Presstv – การประชุมสมัชชาโลกการตื่นตัวของอิสลามครั้งที่ 9 ภายใต้หัวข้อ “การตื่นตัวของอิสลาม จะไม่ถูกทำให้หยุดลงได้” ได้เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันเสาร์ในกรุงแบกแดด โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง นักวิชาการและผู้รู้ศาสนา และบุคคลสำคัญจาก 22 ประเทศเข้าร่วม
ในการสัมมนาครั้งนี้ อาลีอัคบาร์ วิลายะตี ที่ปรึกษากิจการระหว่างประเทศของผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน และเลขาธิการสมัชชาโลกการตื่นตัวของอิสลามได้กล่าวปราศรัย ได้ชี้ว่า ซาอุดีอาระเบียคือสาเหตุของวิกฤตการณ์จำนวนมากในตะวันออกกลาง
อาลีอัคบาร์ วิลายะตี ที่ปรึกษากิจการระหว่างประเทศของผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน และเลขาธิการสมัชชาโลกการตื่นตัวของอิสลาม ได้กล่าวในวันเสาร์ที่ (22-10-59) ในการประชุมสภาสูงสุดของสมัชชาโลกการตื่นตัวของอิสลามครั้งที่ 9 ในกรุงแบกแดด ว่า “ซาอุดีอาระเบียคือสาเหตุของวิกฤตการณ์จำนวนมากในตะวันออกกลาง โดยอาศัยเงินและการสร้างวิกฤตความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม”
เขาย้ำว่า ขณะนี้ซาอุดิอาระเบียกำลังดำเนินการที่จะสร้างความสัมพันธ์กับระบอบอิสราเอลผู้ยึดครองดินแดน ซึ่งนั่นหมายความว่า “เป็นการแทงอิสลามข้างหลัง”
ดร.วิลายะตี กล่าวเสริมว่า บรรดาศัตรูแม้ว่าจะมีการจัดตั้งกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถที่จะสร้างแบบจำลองทางเลือกและคู่แข่งสำหรับการตื่นของอิสลามขึ้นมาได้
เขากล่าวเสริมว่า หลังจากการเริ่มต้นของกระแสการตื่นตัวของอิสลาม และการจัดตั้งสมัชชาโลกการตื่นตัวของอิสลาม โดยการกำกับดูแลของผู้นำสูงสุดผ่านพ้นไปมากกว่าห้าปี ถึงแม้นว่าบรรดาผู้ต่อต้านการตื่นตัวของอิสลามจะจัดตั้งกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ขึ้นมาในฐานะคู่แข่ง เพื่อที่จะทำให้แผนการต่างๆ ในการแบ่งแยกดินแดนทั้งหลายคืบหน้าไป แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความต้องการต่างๆ ทั้งหมดของตนในการที่จะควบคุมกระแสการตื่นตัวของอิสลามขนาดใหญ่นี้บรรลุผลได้
วิลายะตีได้กล่าว ในการประชุมครั้งนี้โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง นักวิชาการและผู้รู้ศาสนาจาก 22 ประเทศอิสลามเข้าร่วม ว่า ขณะนี้แรงบันดาลใจต่างๆ ในการญิฮาด (การต่อสู้) ได้ถูกกระพือไปในหมู่ประชาชนทั้งชีอะฮ์และซุนนีในซีเรียและอิรักแล้ว และประชาชนมุสลิมของซีเรียและอิรักได้ยืนเคียงข้างกองทัพและกองกำลังทหารของทั้งสองประเทศดังกล่าวใน “แนวรบเดียวกัน” เพื่อทำลายกลุ่มตักฟีรีทั้งหลาย และยังได้รับชัยชนะต่างๆที่ยิ่งใหญ่
เขากล่าวว่า แน่นอนยิ่งความปราชัยของกลุ่มไอซิสและกลุ่มตักฟีรีในซีเรียและอิรักจะนำโอกาสต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่มาสู่โลกอิสลาม ในด้านหนึ่งคือจิตวิญญาณของการญิฮาดและความเชื่อมั่นในตัวเองในการต่อสู้และ การเผชิญหน้ากับกลุ่มสุดโต่งตักฟีรีและกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ และในอีกด้านหนึ่งคือความรุดหน้าของการตื่นตัวของอิสลามที่เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
วิลายะตีได้กล่าวว่า เพื่อที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่มตักฟีรีที่กำลังพยายามสร้างวิกฤตการณ์อยู่นั้น บรรดานักวิชาการทางศาสนาและปัญญาชนทั้งหลายจำเป็นต้องใช้ความพยายามเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษในการเปิดโปงแนวความคิดของกลุ่มตักฟีรี
เขาแสดงความพึงพอใจต่อชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นในอิรักและซีเรีย และถือว่ามันเป็น “ผลของการที่ประชาชนได้ให้การสนับสนุนต่อกองทัพ” และกล่าวว่า “ชัยชนะในลักษณะเช่นนี้จะทำให้จิตวิญญาณแห่งเกียรติและศักดิ์ศรีและมีความภาคภูมิใจในการมีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่งในหมู่ประชาชนชาวมุสลิม”
เลขาธิการสมัชชาโลกการตื่นตัวของอิสลามกล่าวต่อไปอีกว่า “อิรักนับจากการถูกโค่นล้มของซัดดัมได้เผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ มากมาย ท้ายสุดของมันคือการคุกคามของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส แต่ประชาชนชาวอิรักสามารถที่จะผ่านพ้นความท้าทายทั้งหมดเหล่านี้ไปได้ และขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำสงครามในเมืองโมซูลเพื่อทำให้กลุ่มก่อการร้ายหมดสิ้นไป”
เขาได้ชี้ถึงสงครามที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้ถูกกดขี่ของเยเมนและกล่าวว่า การยืนหยัดของประชาชนชาวเยเมนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า วิธีการแก้ปัญหานั้นไม่ใช่ด้วยวิธีการทางทหาร
เลขาธิการสมัชชาโลกการตื่นตัวของอิสลามได้ชี้ถึง เชคอิบรอฮีม ซักซะกี ผู้นำชีอะฮ์ของประเทศไนจีเรีย และกล่าวว่า “เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่เชคซักซะกีได้ตกอยู่ภายใต้การทรมานอย่างรุนแรงในคุกของไนจีเรีย และรัฐบาลของประเทศนี้ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในเรื่องนี้เลย
เขาอธิบายถึงปัญหาปาเลสไตน์ว่า ยังคงเป็นปัญหาแรกของโลกอิสลาม และกล่าวว่า “การมีอยู่ของกระแสแนวคิดตักฟีรีนั้นได้กลายเป็นสาเหตุทำให้ประเทศอิสลามทั้งหลายหลงลืมจากการที่จะจัดการกับศัตรูไซออนิสต์”
วิลายะตีได้ย้ำว่า “ปัญหาปาเลสไตน์เป็นผลมาจากหกทศวรรษของการทรยศของประเทศอาหรับและอิสลามบางประเทศ ซึ่งขณะนี้พวกเขาพยายามที่จะเบี่ยงเบนทิศทางการจัดการกับระบอบไซออนิสต์ไป สู่กลุ่มไอซิสและกลุ่มตักฟีรีทั้งหลาย”
การประชุมสมัชชาโลกการตื่นตัวของอิสลามครั้งที่ 9 ภายใต้หัวข้อ “การตื่นตัวของอิสลาม จะไม่ถูกทำให้หยุดลงได้” ได้เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันเสาร์ในกรุงแบกแดด โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงและบุคคลสำคัญจาก 22 ประเทศเข้าร่วม
ในการประชุมครั้งนี้ ซะลีม อัลญุบูรี ประธานรัฐสภาอิรัก อัมมาร อัลฮะกีม ประธานสภาสูงสุดอิสลามแห่งอิรัก และไฮเดอร์ อัล อะบาดี นายกรัฐมนตรีอิรักได้กล่าวคำปราศรัยด้วย