farsnews – ผู้นำซาอุหวังว่าจะประสบความสำเร็จในเยเมน ภายในระยะเวลาสองหรือสามเดือน จึงเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางทหารต่อเยเมน แต่ตอนนี้ผ่านมาแล้วหนึ่งปีก็ยังไม่บรรลุความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ ไม่เพียงแค่นั้นผู้นำซาอุดิอาระเบียกลับต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วในครั้งนี้
เมื่อปีที่ผ่านมา ในวันนี้ (26 มีนาคม) ซาอุดิอาระเบียแกนนำพันธมิตรที่อ้างตนว่าเป็นแกนนำของสมาชิกชาติอ่าวอาหรับได้เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่กว้างขวางในเยเมน พร้อมกันนั้นเยเมนยังถูกปิดล้อมทั้งทางทะเล อากาศและพื้นดิน
ข้ออ้างสำหรับการโจมตีของซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ เพื่อคืนอำนาจให้กับ ” อับดุล ร็อบบีห์ มันศูร ฮาดี” ประธานาธิบดีที่ลาออกและหนีไปยังกรุงริยาดและเพื่อปลดอาวุธและกองกำลังของอัลศ็อรรุลเลาะฮ์เยเมนและผู้สนับสนุน “อาลี อับดุลเลาะฮ์ ซาเลห์” และทำลายล้างอาวุธและขีปนาวุธป้องกันภัยของเยเมน
ตลอดระยะเวลาหนึ่งในปีที่ผ่านมา ตามรายงานขององค์กรระหว่างประเทศมีผู้เสียชีวิตจำนวน 6,300 คน และได้รับบาดเจ็บนับหมื่นคน หลายพันครอบครัวต้องพลัดถิ่น และพลเรือนเยเมนอีกจำมากต้องผู้ลี้ภัยไปยังเอธิโอเปียและจิบูตี โครงสร้างพื้นฐานของเยเมนถูกทำลายเกือบจะไม่มีเหลือ เกิดวิกฤติการขาดสารอาหารและความอดอยาก ยากจน ขาดน้ำมันเชื้อเพลิงในเยเมนอย่างหนัก แต่ในที่สุด มันศูร ฮาดี ก็ยังไม่ได้กลับมามีอำนาจ และอาวุธของเยเมนก็ไม่ได้ถูกทำลายแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกัน ซาอุดิอาระเบียต้องออกค่าใช้จ่ายนับพันล้านดอลลาร์ ในสถานการณ์ที่แสนยากลำบาก เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงและต้องเผชิญกับภาวการณ์ขาดดุลมากถึง 98 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นซาอุดิอาระเบียยังต้องทนแบกรับค่าใช้จ่ายทางการเมืองอย่างหนัก เริ่มแรกตุรกี จากนั้นตามด้วย ปากีสถานและอียิปต์ ได้ร่นถอยตนออกจากสงคราม และหลังจากหนึ่งปีคำแอบอ้างในการจัดตั้งพันธมิตรก็ไม่มีอะไรให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน ประเทศแรกที่พูดอย่างเร่าร้อนของการแสดงตนในการเป็นแกนนำพันธมิตร จะหลงเหลือเพียงแต่ชื่อเท่านั้น และขณะนี้กองกำลังสนับสนุนมันศูร ฮาดี กำลังต่อสู้ภาคพื้นดินอย่างโดดเดี่ยว และในภาคอากาศก็จะมีแต่เครื่องบินรบของซาอุฯเท่านั้นที่บุกโจมตีและถล่มเยเมนโดยไร้ซึ่งเป้าหมาย
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ วิพากษ์วิจารณ์ของนานาชาติที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิพากษ์วิจารณ์จากองค์การนิรโทษกรรมสากลที่มีต่อซาอุดิอาระเบียในการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเยเมน ประเด็นการใช้ระเบิดดาวกระจาย เป็นปัญหาที่ค้างคาใจสำหรับชาวโลกที่ที่มีต่อซาอุดีอาระเบียและอเมริกาในฐานะเป็นผู้ขายระเบิดชนิดนี้
ความแข็งแกร่งของกองกำลังเยเมน
บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่า ถึงแม้นว่ากองกำลังต่อต้านซาอุดิอาระเบียจะมีความสามารถที่ จำกัด แต่ยังสามารถยืนหยัดจากการถูกโจมตีทางอากาศจากซาอุดีอาระเบีย นับจากวันที่ 26 มีนาคม 2015 และจากสงครามครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนที่ชัดเจนของรัฐบาลมันศูรฮาดีที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศซาอุดิอาระเบีย
“ชาร์ล ชมิทซ์” นักวิเคราะห์ด้านตะวันออกกลางแห่งสถาบันในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่ากับสำนักข่าวเอเอฟพี ในสถานการณ์ปัจจุบันกองกำลังอัลเฮาซีย์ และอับดุลลอฮ์ซาเลห์กำลังเผชิญกับปัญหาอย่างหนัก พวกเขาไม่มีกองกำลังสนับสนุนทางอากาศและไม่มีกระสุน อาวุธและสรรพาวุธเสริม แต่ก็ยังสามารถรักษากองกำลังทางทหารของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
“จอร์แดน เพอร์รี่” นักวิเคราะห์อาวุโสของสถาบันตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ “เมเปิล เฮเทอร์ คราฟท์” เชื่อว่า พวกเขาสามารถรักษาแผ่นดินและดินแดน และสามารถควบคุมองค์กรภาครัฐที่สำคัญของพวกเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จ
เขาถือว่า หนึ่งในสาเหตุหลักแห่งความสำเร็จของอันศ็อรุลเลาะฮ์ และอับดุลลาห์ซาเลห์ คือ การขาดยุทธวิธีและขาดศักยภาพในการสู้รบในสนามจริงของกองกำลังพันธมิตรที่มีซาอุดิอาระเบียเป็นแกนนำ
การฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์
ณ วันนี้ตามสถิติขององค์กรระหว่างประเทศมีผู้เสียชีวิตจำนวน 6,300 คน และมากกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาเป็นพลเรือน และในสัปดาห์ที่แล้ว “เซด บิน ระอ์ด อัลฮุสเซน” ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน ได้ออกมาพูดถึงความรับผิดชอบของซาอุดิอาระเบียต่อการเสียชีวิตของพลเรือนในเยเมนที่มีจำนวนที่สูง และพูดว่า พันธมิตรภายใต้การนำของซาอุฯ ล่าสุดได้มีการมุ่งเป้าโจมตี ตลาด โรงพยาบาล โรงเรียน โรงงาน ห้องโถงจัดงานแต่งงาน และหมู่บ้านนับร้อยหลังทั้งในเมืองและชนบท
ยอดพลเรือนที่ได้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยที่อเมริกาที่เป็นพันธมิตรซาอุดิอาระเบียก็ได้แสดงความกังวลในเรื่องนี้ ขณะที่อเมริกากำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ได้ขายอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่สำคัญให้กับซาอุดีอาระเบีย
โฆษกของคณะกรรมการกาชาดสากล เปิดเผยกรณีสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเยเมนว่า โรงพยาบาลเกือบทุกแห่งขาดแคลนยาและเวชภัณฑ์ ระบบไฟฟ้าและน้ำถูกทำลาย อาหารและวัสดุพื้นฐานเช่นน้ำมันเชื้อเพลิงได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
อัลกออิดะห์และไอซิสในภาคใต้
สิ่งที่เป็นอุปสรรค์ปัญหาอีกประการหนึ่งสำหรับซาอุดิอาระเบียในเยเมน คือการมีอำนาจและอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์และไอซิส ในเมืองต่างๆในภาคใต้ของเยเมน โดยเฉพาะในเมืองเอเดน ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้มีเงื่อนไขที่เหมาะสมในการก่อการร้ายเนื่องจากขาดการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ
กลุ่มก่อการร้ายได้ปฏิบัติการระเบิด และการลอบสังหารนักการเมือง ทหารและฐานทหาร และทำเนียบประธานาธิบดี ในเอเดนสามารถเห็นการปฏิบัติการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายนับไม่ถ้วน ซึ่งกองกำลังของมันศูร ฮาดี” ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยในเอเดนได้
เสริมสร้างศักยภาพของอัลกออิดะห์และผู้ก่อการร้ายอิสลามในภาคใต้มีความซับซ้อนมากขึ้นสถานการณ์สำหรับซาอุดีอาระเบียและอเมริการะเบิดกระทำการก่อการร้าย
“ชาร์ล ชมิทซ์” นักวิเคราะห์ตะวันออกกลางแห่งสถาบันในกรุงวอชิงตันกล่าวในเรื่องนี้ว่า ซาอุฯ ได้ประเมินความแข็งแกร่งและอำนาจของกองกำลังมันศูร ฮาดี ในการรักษาพื้นที่ที่มีอิสรเสรีผิดพลาด
การเจรจาสันติภาพ
อาห์หมัด อาซีรีย์ ได้เปิดเผยกับ สำนักข่าว Sky News เอมิเรสต์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอของการเจรจาสันติภาพ
ซาอุดิอาระเบีย หลังจากหนึ่งปีเต็มที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางการเงินและการเมืองในการกระโจนเข้าสู่วิกฤติในเยเมน กำลังมองหาทางลงในการแก้ไขวิกฤตินี้อย่างมีศักดิ์ศรี
การเจรจาสันติภาพที่กรุงเจนีวายังไม่ได้ข้อสรุป และทุกครั้งที่ซาอุดิอาระเบีย และ ฮาดีวางเงื่อนไขให้กลุ่มเฮาซีย์ถอนตัวออกจากเมืองและปลดอาวุธ (เงื่อนไขในการเจรจาที่ไม่มีความหมายที่เป็นจริง) ก็ล้มเหลวทุกครั้ง
แต่สำหรับการเจรจารอบใหม่ ตามที่ “อิบราฮิม อาลัด เชค ” พูดถึงนั้น มีกำหนดที่จะจัดขึ้นในคูเวตในวันที่ 18 เมษายนนี้ และหลังจากนี้จะมีกำหนดที่จะดำเนินการหลังจากการเจรจาต่อรองระหว่างอันศ็อรุลเลาะห์และเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบีย ตามแนวชายแดน ซึ่งเมื่อช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการแล้วผ่านการไกล่เกลี่ยของชนเผ่าชายแดน
สิ่งที่น่าสนใจละติดตามดู คือ การเจรจาที่จะเกิดขึ้นจะบรรลุข้อตกลงหรือไม่ การเจรจาที่บรรดานักวิเคราะห์หลายฝากความหวังไว้ เนื่องจากซาอุดิอาระเบียต้องการที่จะยุติวิกฤตนี้ให้ได้
การเจรจาตามคำกล่าวของทูตสหประชาชาติว่า นี่เป็นเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะออกจากวิกฤตในเยเมน