farsnews – สื่อตะวันตกร่วมมือสื่อในเครือข่ายซาอุฯ โฆษณาชวนเชื่อ ใช้ภาพบิดเบือนตั้งใจใส่ร้ายกองกำลังฮิซบุลเลาะฮ์และกองทัพซีเรียว่า สกัดกั้นไม่ให้มีการลำเลียงและส่งอาหารยังเมืองมาดายา ซีเรีย จนประชาชนประสบภาวะหิวโซ ขาดอาหาร และกำลังจะอดตาย
เมื่อหลายวันก่อนสื่อต่างๆ ของตะวันตกและสื่ออาหรับได้มีการแพร่ภาพจากเมือง มาดายา ซีเรีย อ้างว่าถูกปิดล้อมโดยฮิซบุลเลาะฮ์และกองกำลังทหารซีเรีย ซึ่งภาพดังกล่าวนี้สื่อได้มีการชี้ให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ที่กำลังประสบภาวะหิวโซ ขาดอาหาร และกำลังจะอดตายของพลเมืองมาดายา อีกทั้งกองกำลังทหารซีเรียก็พยายามสกัดกั้นไม่ให้มีการลำเลียงส่งสิ่งของช่วยเหลือให้กับพลเมืองดังกล่าวอีกด้วย
สำนักข่าวอัลอาราบิยา อัลญาซีรา และสื่ออื่นๆ ของอาหรับในภูมิภาคร่วมกับสื่อของตะวันตก สื่อทางการต่างๆ และเครือข่ายโลกออนไลน์ โซเชียลมิเดีย พากันโหมกระหน่ำเผยแพร่ภาพต่างๆเหล่านี้อย่างกว้างขวาง และในเลบานอนก็เช่นกัน มีการเผยแพร่ภาพอันเศร้าสลดลักษณะนี้ โดยกลุ่ม 14 กุมภา (ผู้สนับสนุนซาอุดิอาระเบีย) มีการโฆษณาชวนเชื่อและโจมตีกลุ่มฮิซบุลเลาะฮ์ในเลบานอนอย่างหนัก
คำถามมีอยู่ว่า ภาพดังกล่าวที่สื่อต่างๆ เหล่านี้นำมาเสนอนั้นเป็นจริงเช่นนั้นหรือไม่ ? สภาพและเหตุการณ์อันเศร้าสลดใจในด้านมนุษยชนในเมืองนี้อาจยอมรับได้ว่าส่วนหนึ่งเกิดมาจากสงครามที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ดังกล่าว ทว่าในที่นี้เราต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโกหกภาพต่างๆ ที่เกินความจริงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ภาพปลอม
ภาพที่มีการแอบอ้างว่าเป็นพลเมืองมาดายาที่ถูกปิดล้อมนั้น สร้างความเศร้าสลดใจยิ่งสำหรับผู้เห็นภาพของเด็กที่ขาดสารอาหารอย่างหนักจนผอมโซเหลือแต่หนังติดกระดูก หรือภาพของผู้สูงอายุที่ผอมโกรกนอนเสียชีวิต ด้วยการสละเวลาเพียงน้อยนิดในการค้นหาความจริงในเรื่องนี้ในโลกไซเบอร์ก็สามารถเข้าใจข้อเท็จจริงเหล่านี้ ว่า ภาพต่างๆเหล่านี้เป็นภาพที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่อื่นของซีเรียและบางครั้งมันไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศนี้ด้วยซ้ำไป
ต่อไปนี้คือบางส่วนของภาพบนเครือข่ายสังคมออนไลน์และสื่อที่เรียกว่า “ระดับมืออาชีพ” ที่มีการนำเสนอกันอย่างแพร่หลาย
ภาพที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมีการอ้างมาจากกระแสสื่อสังคมเครือข่ายของซาอุดิอาระเบียที่นำเสนอกันอย่างกว้างขวาง ภาพทางซ้ายของเด็กหญิงที่เห็นในภาพนั้น ถูกนำมาทำเป็นโฟโตช็อปให้กลายเป็นภาพทางขวามือ โดยเปลี่ยนเป็นภาพของพลเมืองมาดายาที่ถูกทหารซีเรียปิดล้อมและตกอยู่ในสภาพของความหิวโหย
ข้อเท็จจริงของภาพดังกล่าวนี้คือเป็นภาพเด็กหญิงน้อย ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกถ่ายรูปในเมือง อามาน จอร์แดน ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยจากซีเรีย แม้แต่สำนักข่าวอัลอาราบียาเอง ก็เคยลงข่าวนี้เมื่อเดือนมกราคม ปี 2014 และถูกขนามนามว่า “โมนาลิซา แห่งซีเรีย”
ส่วนภาพทางซ้ายมือก็เช่นกัน เป็นภาพของเด็กชายที่ถ่ายเมื่อปีก่อนในเมืองโกตาทางภาคตะวันออกของซีเรีย โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเมืองมาดายาดเลย
อีกกรณี
ทวิตเตอร์ของอัลญาซิรา ได้เผยแพร่ภาพของชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นชาวเมืองมาดายา
สื่อหนึ่งที่เป็นเครือข่ายของซาอุดิอาระเบีย ก็ได้นำเสนอภาพดังกล่าวว่าเป็นชายชาวเมืองมาดายา
ข้อเท็จจริง คือ ภาพดังกล่าวเป็นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่อพยพลี้ภัยยังยุโรปเมื่อปี 2009
ซึ่งสามารถเข้าดูรายละเอียดภาพและเรื่องนี้ได้ที่ http://shannonmorgan.theworldrace.org/?filename=expectations-of-my-mission-trip
อีกกรณีหนึ่ง
สำนักข่าวอัลอาราบิยา อัลฮัดษ์ อ้างว่าภาพเด็กดังกล่าวเป็นเด็กในเมืองมาดายา
ข้อเท็จจริงของภาพคือ เป็นภาพของเด็กปาเลสไตน์ในค่ายลี้ภัย”Yarmuk” ในเขตชานเมืองของเมืองดามัสกัส ซึ่งถูกกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและอัลนุศราฟรอน์จับมาเป็นเชลย
กรณีต่อมา
เป็นภาพที่อ้างว่าชายคนนี้เสียชีวิตในเมืองมาดายา แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นภาพที่เกิดขึ้นในเมืองโกตาตะวันออก ซึ่งเสียชีวิตเนื่องจากความหนาวเย็น ขาดสารอาหารและโรคประจำตัว สามารถดูภาพจริงได้โดย คลิ๊กที่นี่
ภาพต่างๆเหล่านี้สามารถค้นพบได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ใช้เวลาสักนิดในการค้นหาความจริงก็สามารถเห็นการบิดเบือนและการโกหกได้อย่างชัดเจน
ส่วนประเด็นที่น่าสนใจคือ การปิดล้อมด้านอาหาร
สื่ออาหรับและตะวันตกได้อ้างว่า กองกำลังฮิซบุลเลาะฮ์และกองทัพซีเรียสกัดกั้นไม่ให้มีการลำเลียงและส่งอาหารยังเมืองมาดายา
ในขณะที่ความจริงคือเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนปี 2015 กองกำลังซีเรียได้นำรถบรรทุกอาหารและยาเข้าไปในเมืองมาดายา ซัรคอยาและบากีน
ในแถลงการณ์ของเครือข่ายหลักของกองกำลังอาสาสมัครซีเรีย เผยว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตกอยู่ในกำมือของกลุ่มก่อการร้ายและมีการเก็บรักษาในคลังของพวกเขาที่ตั้งอยู่อยู่ในใจกลางเมืองนี้ พวกเขาได้มีการขายสินค้าดังกล่าวให้กับพลเมืองที่มีเงินทองและมีความสามารถซื้อสินค้าได้
ประเด็นต่อไปคือ มีพลเมืองหลายคนกำลังจะหนีออกจากเมือง แต่ทว่าแกนนำกลุ่มก่อการร้ายไม่ยอมให้พวกเขาเหล่านั้นออกจากเมือง
ในข้อตกลงระหว่างรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มก่อการร้ายที่มีสหประชาชาติเป็นตัวกลางในการประสานงานนั้น ระบุว่า กลุ่มก่อการร้าย 300 คนต้องเข้ามอบตัวให้กับเจ้าหน้าที่ซีเรียและต้องออกจากเมืองมาดายา แต่ประเด็นนี้กลับถูกกลุ่มก่อการร้ายต่างๆต่อต้านและปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ
นอกจากนั้นกลุ่มก่อการร้ายยังไม่อนุญาตให้นำตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บออกจากเมืองมาดายา อีกทั้งมีการข่มขู่อีกด้วยว่าจะยิงโจมตีรถลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ต้องยอมรับสภาพอันเศร้าสลดที่เกิดขึ้นในเมืองมาดายา และก่อนที่จะโยนความผิดเหล่านี้ให้กับผู้อื่น จะต้องโยนคำผิดนี้ให้กับกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้เสียก่อนเป็นอันดับแรก
การละเมิดสิทธิมนุษยชน
ประเด็นต่อมาคือ หากพิจารณาถึงเขตพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม เช่น โฟอา กัฟรายา หรือ นะบาล และอัซซะห์รอ เช่นเดียวกันนั้นหากพิจารณาจากสื่อตะวันตกและสื่ออาหรับจะพบว่า สื่อต่างๆเหล่านี้ไม่เคยมีความกังวลในปัญหาสิทธิมนุษย์ชนและชีวิตของมนุษย์แต่อย่างใดเลย เนื่องจากเมืองต่างๆเหล่านี้เป็นเมืองอาศัยของชาวชีอะฮ์ ที่ถูกปิดล้อมมาเป็นเวลาอันยาวนานมาแล้ว นอกจากนั้นมีการนำเสนอภาพที่พลเมืองมีการต้มใบไม้กับน้ำสะอาดกินเป็นอาหารในเมืองโฟวาอีกด้วย ขณะที่กองทัพซีเรียมีความพยายามอย่างหนักโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ฝ่ากระสุนและขีปนาวุธระยะไกลจากกลุ่มก่อการร้าย เพื่อลำเลียงโยนถุงอาหารให้กับชาวบ้านในเมืองดังกล่าว แต่สื่อเหล่านี้ก็ไม่ได้มีการนำเสนอข่าวสภาวะขาดอาหารของพลเมืองนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
สื่อเครือข่ายต่างๆของตะวันตกและอาหรับมีศักยภาพด้านปัจจัยวัตถุและเทคนิคที่เหนือกว่าสื่อของกลุ่มอาสาสมัครแห่งการต้านทานของซีเรีย มีการเล่นกับอามรณ์ความรู้สึกของประชาชนนำเสนอข่าวสารตามใบสั่งและสนองความต้องการและผลประโยชน์ของผู้ให้การสนับสนุน ขณะที่ประเด็น“สิทธิมนุษยชน” ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเหล่านี้เลย
ในช่วงท้ายควรกล่าวว่า สภาพความเป็นอยู่อันน่าเศร้าสลดใจที่เกิดขึ้นในเมืองโฟอา กัฟรายา นะบาล อัซซะห์รอ และมาดายา นั้น เป็นความจริง แต่ทว่าต้นเหตุและต้นต่อหลักของเหตุการณ์เหล่านี้คือกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบียและตุรกี สื่อต่างๆของซาอุดิอาระเบียได้ประโคมข่าวและนำภาพต่างๆเหล่านี้ และมีความพยายามที่จะนำมาใช้เป็นประเด็นการเมืองและเป็นการทำลายข่าวของคู่แข่งในสนามนี้ ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดที่ใจเป็นธรรมจะสามารถยอมรับข่าวอันน้อยนิดที่ถูกนำเสนอในลักษณะครอบงำเหล่านี้ได้ และอีกด้านหนึ่งซาอุดีอาระเบียบนก็ได้ใช้ระเบิดคลัสเตอร์และขีปนาวุธต่างๆ โจมตีพลเมืองเยเมน ในกรุงซานา และ ศออาดา แต่เขาเองได้นิ่งเฉยแต่กลับออกมาแสดงความวิตกกังวลต่อชีวิตของมนุษย์ในเมืองมาดายาแทน