farsnews – กระทรวงกลาโหมยูเครนจะเปิดเผยแผนในการเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรโจมตีไอซิสในซีเรียภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา ด้วยการจัดส่งกองกำลังทหารเข้าสู่ตะวันออกกลาง ในระหว่างการเยือนเคียฟของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์นี้
หนังสือพิมพ์ The Independent ฉบับวันนี้ (จันทร์ที่ 1 ก.พ.) เผยว่า มีความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะส่งกองกำลังทหารของตนไปยังซีเรียและอาจจะเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างกองกำลังเคียฟกับทหารรัสเซีย
ตามรายงานระบุว่า แผนการของยูเครนสำหรับการเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรโจมตีไอซิสในซีเรียภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกาโดยอ้างเพื่อโจมตีไอซิสได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับแผนการดังกล่าวจัดทำโดยกระทรวงกลาโหมของยูเครน ซึ่งจะมีการยื่นเสนอพิจารณาในการมาเยือนของ “คาร์เตอร์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอเมริกาในสัปดาห์นี้ โดยคาร์เตอร์หวังว่าในการเดินทางเยือนยุโรปจะสามารถเชิญชวนผู้นำประเทศเพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวมากขึ้น
The Independent อ้างจากคนที่อ่านเอกสารเหล่านี้ว่า แผนดังกล่าวร่างขึ้นตามคำสั่งของประธานาธิบดียูเครน และมีการชี้ถึงความเป็นไปได้ในการเผชิญหน้าทางทหารกับทหารรัสเซียในซีเรีย พร้อมกับชี้ถึงรายละเอียดในความช่วยเหลือของรัฐบาลเคียฟต่อพันธมิตรดังกล่าวอีกด้วย
แหล่งข่าวของรัฐบาลยูเครนเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า เราได้เตรียมพร้อม กำหนดแผนและตัวเลือกมากมายที่จะสนับสนุนการต่อสู้กับกลุ่มไอซิสในซีเรีย ซึ่งการส่งกองกำลังทหารถือเป็นในหนึ่งในแผนดังกล่าว ซึ่งสิ่งนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการเผชิญหน้ากับรัสเซีย
ทหารยูเครนมีกองกำลังพิเศษจำนวน 4 กรม และอีกกรมหนึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองทางทหาร ซึ่งรวมแล้วมีทหารในกรมนี้จำนวน 7,000 นาย ยูเครนมีหน่วยอากาศที่มีประสิทธิภาพและเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพที่มีทหารจำนวน 200,000 นาย นับจากเกิดเหตุการณ์วิกฤตยูเครนได้จัดส่งทหารไปยังชายแดนทางตะวันออกจำนวน 40,000 กว่านาย เพื่อเตรียมพร้อมอาจจะเกิดการเผชิญหน้ากับรัสเซีย
The Independent เขียนว่า การส่งกองกำลังยูเครนไปยังซีเรียนั้นจะสร้างประเด็นปัญหาพอสมควรและต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาของยูเครนหลายคนเชื่อว่าทหารควรที่คงอยู่รักษาการที่ชายแดนตะวันออก และการส่งทหารไปยังซีเรียนั้น อาจจะเกิดความขัดแย้งตามมาในยุโรปก็เป็นได้
แหล่งข่าวทางทหารระดับสูงในเคียฟกล่าวว่า “คิดว่าสำนักงานใหญ่ของนาโตในกรุงบรัสเซลส์จะมีความกังวลอย่างยิ่งต่อเรื่องนี้”