เลขาธิการฮิซบุลลอฮ์ชี้ ความขัดแย้งในภูมิภาคไม่ใช่เรื่องนิกาย ศัตรูคือ อเมริกา อิสราเอล และพวกหัวรุนแรงสุดโต่ง

508


อัลมานาร – ซัยยิดฮาซัน นัสรุลลอฮ์ เลขาธิการฮิซบุลลอฮ์ ปรากฏตัวโดยไม่หวั่นเกรงอันตรายใดๆ ในงานรำลึกถึงค่ำคืนที่สิบแห่งอาชูรอ ที่ซัยยิดชูฮาดาคอมเพล็กซ์ เพื่อแสดงท่าทีต่อประเด็นต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระดับภูมิภาค

“ผู้สมัครรับเลือก ตั้งประธานาธิบดีตัวจริงของเราคือพลเอกมิเชล อาวน์” ซัยยิดนัสรุลลอฮ์ กล่าวจากชานเมืองทางตอนใต้ของเบรุต ในงานรำลึกถึงค่ำคืนที่สิบแห่งอาชูรอ และกล่าวเสริมว่า “ใครที่หวังจะให้เกิดความขัดแย้งภายนอกเพื่อเลือกตั้งประธานาธิบดีคงจะต้อง รอไปอีกหลายปี” เขากล่าวว่า ถ้ากองกำลังภายในประเทศต้องการจะเข้าร่วมการเจรจาแห่งชาติ “พวกเขาจะต้องปลดปล่อยตัวเองจากการยับยั้งระดับภูมิภาคเสียก่อน”

“การเจรจาหลักๆ จะต้องเกิดขึ้นกับผู้สมัครของเรา ซึ่งมีชื่อว่ามิเชล อาวน์” เขากล่าว ซัยยิดยังเสริมอีกว่า เตหะรานปฏิเสธกรอบข้อตกลงตามการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ และซีเรีย ที่แม้ว่าจะมีวิกฤติการณ์ภายใน ก็ได้ประกาศการยอมรับต่อความเห็นชอบของชาวเลบานอนในการเลือกตั้ง “ถ้าหากการเลือกตั้งประธานาธิบดีหลุดออกไปจากมือของชาวเลบานอน ดังนั้น เรามาช่วยกันเอามันคืนกลับมาจากมหาอำนาจแห่งภูมิภาคเกิด”

เกี่ยวกับเรื่องการ ขยายเวลาของรัฐสภา ซัยยิดนัสรุลลอฮ์กล่าวว่า การมุ่งหน้าไปสู่สูญญากาศในรัฐสภานั้นเป็นการต่อสู้ช่วงชิงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันมีสูญญากาศในตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย “เราปฏิเสธที่จะมุ่งไปสู่สุญญากาศ แต่สมาชิกฝ่ายซุนนีกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งสภาชิกรัฐสภา ขณะที่สมาชิกของคริสเตียนกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้มีการขยายเวลา” ซัยยิดกล่าวต่อไปว่า “เรามีทางเลือกสำหรับรัฐสภาอยู่สามทาง คือการขยายเวลา, สุญญากาศ และการเลือกตั้ง” เขาชี้ว่าการขยายเวลาหรือการเลือกตั้งนั้นดีกว่าสุญญากาศ เขาได้เรียกร้องให้ทุกกลุ่มในรัฐสภาช่วยโฆษกนาบิฮ์ บิรฺรี เพื่อดึงประเทศให้ออกมาจากวิกฤติกาลครั้งใหญ่

 

https://www.youtube.com/watch?v=J8JYgg_KpfE

 

ส่วนในเรื่องการพัฒนา ความมั่นคงในกรุงทริโปลี ซัยยิดนัสรุลลอฮ์กล่าวว่า กองทัพเลบานอนได้แบกรับภาระอันหนักหน่วงที่สุดในสถานการณ์ความท้าทายในทริ โปลี “พวกเขาต้องเผชิญกับการต่อว่าอย่างมากมายในพื้นที่ ในสื่อ และในระดับทางการเมือง แต่พวกเขาก็ยังปฏิบัติภารกิจของพวกเขาต่อไป และประสบความสำเร็จ”

“ปัจจัยสำคัญที่ช่วย ให้เลบานอนได้ก้าวผ่านความหายนะครั้งใหญ่นี้ก็คือ การปฏิบัติตัวของประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองทริโปลีและภาคเหนือ และผู้นำทางการเมืองของชุมชนมุสลิมซุนนีที่รักของเรา” เขาได้กล่าวเสริมเพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี, มุฟตี และอดีตนายกรัฐมนตรีออกมาแสดงท่าที “แต่บทบาทสำคัญอยู่ที่ขบวนการอัล-มุสตักบัล และผู้นำของมัน”

“ขบวนการต้านทานนี้ ไม่เคยแสดงตัวว่าเป็นกลุ่มที่มีหน้าที่รักษาความมั่นคงภายในประเทศ” เขากล่าว “เราขอเน้นถึงความมั่นใจของเราในสถาบันทางการทหาร ซึ่งตั้งขึ้นเป็นเครื่องรับประกันสำหรับเลบานอน สันติภาพของพลเรือน และความอยู่รอดของบ้านเมือง ไม่ว่าสภาวะของบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และไม่มีทางเลือกให้กองทัพในการรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพ”

เกี่ยวกับการช่วย เหลือของอิหร่านที่ให้แก่กองทัพของเลบานอนนั้น เลขาธิการฮิซบุลลอฮ์ประกาศว่า อิหร่านพร้อมเสมอที่จะให้เงินช่วยเหลือแก่กองทัพเลบานอน “ในการช่วยเหลือของอิหร่านนั้นมีอาวุธยุทโธปกรณ์โดยไม่มีการหาประโยชน์ใดๆ และการรับสิ่งเหล่านั้นมาจะเป็นผลประโยชน์ของกองทัพและเลบานอน” ซัยยิดได้เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจทางการเมืองทุกฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจา และกล่าวว่า “ถ้าเราต้องการแยกประเทศของเราออกมาเราต้องจัดให้มีการพูดคุย และมีพันธมิตรบางฝ่ายที่ได้พูดกับเราและถามเราว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีการเจรจาระหว่างอัล-มุสตักบัล กับฮิซบุลลอฮ์หรือ? เราบอกว่าเราไม่รังเกียจ”

ซัยยิดนัสรุลลอฮ์ยัง ได้กล่าวถึงเรื่องทหารของกองทัพเลบานอนที่ถูกกลุ่มต่อสู้ลักพาตัวไป “ประเด็นนี้อยู่ในความคิดและหัวใจของเรา รัฐบาลเลบานอนกำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ และข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้ครอบครัวของทหารเหล่านี้มีความอดทนมากยิ่งขึ้น และให้การสนับสนุนรัฐบาลมากยิ่งขึ้น เพราะในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้เราจำเป็นต้องรวมกันเป็นหนึ่งและร่วมมือ กัน”

ผู้นำฮิซบุลลอฮ์เน้น ว่า ความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ไม่ใช่ความขัดแย้งทางนิกาย “มีความเข้าใจผิดในการวินิจฉัยลักษณะของปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคใต้ ซึ่งไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างซุนนี-ชีอะฮ์ เหตุการณ์ในอียิปต์ การโจมตีชาวคริสเตียนในอิรัก การกำจัดชนเผ่ายาซิตี้ และการต่อสู้ในโคบานี เกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างซุนนี-ชีอะฮ์หรือ? … พวกเราชาวชีอะฮ์ จะต้องไม่ถือว่าความขัดแย้งนี้เป็นเรื่องความเห็นต่างทางนิกาย เราไม่ได้ต่อสู้กับชาวซุนนี แต่เราต่อสู้กับการตั้งตนเป็นใหญ่ของอเมริกา เล่ห์กลของอิสราเอล และพวกตักฟีรี (กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง)”

เมื่อจบการ ปราศรัย ท่านซัยยิดได้เชิญชวนมหาชนให้เข้าร่วมการเดินขบวนในวันที่สิบแห่งอาชูรอ เพื่อแสดงการให้สัตยาบรรณต่ออิหม่ามฮุเซน อ. และท่านหญิงซัยนับ อ.