จากเหตุโจมตี “ปารีส” ถึง “MolenBeek”… ศาสนาอิสลามผิดด้วยหรือ ??

1009

Euronews  –   สื่อมวลชนทั่วโลกเบนเข็มและมุ่งเป้ายังเขตพื้นที่ของชาวมุสลิมชนส่วนน้อย ใน MolenBeek   เขตชานเมืองของกรุงบรัสเซลส์ เบลเยี่ยม โดยถือว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงและการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายที่เกิดขึ้นล่าสุดในกรุงปารีส  แต่ประเด็นคำถามคือว่า เรื่องนี้ศาสนาอิสลามมีบทบาทและมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ?

พลเมือง MolenBeek กล่าวว่าถึงเรื่องนี้ว่า   “ศาสนาของเราไม่อนุญาตให้เราทำร้ายผู้บริสุทธิ์” ซึ่งการทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและเราขอประณามและคัดค้านในการกระทำเช่นนี้  ซึ่งสื่อไม่สามารถที่จะกล่าวโทษพวกเราทั้งหมด….  อย่ามาพาดพิงถึงเรา   เราเคารพประเทศนี้  เราเป็นคนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศนี้ และต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข  และนี่คือสิ่งที่พวกเราต้องการ”

ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่ง กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไข้ และความกลัวในหมู่พวกเขา ว่า “คนไข้ของเรามีอาการกลัวและหวาดระแวง  ซึ่งได้ถามพวกเขาว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเช่นนี้มันจะส่งผลกระทบต่อเด็กๆของเราหรือไม่ ?  ทุกคนล้วนจะมองเราในลักษณะเหมือนกันหมด….   บนท้องถนนก็จะพากันจองมาที่เรา….สิ่งต่างๆเหล่านี้สามารถเห็นได้การนำเสนอของสื่อ”

MolenBeek  เป็นหนึ่งในย่านที่ยากจนที่สุดในกรุงบรัสเซลส์ ที่บรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาวขาดโอกาสในการทำงานและเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไปการกระทำผิดและมั่วสุมกับยาเสพติด

เหตุการณ์ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นับจากการก่อวินาศกรรมที่ปารีส ถึงการใช้กำลังของตำรวจเบลเยียม ได้ทิ้งคำถามมากมายที่รอคำตอบ และประเด็นร้อนที่กำลังจับตามองอยู่ในขณะนี้คือ “บทบาทของชุมชนมุสลิมในการส่งเสริมหรือประณามการก่อการร้าย”

ชาร์ล สลามัต  ผู้สื่อข่าวของ euronews ได้สัมภาษณ์ มุฮัมมัด คาลาย์  อิมามประจำมัสยิดกรุงบรัสเซลส์ เบลเยี่ยม    ในประเด็น ความรู้สึกและสาส์นของเขาที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา …

มุฮัมมัด คาลาย์  : เราได้ยินข่าวที่สะเทือนขวัญ และสร้างความเจ็บปวดให้กับเราเป็นอย่างมาก    ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนชาวฝรั่งเศสทุกคนต่อเหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้น   และเราขอแสดงความเสียใจที่ศาสนาอิสลามถูกใสร้ายป้ายสีเช่นนี้   ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ จะมีคนถามเราอยู่เสมอว่า  มีความรู้สึกเช่นไรบ้าง ??    เคยตำหนิผู้ก่อเหตุหรือไม่ ?  ซึ่งเราก็ได้ตอบอยู่เสมอว่า เราขอตำหนิและประณามผู้ก่อเหตุทุกคน  แต่สิ่งที่เราควรกระทำในที่นี้ คือ  การกำจัดกลุ่มก่อการร้ายให้สิ้นซาก  เนื่องจากในวันนี้กลุ่มก่อการร้ายเป็นศัตรูของมวลมนุษยชาติ

euronews :    คุณมีวิธีการอย่างไรบ้างในการสู้เผชิญหน้ากับกลุ่มหัวรุนแรงที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในขณะนี้ ?

มุฮัมมัด คาลาย์  : วันนี้ทุกคนล้วนพุ่งเป้ามายัง MolenBeek กรุงบรัสเซลส์   จะอย่างไรก็ตามเยาวชน (ถูกโฆษณา)   ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์เหล่านี้ … ทำไม ?  เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เหมือนกับแหล่งสลัมต่างๆในฝรั่งเศสอันเป็นแหล่งชุมนุมของผู้ว่างง่านที่มักจะก่อเหตุอาชญากรรมและสิ้นหวังที่จะมีงานทำ  เยาวชนเหล่านี้มักจะมาจากครอบครัวที่แตกแยกและหย่าร้าง มีชีวิตอยู่ในสภาพของวิกฤติ  และผลลัพธ์สุดท้ายจึงตกเป็นเหยื่อที่ดีที่สุดสำหรับบรรดาผู้อยู่เบื้องหลังก่อเหตุวินาศกรรม

Euronews  :   การศึกษาที่ขาดช่วง  และความยากจน จะมีในทุกที่และทุกวัฒนธรรมและศาสนาแต่ทำไม กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งจึงมีสถานะอยู่ในอิสลาม ?

มุฮัมมัด คาลาย์  : บริบทและหลักคำสอนเช่นนี้ไม่มีในศาสนาอิสลาม …. กลุ่มบุคคลเหล่านี้เป็นแค่บุคคลที่อ้างชื่อศาสนาอิสลามเท่านั้น โดยมีเป้าหมายทางการเมืองและการกระทำอื่น ๆเพื่อให้ตะวันตกเกลียดชังอิสลาม ในขณะเดียวกันในโลกอาหรับรวมทั้งอิรักและชาวปาเลสไตน์ก็ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อบุคคลเหล่านี้  พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับซึ่งกันและกัน และจะปฏิบัติการในนามของศาสนาอิสลาม

Euronews  :  คุณเห็นด้วยไหม ที่ต้องขับไล่อิมาม(ในยุโรป)ที่นิยมหัวรุนแรง ?

มุฮัมมัด คาลาย์  : ไล่ออกหรือ ?? ประเด็นที่เป็นปัญหาคือ แนวคิดหัวรุนแรง  เราจะรู้จักได้อย่างไรว่าเขาเป็นกลุ่มหัวรุนแรง ??  บุคคลที่ไว้หนวดเครายาวหรือ ?? ด้วยเหตุนี้ ควรมุ่งเน้นในประเด็นความรุนแรงโดยศึกษาความหมายของการญิฮาดและผู้ก่อเหตุความรุนแรงให้ถูกต้องสมบูรณ์  ซึ่งกลุ่มหัวรุนแรงที่แท้จริงคือ กลุ่มบุคคลที่เกลียดชังตะวันตกและมนุษยชาติ  หาใช่บุคคลที่สวมชุดนักการศาสนา ไว้หนวดเคราและเข้ามัสยิด