไม่เรียนรู้บทเรียนจากประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านมา…

สหราชอาณาจักร ด้วยความยิ่งใหญ่ทั้งหมด ก็ยังไม่สามารถรุกคืบไปไกลถึงท่าเรือ Aden  เพราะรู้ว่าการเข้าไปในเยเมนไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจจะนำไปสู่การสูญเสีย และทำลายกองกำลังของตน

ในระหว่างการปกครองของราชวงศ์ซาอูด แห่งซาอุดิอาระเบีย พวกเขาได้รุกรานและครอบครองทั้งคาบสมุทรอาหรับด้วยการสนับสนุนจากอังกฤษ  แต่เมื่อเข้ามาถึงชายแดนเยเมน พวกเขาก็ต้องหยุดชะงัก โดยไม่สามารถมอบความพ่ายแพ้แก่เยเมนได้ พวกเขารู้ว่า การเข้าไปในเยเมนจะนำไปสู่การล้มสลายของกองทัพของพวกเขา

อียิปต์เมื่อห้าสิบปีก่อน ซึ่งได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของอำนาจ ก็เคยยกทัพโจมตีเยเมน แต่กลับต้องล้มเหลวในการเอาชนะชาวเยเมน และถอยทัพไปพร้อมกับทหารนับพันคน

เหตุผล

ชาวเยเมนเป็นผู้ปกป้องพิทักษ์ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนอย่างแท้จริง  ในขณะที่กองกำลังรุกรานไม่มีแรงจูงใจในการสู้รบ

ไม่ว่ากองกำลังจะมีจำนวนมากเท่าใดก็ตาม  พวกเขาจะไม่ส่งผลใด ๆ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับแรงบันดาลใจทางทหาร ทำให้ผลลัพธ์คือความพ่ายแพ้

หลายสงครามครั้งใหม่ได้แสดงให้เห็นแล้ว ตั้งแต่สงครามเกาหลี เวียดนาม จนถึงสงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก  สหรัฐอเมริกาซึ่งถือเป็นมหาอำนาจของโลก ไม่เคยประสบความสำเร็จกับการใช้ทหารอเมริกัน

อิสราเอล ด้วยกับอาวุธและยุทโธปกรณ์ พันธมิตรที่เป็นมหาอำนาจโลก และแม้กระทั่งแรงจูงใจของทหารของตน  ก็ยังต้องเผชิญกับความล้มเหลว และพ่ายแพ้ให้แก่ชาวปาเลสไตน์และเลบานอน ซึ่งปราศจากอาวุธที่ครบครัน และกองกำลังที่มากมาย

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่ประการใด หากพวกซาอุฯและพันธมิตรจะไม่สามารถยึดเยเมนด้วยกับทหารรับจ้างเหล่านี้

ทหารรับจ้าง กำลังต่อสู้เพื่อเงินไม่กี่ดอลลาร์ที่พวกเขาควรจะได้รับ และพวกเขาต้องเอาตัวรอดจนกว่าพวกเขาจะได้รับมัน ทั้งยังมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเม็ดเงินจากความยากลำบากเหล่านั้นอีกด้วย เห็นได้ชัดว่า พวกเขาไม่ได้มีความเต็มใจที่จะให้ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย  ขณะที่นักรบของเยเมน ยอมพลีชีวิตตน และครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่างจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตเพื่อปกป้องประเทศชาติ และอุดมการณ์ของตน

ถ้าเป้าหมายของพันธมิตรได้รับการสนับสนุนเห็นชอบจากชาวเยเมนบ้าง พวกเขาก็คงสามารถหากองกำลังนักรบจากภายในประเทศเยเมนได้อย่างเพียงพอตามที่พวกเขาต้องการ แต่พวกเขากลับถูกบังคับให้รับสมัครนักรบรับจ้างจากต่างประเทศ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า ไม่มีชาวเยเมนเห็นชอบกับบรรดาผู้รุกราน และพันธมิตรของพวกเขา

ปัญหาเดียวกันนี้ ยังสร้างอุปสรรคเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับกลุ่มพันธมิตร  เพราะการต่อสู้ในภาคพื้นดิน เป็นประเด็นที่ประชาคมโลกไม่อาจจยอมรับได้

พวกเขาจึงพยายามแสดงอาวุธบางอย่าง และประกาศว่า กลุ่มอันศ็อรุลเลาะห์เยเมน ได้รับอาวุธเหล่านี้จากอิหร่าน และอ้างว่า มันเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการเอาชนะได้ในสงครามเยเมน และใช้มันสร้างความชอบธรรมในการรุกรานเพิ่มเติม

ไม่มีใครตั้งคำถามบ้างหรือว่า อาวุธสมัยใหม่ที่ซาอุฯ ซื้อมาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส อิสราเอลและฯลฯ ซึ่งมีมูลค่ากว่าหลายพันล้านเหรียญ คืออะไรกัน  ?

นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าเยเมนกำลังตกอยู่ในการปิดล้อมทั้งทางอากาศทะเลและทางบก   และยังไม่ชัดเจนว่าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า อาวุธที่กลุ่มอันศอรุลเลาะห์ใช้ในการต่อกรเป็นของอิหร่าน แต่ถ้าสมมติว่า พวกเขาได้รับอาวุธจากอิหร่านจริง ประเด็นก็ไม่ได้อยู่ที่แหล่งที่มาของอาวุธ เพราะพวกเขายังสามารถใช้มัน ทั้งปืนกลและขีปนาวุธเหล่านี้ยิงตอบโต้และยืนหยัดต่อสู้กับเหล่าศัตรูได้อย่างประสบความสำเร็จ ทั้งๆที่คู่ขัดแย้งก็มีอาวุธที่ทันสมัย แข็งแกร่ง และครบครัน และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ?

ดังนั้น ปัญหาของความพ่ายแพ้ ไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ คุณภาพ หรือที่มาของอาวุธ ….  แต่มันเป็นแรงจูงใจต่างหาก  แรงจูงใจที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกวันที่สงครามเยเมนยังคงดำเนินอยู่ต่อไป  ประกอบกับจำนวนศัตรูของกลุ่มพันธมิตรที่เพิ่มมากขึ้น  ซึ่งก่อนที่มันจะสายไปกว่านี้ พันธมิตรจะต้องยุติการโจมตีต่อชาวเยเมน มิฉะนั้น จะเป็นไปได้ว่า เม็ดทรายแห่งจิตวิญญาณที่กล้าหาญของกองกำลังอาสาสมัครชาวเยเมน จะบดขยี้กองกำลังพันธมิตร

และวันนั้นจะมาถึง เมื่อความล้มเหลวและพ่ายแพ้ของพันธมิตรซาอุฯต่อเยเมนจะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ และทุกคนจะกล่าวขานว่าชาวเยเมน ด้วยกับแรงบันดาลใจอันแรงกล้าของตน ยังคงยืนหยัดต่อสู้กับกองกำลังทหารระดับโลก  และแม้ในสภาวะที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก โดยไม่ยอมขายมโนธรรมของพวกเขาให้เศษเงินเพียงแค่ไม่กี่ดอลลาร์ ทว่าคนเยเมนยังคงได้รับชัยชนะ และเหตุการณ์นี้จะกลายเป็น “บทเรียนจากเยเมน” ให้แก่ชาวโลกในอนาคตอย่างแน่นอน…อินชาอัลลอฮ์

Source:ir.sputniknews