irna – การเยือนแอลจีเรียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซียและการเจรจากับเจ้าหน้าที่แอลจีเรียในประเด็นวิกฤตของลิเบียในช่วงเวลาที่ฝรั่งเศส อังกฤษและอเมริกามีปฏิบัติการทางทหารในประเทศนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของลิเบียในเหตุการณ์และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระดับภูมิภาคและนอกภูมิภาค
เซเกรย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ได้กล่าวในวันแรกที่เยือนแอลจีเรีย (วันจันทร์ 29 ก.พ. ) ว่า ลิเบียเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการเจรจาระหว่างรัสเซียกับแอลจีเรีย
เซเกรย์ ลาฟรอฟ เผยว่า การประเมินการดำเนินการตามข้อตกลงร่วมทางยุทธศาสตร์ระหว่างรัสเซียและแอลจีเรีย ซึ่งลงนามในปี 2001 ระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญของการเยือนแอลจีเรียในครั้งนี้
นอกจากนั้น เขาได้ชี้ถึงการดำเนินการตามข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่างมอสโกและแอลจีเรียซึ่งเป็นประเทศที่มีชายแดนติดกับลิเบีย สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของรัสเซียที่จะเข้าไปมีบทบาทส่วนร่วมครั้งใหม่ในลิเบียและแอฟริกา
เซเกรย์ ลาฟรอฟ ชี้ว่า รัสเซียได้ชื่นชมในความพยายามของแอลจีเรียในการควบคุมวิกฤตในลิเบียและประเทศอื่นๆแอฟริกา เช่น มาลี
ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของมอสโกต่อเหตุการณ์ในแอฟริกาและความตั้งใจของเครมลินจะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในพื้นที่นี้และมีบทบาทโดยตรงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ได้รับรายงานในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งแสดงให้เห็นว่า หน่วยกองกำลังพิเศษทางอากาศของอังกฤษได้เข้าประจำการในพื้นที่ทางตอนใต้ของ ‘ตาบรูค’ และมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการแทรกแซงทางทหารในลิเบีย
เช่นเดียวกันนั้นสื่อตะวันตกได้มีการรายงาน เป็นระยะว่า มีกองกำลังทหารฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งมีส่วนร่วมในปฏิบัติการลับในลิเบีย
ขณะที่ก่อนหน้านี้อเมริกาได้ปฏิบัติการโจมตีกลุ่มก่อการร้ายในลิเบียอย่างเปิดเผยซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการแทรกแซงทางทหารในลิเบียอย่างชัดเจน
หนังสือพิมพ์ อัลอัคบาร์ ได้รายงานก่อนหน้านี้โดยอ้างจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูง ว่า รัสเซียจะส่งโดรนเพื่อปฏิบัติการเพื่อสำรวจตรวจตราเหนือน่านฟ้าลิเบีย นอกเหนือจากนั้นมอสโกจะดำเนินการติดตั้งดาวเทียมเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในลิเบีย
เจ้าหน้าที่รัฐบาลของชาติต่างๆ ที่มีอิทธิพลทางการเมืองในลิเบียต่างได้ยืนยันอยู่เสมอว่า การเข้ามาในประเทศลิเบียนั้น ไม่มีเป้าหมายอื่นใดนอกจากการต่อสู้และปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและตักฟีรีย์
สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คือชาติมหาอำนาจหลักเหล่านี้ที่ได้ปรากฏตัวในลิเบียนั้นปราศจากการอนุมัติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยอ้างเพียงแค่เพื่อต่อสู้กับกองกำลังของไอซิส !
ตามสถิติชี้ให้เห็นว่ามีกลุ่มก่อการร้ายไอซิสประมาณห้าพันคนอยู่ในลิเบีย และผลสรุปคือความพยายามทั้งหมดทั้งทางการเมืองและการทหารของมหาอำนาจผู้ยิ่งใหญ่นอกเหนือภูมิภาคเช่นอเมริกา ฝรั่งเศสอังกฤษและรัสเซีย เช่นเดียวกับประเทศที่มีพรมแดนลิเบียนั้น มีเป้าหมายอันเดียวกัน คือต่อสู้กับผู้ก่อการ้ายเพียงแค่ห้าพันคน !
บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ตรรกะของความไม่สมดุลในการแอบอ้างนั้น ทำให้เกิดคำถามและตั้งข้อสังเกตว่า บรรดาชาติมหาอำนาจโลกมีเป้าหมายอื่นที่สำคัญกว่าการปราบปรามผู้ก่อการร้ายห้าพันคนในลิเบียอย่างแน่นอน !
การปรากฏตัวทางทหารและกองกำลังทั่วโลกที่จะต้องเผชิญหน้ากันตรงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ และสามารถชี้ให้เห็นว่าลิเบียจะไม่ใช่สนามแห่งวิกฤตลิเบียอีกต่อไป แต่จะเป็นสนามสำหรับการแข่งขันครั้งใหญ่ในภูมิภาคอย่างแน่นอน
และการเผชิญหน้ากันครั้งนี้จะทำให้ลิเบียอยู่บน “เส้นทางการต่อสู้” ที่ไม่มีวันสิ้นสุด…