“ระเบิดปรมาณูของนัศรุลเลาะฮ์” ยังคงอยู่ในไฮฟา

907

 Jamnews –  ผลการประเมินบ่งชี้ว่า หาก ” ระเบิดปรมาณูของนัศรุลเลาะฮ์ ” ระเบิดขึ้นมาแล้วจะทำให้ชาวอิสราเอล 17,000  คนเสียชีวิต และมีความเป็นไปได้ว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงถึง 80,000  คน

หนังสือพิพม์ อัลอัคบาร์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ ฮะซัน นัศรุลเลาะฮ์ เลขาธิการฮิซบุลเลาะฮ์ ขู่ที่จะการกำหนดเป้าหมายโจมตีแหล่งโรงงานแอมโมเนียของอิสราเอล หากเกิดสงครามขึ้นมา ทำให้แวดวงการเมือง ของอิสราเอลและวงการสื่อเรียกการข่มขู่ครั้งนี้ว่า “ระเบิดปรมาณูของนัศรุลเลาะฮ์ ”

กระทรวงสิ่งแวดล้อมของอิสราเอลได้เปิดเผยความพ่ายแพ้ของระบอบการปกครองไซออนิสม์ในการดำเนินแผนการของเขาในการย้ายคลังสารแอมโมเนียในไฮฟา  โดยที่กระทรวงได้เสนอโครงการดังกล่าวให้กับ บริษัทต่างๆในการเข้ามาอุปาทานเคลื่อนย้ายโรงงานผลิตแอมโมเนียในเขตพื้นที่ Rotem ในทะเลทรายเนเกฟในภาคใต้ของปาเลสไตน์ และย้ายออกไปให้ห่างจากจากพื้นที่ที่อยู่อาศัย แต่ไม่มีบริษัทใดแสดงความตั้งใจที่จะดำเนินการโครงการดังกล่าว   ซึ่งการเลือกทะเลทรายเนเกฟนั้นเพื่อทำการเคลื่อนย้ายโรงงานดังกล่าวหลังจากที่พลเมืองและผู้อยู่อาศัยในเขตตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์และพื้นที่อื่น ๆออกมาคัดค้าน ในการสร้างโรงรานในสถานที่ดังกล่าว  เพราะพลเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้มีความกังวลภัยคุกคามหลังจากฮิซบุลเลาะฮ์  ด้วยเหตุนี้อิสราเอลจำยอมที่จะต้องย้ายโรงงานดังกล่าวไปยังทางใต้ของทะเลทรายเนเกฟ

นัศรุลเลาะฮ์ ได้ขู่อิสราเอลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้อิสราเอลออกมาให้คำมั่นสัญญาแก่พลเมืองตนเองที่จะย้ายโรงงานดังกล่าวไปยังทางตอนเหนือของปาเลสไตน์  โดยมีการเคลื่อนย้ายสาร แอมโมเนียไปยัง Negev และให้ความเสี่ยงสิ้นสุดลง  เนื่องจากขีปนาวุธของฮิซบุลเลาะฮ์สามารถยิงถึงโรงงานก๊าซแอมโมเนียในไฮฟา และจะเป็นชนวนระเบิดขึ้นมาที่จะสามารถคร่าชีวิตชาวอิสราเอลนับหมื่นคน

โรงงานก๊าซแอมโมเนียในไฮฟามีสารพิษอยู่ประมาณ 12,000 ตัน  ซึ่งหากเกิดการโจมตีหรือสงครามขึ้นมา มันจะระเบิดและรั่วไหลและแพร่กระจาย

หนังสือพิมพ์ Maariv อิสราเอล เขียนว่า  ผลการประเมินบ่งชี้ว่า หาก ” ระเบิดปรมาณูของนัศรุลเลาะฮ์ ” ระเบิดขึ้นมาแล้วจะทำให้ชาวอิสราเอล 17,000  คนเสียชีวิต และมีความเป็นไปได้ว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงถึง 80,000  คน
นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความสูญเสียด้านวัตถุจะมีมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง