ขุดประวัติ “กลุ่มก่อการร้าย” ในแอฟริกา

4340

ทุกวันนี้ได้มีกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ทั่วโลกที่ก่ออาชญากรรมอย่างมากมายโดยอ้างชื่อของศาสนาอิสลามและได้สร้างความเสื่อมเสียต่อศาสนาอิสลาม ในขณะเดียวกันเนื่องจากความขัดสนและยากจนทางด้านการเงินและวัฒนธรรมที่กำลังประสบอยู่ในแอฟริกา ทำให้ทวีปดังกล่าวมีความเหมาะสมที่จะเป็นแหล่งส่องสุ่มของกลุ่มก่อการร้าย

หนึ่งในปัญหาของโลกทุกวันนี้โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอิสลาม คือ การปรากฏสำนักคิดที่สุดโต่งและปฏิบัติการก่อการร้ายโดยอ้างว่าทำตามคำสั่งที่มีปรากฏอยู่ในศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะในประเทศที่มีความยากจนทางด้านการเงินและวัฒนธรรมกำลังประสบปัญหาเรื่องความขัดแย้งดังกล่าวของกลุ่มสำนักคิดที่สุดโต่งเหล่านี้

กลุ่มประเทศล่าอาณานิคมตะวันตกได้ส่งเสริมให้ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงแก่ประเทศที่ยากจนและประเทศโลกที่สามเพื่อพวกเขาจะได้กอบโกยทรัพยากรในประเทศเหล่านั้นอย่างง่ายดาย แม้นว่าเอกสารเกี่ยวกับการล่าอาณานิคมประเภทนี้อาจไม่ถูกเผยแผ่อย่างแพร่หลาย แต่บางครั้งก็มีเอกสารจำนวนหนึ่งหลุดรอดออกมาจากสำนักงานหน่วยข่าวกรองที่ชี้ถึงคำสารภาพของพวกเขาเกี่ยวกับการก่อรัฐประหารและสงครามในประเทศต่างๆ

เรื่องราวการเข้าแทรกแซงของชาติตะวันตกและการล่าอาณานิคมของพวกเขาในประเทศต่างๆ แม้จะมีการค้นคว้าข้อมูลและพูดคุยกันอย่างกว้างขวางแต่ก็ไม่ใช่เรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ควรที่จะกล่าวว่าเป็นเวลาหลายปีประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกามีหลายๆ กลุ่มที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธ์หรือชนเผ่าซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประเทศล่าอาณานิคมให้ก่อการร้ายและสร้างความไม่สงบอีกทั้งยังขายทรัพยากรของประเทศอีกด้วย

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหม่ที่ทั่วโลกและแอฟริกาได้รับผลกระทบ คือ การเกิดขึ้นของกลุ่มที่มีความคลั่งไคล้สุดโต่งและพร้อมกับการเกิดขึ้นของขบวนการก่อการร้ายในนามของผู้ที่ปกป้องศาสนาและมุสลิม และได้มีการอภิปรายและการพูดคุยกันเท่าโลกถึงกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงอย่าง อัลกออิดะห์และไอเอส ที่กำลังปฏิบัติการในอิรัก ซีเรียและตะวันออกกลาง แต่ในขณะเดียวกันในแอฟริกาก็ปรากฏกลุ่มที่ก่อความไม่สงบทำการปล้นสะดมและฆ่าผู้บริสุทธิ์มายาวนานหลายปี โดยเคลื่อนไหวในเชิงปลุกปั่นและมีความคิดที่รุนแรงโดยอ้างเพื่อการปกป้องศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ พวกเขาหวังก่อตั้งการปกครองแบบอิสลามที่ได้มาโดยการนองเลือดและสังหารโหด

จุดที่น่าสนใจคือความคิดแบบอัลกออิดะห์เป็นตัวจุดประกายการเกิดขึ้นของกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆในแอฟริกา และหลังจากนั้นพวกเขากลายเป็นขบวนการที่อำมหิตหลังจากขบวนการไอเอสได้เข้ามามีอิทธิพลจนได้รับการยอมรับในกลุ่มต่างๆ ทำให้ขบวนการต่างๆในแอฟริกายอมปฏิญาณและจงรักภักดีต่อพวกเขา แต่ทว่ามีขบวนการอิสลามสุดโต่งหลายๆกลุ่มที่มีประวัติยาวนานในการเคลื่อนไหวในแอฟริกา แต่ในที่นี้หมายถึงกลุ่มที่เคลื่อนไหวด้วยอาวุธการก่อการร้าย ยกตัวอย่างเช่น บางรัฐบาลถือว่า กลุ่มอิควานเป็นกลุ่มหนึ่งของชาวซาลาฟีที่มีความคิดสุดโต่งและเป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่ทว่าอย่างน้อยที่เป็นที่รู้และโดดเด่นคือ กลุ่มอิควานไม่มีสาขาปีกย่อยทางการทหาร แต่มีกลุ่มก่อการร้ายหลายๆ กลุ่มที่ปฏิบัติการอยู่ในตะวันออกกลางมีรากฐานความคิดมาจากกลุ่มอิควาน

เรามาดูขบวนการต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังก่อการร้ายอยู่ทั่วทวีปแอฟริกา

อัชชะบาบ

กลุ่มขบวนการก่อการร้ายชะบาบเกิดขึ้นในปี 2006 มีแกนนำชื่อว่า อะหมัด อับดี กูดาน ซึ่งเขาได้ออกมาประกาศอย่างชัดแจ้งถึงความสัมพันธ์ขบวนการของเขากับขบวนการอัลกออิดะห์ ขบวนการดังกล่าวเป็นที่รู้กันถึงความอำมหิตพวกเขาก่ออาชญากรรมด้วยการปาหินและตัดอวัยวะร่างกายมนุษย์ และได้ออกคำสั่งห้ามให้เปิดดนตรีตามสถานีวิทยุในที่ต่างๆ และห้ามทีวีโทรทัศน์ถ่ายทอดภาพการแข่งขันกีฬา

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขบวนการนี้ถูกกดดันจนทำให้ต้องละทิ้งเมืองสำคัญต่างๆ ในโซมาเลีย เช่น เมืองมูกาดีชู และกีสมายู  แต่ในปัจจุบันยังมีสมาชิกชะบาบบางส่วนที่ก่อการร้ายด้วยการพลีชีพในเมืองต่างๆ ของโซมาเลียและประเทศเพื่อนบ้านเช่น ประเทศอูกันดา ในปี 2010 ราว 76 คนที่เสียชีวิตเนื่องจากการโจมตีของขบวนการชะบาบในอูกันดา และในปี 2013 สมาชิกขบวนการอัลชะบาบได้โจมตีแหล่งช้อปปิ้งในเคนยาทำให้มีผู้เสียชีวิต 67 คน

ก่อนหน้านี้ขบวนการอัลชะบาบได้ใช้วิทยุและโทรทัศน์เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่แนวคิดของตนสู่สังคม แต่เนื่องจากขบวนการดังกล่าวเสียพื้นที่ส่วนใหญ่ในโซมาเลียจึงทำให้พวกเขาสูญเสียโอกาศในการเผยแพร่แนวความคิดตนไปเช่นเดียวกัน และในปัจจุบันพวกเขาได้หันมาใช้อินเตอร์เน็ตแทนในการเผยแพร่แนวความคิดและสรรหาแนวร่วมเพิ่ม ผลผลิตที่เป็นภาษาอังกฤษของขบวนการอัลชะบาบโดยเฉพาะในทวิตเตอร์แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้าของพวกเขาอย่างไม่มีขบวนการเปรียบได้ และวิธีการหาแนวร่วมของพวกโดยใช้อินเตอร์เน็ตถือว่าได้ประสิทธิภาพอย่างมากและนับวันข่าวต่างๆ จากขบวนการอัลชะบาบได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น แต่บางข่าวเกี่ยวกับพวกเขาถูกสำนักข่าวรัฐบาลปิดข่าวอยู่ เช่น การโจมตีขบวนรถของสหประชาชาติ เป็นต้น ตามรายงานของสหประชาชาติขบวนการดังกล่าวพวกเขาใช้บัญชีจากทวิตเตอร์นับสิบบัญชีเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุเป้าของตนเอง

กลุ่มอัลกออิดะห์ในเขตอิสลามิกมาเกร็บหรือ AQIM

กลุ่มขบวนก่อการร้ายที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปแอฟริกา คือ ขบวนการอัลกออิดะห์ในเขตอิสลามิกมาเกร็บ ในปี2005 ขบวนการนี้ได้เปลี่ยนชื่อของตนจาก ขบวนการเผยแพร่ซาลาฟีและญิฮาดในแอลจีเรีย (GSPC) เป็น อัลกออิดะห์ในเขตอิสลามิกมาเกร็บหรือ AQIM และได้มอบสัตยาบันให้แก่อุซามะห์ บินลาเดน ขบวนการเผยแพร่ซาลาฟีและญิฮาดในแอลจีเรีย (GSPC)ในปี 1998 ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยแยกออกมาจากขบวนการติดอาวุธอิสลามี (GIA) ขบวนการติดอาวุธอิสลามีเป็นขบวนการที่ต่อสู้กับรัฐบาลแอลจีเรียในช่วงทศวรรษ 1990

อบูมัซอูดอับดุลวุรูดถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ในเขตอิสลามิกมาเกร็บในปี 2003 หลังจากนั้นเขาหมกมุ่นอยู่กับปฏิบัติการก่อการร้ายในแอลจีเรีย และมาลี

ในปี 2013 กลุ่มอัลกออิดะห์ในเขตอิสลามมักเกร็บได้ปะทะกับกองกำลังรัฐบาลตูนิเซียตามแนวภูเขาในแถบชายแดนตูนิเซียและแอลจีเรีย อัลกออิดะห์ในเขตอิสลามมักเกร็บเนื่องจากการแยกตัวไปของสมาชิกหัวกระทิและแตกกลุ่มไปยังสาขาต่างๆจึงประสบกับปัญหาอย่างมาก หนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของพวกเขาคือ มุกตัรบินมุกตัร ซึ่งเป็นนักคิดหัวกระทิของพวกเขาถูกทรมานในแอลจีเรียเมื่อปี 2013

สาขาย่อยของกลุ่มอัลกออิดะห์ในเขตอิสลามมาเกร็บ

ในปี 2013 มี 2 กลุ่มที่ออกมาประกาศตัดสินใจรวมตัวกันคือ ขบวนการบุรุษใส่หน้ากากกับญะมาอัตเตาฮีดและญิฮาดในแอฟริกาตะวันตก(MAJAO) และตั้งขบวนการใหม่ขึ้นมาชื่อว่า อัลมุรอบิตูน

ขบวนการบุรุษใส่หน้ากากกับกองทัพพันธะสัญญาแห่งเลือด

หลังจากที่ มุกตัรบิลมุกตัร ได้ออกมาประกาศแยกตัวออกจากกลุ่มอัลกออิดะห์ในเขตอิสลามมาเก็บแล้ว เขาได้ก่อตั้งกองทัพขึ้นมา ชื่อว่า พันธะสัญญาแห่งเลือด ขึ้นในเดือนตุลาคม ปี 2012 และในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นหัวหน้าของขบวนการบุรุษใส่หน้ากาก เช่นเดียวกัน ทั้งสองขบวนการได้ทำการโจมตีประเทศไนจีเรียและยังเข้าร่วมโจมตีแอลจีเรียในปี 2013 เช่นกัน

เอกสารที่คงเหลืออยู่หลังจากความพ่ายแพ้ของขบวนการนี้ในศึกภาคเหนือของมาลีชี้ให้เห็นว่า มีความเห็นที่ขัดแย้งจนเป็นเหตุให้แยกออกจากกันระหว่างหัวหน้ากลุ่มขบวนการก่อการร้ายที่นำโดยผู้นำแอลจีเรียกับผู้นำอัลกออิดะห์ในเขตอิสลามมาเกร็บ  บิลมุกตัรมีส่วนร่วมหลายๆครั้งในปฏิบัติการจับตัวประกันและลักพาตัว และด้วยเหตุผลที่เขามีส่วนร่วมในหลายๆอาชญากรรมทำให้เขามีรายได้ทางการเงินที่ดีขึ้นและยังเป็นเหตุให้เขามีอำนาจเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังช่วยให้เขาสามารถขยายอำนาจและหาแนวร่วมที่จะเข้าร่วมบวนการของตนได้ง่ายยิ่งขึ้นเช่นกัน

กระบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเอกภาพและการญิฮาดในแอฟริกาตะวันตก

ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเอกภาพและการญิฮาดในแอปริกาตะวันตกก่อตั้งขึ้นมาในปี 2011 ในระหว่างเดือนเมษายนปี 2012 จนถึงมกราคมปี 2013 พวกเขาได้เข้ายึดครองเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศมาลีที่มีชื่อว่า กาโอ นี่คือขบวนการย่อยมาจากขบวนการอัลกออิดะห์ในเขตอิสลามมาเกร็บที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศมาลี ส่วนใหญ่จะเป็นคนอาหรับที่อาศัยอยู่ในประเทศมาลี ไนจีเรีย และมอริเตเนีย ผู้ก่อตั้งขบวนการนี้คือชาวมอริเตเนียอดีตสมาชิกของขบวนการ AQIM ที่แยกตัวออกมา ผู้นำขบวนการ คือ ฮัมด์ มูฮัมหมัด อัลคีรี ได้ออกมาประกาศว่า จะขยายการต่อสู้ญิฮาดเพราะสิ่งนี้จะนำสู่การก่อตั้งกฏหมายอิสลาม

ในปี 2012 ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเอกภาพและการญิฮาดในแอปริกาตะวันตกออกมายอมรับว่าการลักพาตัวนักการฑูตแอลจีเรียในประเทศมาลีเป็นฝีมือของตน

image635766476962879327

โบโกฮาราม

กลุ่มโบโก ฮาราม เป็นกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง มีฐานอยู่ทางภาคเหนือของไนจีเรีย โดยชื่อโบโก ฮาราม เป็นภาษาฮัวซาชนเผ่าหนึ่ง ของไนจีเรีย หมายถึง “การศึกษาตะวันตกเป็นสิ่งต้องห้าม(บาป)” โดยเป้าหมายของกลุ่มนี้ คือ การจัดตั้งรัฐอิสลาม และใช้กฏหมายอิสลามเต็มรูปแบบ(กฏชะรีอะฮ์)ในรัฐทางภาคเหนือ โดยมีเป้าหมายในการปกครองตนเอง และเป็นเอกราช จากรัฐบาลไนจีเรีย สำหรับกฏหมายชะรีอะฮ์ (Shari’ah) คือประมวลข้อปฏิบัติต่างๆของกฏหมายศาสนาอิสลาม ครอบคลุม วิธีการดำเนินชีวิตประจำวันในแทบทุกด้าน

กลุ่มโบโกฮาราม ก่อตั้งโดยโมฮัมหมัด ยูซุฟ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับความศรัทธามีผู้คนให้ความเคารพมากมาย ในรัฐบอร์โน เมื่อ 12 ปีก่อน โดยยูซุฟได้ปลูกฝังความต้องการก่อตั้งรัฐอิสลามทางภาคเหนือ โดยใช้สันติวิธี จนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากชาวบ้านที่ยากจน ในรัฐบอร์โนและรัฐเพื่อนบ้าน ทั้งชาดและแคเมอรูน แต่ความมีชื่อเสียงของยูซุฟ ทำให้เขาถูกทางการ ไนจีเรียจับกุมและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังจากนั้น อาบูบากัร เชเกา ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มโบโก ฮาราม คนใหม่  ซึ่งชายผู้นี้ถือเป็นคนที่มีความลึกลับ และเต็มไปด้วยปริศนา รวมทั้งมีจิตใจที่โหดเหี้ยมอำมหิต และไม่แน่ว่าในขณะนี้ เชเกายังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่ว่า เชเกา ‘จะอยู่หรือตาย’ เขากลับนำกลุ่มโบโก ฮาราม เลือกใช้วิธีรุนแรงเหี้ยมโหดอุกอาจ ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากลักพาตัวและสังหารชาวตะวันตก จากนั้นได้ยกระดับความรรุนแรงเป็นการวางระเบิดโจมตีโบสถ์คริสต์ มัสยิด และอาคารที่ทำการรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1,500 ราย ไร้ที่อยู่อาศัยหลายแสนคน รวมถึงโรงเรียนและอาคาร ที่ทำการรัฐถูกทำลายวายวอดไปเป็นจำนวนมากฮาราม

อันศอรุชชะรีอะห์

ตั้งแต่ต้นปี 2011 มีกลุ่มต่างๆเกิดขึ้นมาอย่างมากมายโดยเฉพาะในคาบสมุทรอาหรับโดยใช้ชื่อว่า อันศอรุชชะรีอะห์ แต่หลังจากนี้จะยกตัวอย่างแค่เพียงสองกลุ่มที่มีปรากฏอยู่ในประเทศลิเบียและตูนิเซีย ทั้งสองกลุ่มได้ใช้โอกาศในช่วงที่เกิดความวุ่นวายในประเทศและหลังการล้มลงของรัฐบาลในการเคลื่อนไหวของตน เช่น การนิ่งเงียบของบินอะลีในตูนิสและการล่มสลายไปของกัดดาฟี

อันศอรุชชะรีอะห์ในตูนิเซีย

ในช่วงฤดูร้อนปี 2012 มีเหตุการณ์การประท้วงสหรัฐเกิดขึ้นในตูนิเซียจนเป็นเหตุทำให้เกิดการเผชิญหน้าโดยตรงกันระหว่างกลุ่มอันศอรุชชะรีอะห์กับกองกำลังความมั่นคงของตูนิเซีย หลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารสองนักการเมืองคนำคัญในตูนิเซียในปี 2013 รัฐบาลจึงได้เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยและประกาศว่า กลุ่มอันศอรุชชะรีอะห์ คือขบวนการก่อการร้าย

อันศอรุชชะรีอะห์ในตูนิเซียมีการเคลื่อนไหวในหลายรูปแบบในสังคมอีกทั้งยังมีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต เว็ปไซต์ เฟสบุ๊ค ยูทูปเช่นกัน

ซัยฟุลลอฮ์ บินฮูเซน เป็นผู้นำขบวนการนี้ ซึ่งเขามีความเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมก่อการร้ายและสงครามในอัฟกานิสถานทำให้เขาถูกลงโทษจำคุก 8 ปี

อัลศอรุชชะรีอะห์ในลิเบีย

หลังจากการเสียชีวิตของทูตสหรัฐในลิเบีย อันศอรุชชะรีอะห์ลิเบียจึงถูกเผยแพร่ในสื่อต่างๆ

ยังมีกองกำลังอีกหลายๆกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในลิเบียโดยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้นำอันศอรุชชะรีอะห์ลิเบีย ในการประชุมของกลุ่มเมื่อปี 2012 ในเมืองเบงกาซีมีสมาชิกเข้าร่วมการประชุมมากกว่า 1000 คน

กลุ่มก่อการร้ายหลายๆกลุ่มที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ หลังจากการเข้ามามีอำนาจของขบวนการไอเอสและได้ประกาศคีลาฟะห์ตามอำเภอใจโดยการนำของอบูบัก อัลบักดาดี ได้มีขบวนการหลายๆกลุ่มให้สัตยาบันต่อพวกเขา หนึ่งในนั้นคือ ขบวนการอัชชะบาบ และโบโกฮาราม

ขบวนการก่อการร้ายอันศอรุลบัยติลมุก็อดดัส ซึ่งก่อหน้านี้อ้างว่าเป็นผู้ปกป้องประชาชนชาวปาเลสไตน์ แต่เมื่อปีที่ผ่านมาได้ประกาศให้สัตยาบันต่อขบวนการไอเอส ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มของตนเป็น วิลายัตซีนาย

แม้นว่าสื่อตะวันตกมีความพยายามที่จะเผยแพร่ลุ่มก่อการร้ายต่างๆเหล่านี้เพื่อหวังทำลายศาสนาอิสลาม แต่ควรที่จะสังเกตว่าเป้าหมายของขบวนการก่อการร้ายพวกเขาไม่มีเป้าหมายอื่นใดนอกจากเป้าหมายที่ตนเองวางไว้ ด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมและทารุณจนเป็นเหตุทำให้ชื่อเสียงของศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ได้รับความแปดเปื้อน

 

—-
อ้างอิง http://www.rasanews.ir/NSite/FullStory/News/?Id=284580