การบิดพลิ้วสัญญาของตุรกีและชาติอาหรับในการบูรณะฟื้นฟูกาซา

1064
(แฟ้มภาพ ซากปรักหักพังในฉนวนกาซาจากการุกรานของอิสราเอล ( ภาพ AFP)

Presstv –   ความคืบหน้าในการฟื้นฟูฉนวนกาซาหลังจากการรุกรานของอิสราเอลอย่างต่อเนื่องต้องหยุดชะงักลงหลังจากตุรกีและชาติอาหรับได้บิดพลิ้วสัญญา

ฉนวนกาซามีประชากรกว่า 1.7 ล้านคน และนับจากฤดูร้อนปี 2007  ต้องตกอยู่ภายใต้การปิดล้อมของอิสราเอล  ในฤดูร้อนปี 2014  เป็นปีแห่งความโหดร้ายที่สุดสำหรับชาวกาซาจากการถูกโจมตีและปิดล้อมโดยอิสราเอล การรุกรานครั้งนี้นอกเหนือจากทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตนับพันและได้รับบาดเจ็บอีกหลายพันคนแล้ว โครงสร้างพื้นฐานในเขตพื้นที่ดังกล่าวถูกทำลายล้างเกือบหมดสิ้น วีถีชีวิตของประชาชนในฉนวนกาซาต้องประสบกับภาวะการขาดแคลนน้ำสะอาดและไฟฟ้าและหลังจากการบุกรุกก็ยิ่งถาโถมหนักขึ้นไปอีก

หลังจากอิสราเอลรุกรานฉนวนกาซาในฤดูใบไม้ร่วงปี 2014 ได้มีการจัดประชุมสัมมนาระดมทุนผู้บริจาคระหว่างประเทศในกรุงไคโรเมืองหลวงของอียิปต์  โดยมี 50 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือในการบูรณะและฟื้นฟูกาซา และให้คำมั่นสัญญาว่าจะจ่ายให้เงินจำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นฟูบูรณะในเขตพื้นที่ดังกล่าว

ในขณะที่ธนาคารโลก ได้เปิดรายงานที่น่าสลดใจเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 กรณีการบิดพลิ้วสัญญาของบางประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยเหลือจากตุรกีและประเทศอาหรับที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้เงินช่วยเหลือพิเศษในการฟื้นฟูฉนวนกาซา

ตามรายงานจากธนาคารโลกระบุว่า ในวันนี้เงินช่วยเหลือที่ได้มอบให้กาซามีเพียงร้อยละ 40 จากยอดจำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น

(แฟ้มภาพ  รอญับ ตอยยิบ อุรดุฆอน ประธานาธิบดีตุรกี  ยืนเคียงข้างกับกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบีย และซาบาห์ อัลอาห์หมัด อัลซาบาห์ อัลญาบีร์ ประมุขของคูเวต ในกรุงอิสตันบูล)
(แฟ้มภาพ รอญับ ตอยยิบ อุรดุฆอน ประธานาธิบดีตุรกี ยืนเคียงข้างกับกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบีย และซาบาห์ อัลอาห์หมัด อัลซาบาห์ อัลญาบีร์ ประมุขของคูเวต ในกรุงอิสตันบูล)

รอญับ ตอยยิบ อุรดุฆอน ประธานาธิบดีตุรกี ได้กล่าวซ้ำๆตั้งแต่ปี 2013 ว่ามีแผนจะไปเยือนฉนวนกาซา และได้ให้เงินช่วยเหลือกาซาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้  อังการาได้สัญญาว่าจะให้เงิน 200 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นฟูฉนวนกาซา  และในวันนี้หลังจากที่ผ่านไปแล้วเกือบสองปีได้ให้เงินช่วยเหลือเพียงแค่ 64 ล้านดอลลาร์เท่านั้น หรือประมาณร้อยละ 32 ของสัญญาที่ได้ให้ไว้เท่านั้น

ส่วนซาอุดิอาระเบียที่อ้างตนว่าเป็นผู้นำของโลกอิสลาม ได้ให้ความช่วยเหลือประมาณร้อยละ 10 จาก 500 ล้านดอลลาร์ที่เคยให้สัญญาไว้

ในขณะที่บางประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม เช่น เนเธอร์แลนด์  ฟินแลนด์ ออสเตรีย อินเดียและรัสเซียได้ปฏิบัติตามสัญญาในการฟื้นฟูฉนวนกาซา และสวีเดนที่ให้การช่วยเหลือในการฟื้นฟูกาซามากเสียยิ่งกว่าที่ได้ให้สัญญาไว้

ประเทศอาหรับอีกชาติหนึ่งที่บิดพลิ้วสัญญา คือ กาตาร์ ที่เคยให้สัญญาว่าจะให้เงินช่วยเหลือหนึ่งพันล้านดอลลาร์  แต่ได้จ่ายเพียงแค่ 152 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เคยให้สัญญาว่าจะให้เงินช่วยเหลือ 200 ล้านดอลลาร์  แต่ได้ให้เพียงแค่ 29  ล้านดอลลาร์เท่านั้น

คูเวต ยังไม่เคยให้กาซาเลยแม้แต่หนึ่งดอลลาร์ จากคำสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะช่วยเหลือฟื้นฟูกาซาจำนวน 200 ล้านดอลลาร์

ประเด็นที่น่าสนใจของการายงานจากธนาคารโลกคือประเทศส่วนใหญ่ที่ให้คำมันสัญญาในการช่วยเหลือฟื้นฟูกาซานั้นยังไม่บรรลุผลตามสัญญาแต่ประการใด ซึ่งได้แก่ชาติอาหรับที่มีรายได้จากการค้าน้ำมันนับร้อยพันล้านดอลลาร์ต่อปี

(แฟ้มภาพ ซากปรักหักพังในฉนวนกาซาจากการุกรานของอิสราเอล  ( ภาพ AFP)
(แฟ้มภาพ ซากปรักหักพังในฉนวนกาซาจากการุกรานของอิสราเอล ( ภาพ AFP)

รายงานจากธนาคารโลกที่นาสะเทือนใจอย่างยิ่งคือมีเพียงแค่ร้อยละ 9 ของบ้านที่ถูกทำลายในฉนวนกาซาได้รับการฟื้นฟูเท่านั้นและชาวกาซาอีก 75,000 คนที่ไร้ที่อยู่อาศัย

บางทีการเปิดเผยในครั้งนี้สร้างปมคำถามและข้อสงสัยต่างๆนานาให้กับตุรกีมากที่สุดที่ได้โฆษณาและประชาสัมพันธ์อย่างกว้างที่จะช่วยชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา

เออร์โดกัน และ อะเหมด ดาวูโตกลู นายกรัฐมนตรีตุรกีกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกในการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้งของเขากับคำขวัญในการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์และประชาชนที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาเพื่อเรียกคะแนนเสียงให้กับตนเอง
เมาลูด ชอลุช อุฆลู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศตุรกีในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 9 เมษายน โดยอ้างว่า “ในวันที่เราได้ให้การช่วยเหลือไปยังปาเลสไตน์และฉนวนกาซาแล้ว 500 ล้านดอลลาร์ และในการประชุมระดมทุนบริจาคในไคโรอียิปต์ เราได้ให้เพิ่มอีก 200 ล้านดอลลาร์ ”

แต่ทว่าผลการรายงานล่าสุดของธนาคารโลกปรากฏว่ารัฐบาลตุรกีได้โกหกปลิ้นปล้อนและตบตาชาวโลกเท่านั้น
ในขณะเดียวกันรายงานอย่างเป็นทางการเผยถึงความพยายามของตุรกีในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอังการาและเทลอาวีฟอีกด้วย