
ลอนดอน – จูเลียน อัสซานจ์ พูดจากสถานทูตเอกวาดอร์ในลอนดอน โดยเปิดเผยว่า สหรัฐฯ วางแผนที่จะโค่นล้มรัฐบาลซีเรียมาตั้งแต่ปี 2006 แล้ว หลายปีก่อนที่จะเริ่มเกิดวิกฤติการณ์ในปัจจุบัน
ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ได้ลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์เมื่อปี 2012 ซึ่งยังมีตำรวจชุดใหญ่ล้อมอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้อัสซานจ์ย่างเท้าออกไปข้างนอก ในการนี้ต้องใช้เงินภาษีเกิน 12 ล้านปอนด์แล้ว
การคุกคามต่อเสรีภาพของเขาไม่ได้ขัดขวางอัสซานจ์จากการทำงานของเขาต่อไป ในการเปิดเผยความลับสกปรกของรัฐบาลต่างๆ การเปิดเผยล่าสุดของเขามีขึ้นในการให้สัมภาษณ์กับ RT เกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ของเขาชื่อ “The WikiLeaks Files” ที่ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว
สหรัฐฯ และพันธมิตรในตะวันออกกลาง ที่ประกอบด้วยตุรกีและอิสราเอล มักจะถูกกล่าวหาอยู่เป็นประจำว่าสนับสนุนให้เกิดความไร้เสถียรภาพที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรีย ในช่วงแรกที่เกิดการก่อจลาจลและต่อมากลายเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2011 แต่จากข้อมูลผ่านสายเคเบิลของวิกิลีกส์ ในบทที่กล่าวถึงซีเรียจากหนังสือของอัสซานจ์ แผนการที่จะก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพในภูมิภาคนี้เกิดขึ้นย้อนหลังไปอย่างน้อยห้าปีก่อนหน้านั้น
“ในบทนั้น เป็นข้อมูลผ่านสายเคเบิ้ลจากวิลเลียม โรบั๊ค ทูตสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่ในดามัสกัส ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการหารือกันเกี่ยวกับแผนการที่จะโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรีย” RT รายงาน
ในการปรากฏตัวทางรายการ “Going Underground” ของ RT อัสซานจ์ได้แจงรายละเอียดเนื้อหาของการติดต่อผ่านสายเคเบิลครั้งนั้นว่า
“…แผนนั้นก็คือ การใช้ปัจจัยต่างๆ จำนวนมากเพื่อสร้างความหวาดระแวงขึ้นภายในรัฐบาลซีเรีย เพื่อผลักดันให้รัฐบาลแสดงปฏิกิริยาเกินเลย เพื่อทำให้มันกลัวว่าจะเกิดการรัฐประหาร…”
อัสซานจ์อธิบายต่อไปว่า รัฐบาลสหรัฐฯ หาทางที่จะทำให้รัฐบาลของอัสซาดเกิดความอ่อนแอ โดยทำให้อัสซาดแสดงปฏิกิริยาต่อภัยคุกคามจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ข้ามเข้ามาในประเทศของเขามากเกินไป
ข้อมูลทางเคเบิลครั้งนี้ยังให้รายละเอียดถึงแผนการที่จะสร้างความแตกแยกทางลัทธิความเชื่อขึ้นในภูมิภาคนี้ด้วย และทำให้อิหร่านดูเหมือนเป็นภัยคุกคามต่ออัสซาดมากกว่าที่มันเป็นจริงๆ อัสซานจ์กล่าวต่อไปว่า
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อใช้ข่าวลือที่รู้กันอยู่ว่าเป็นข่าวเท็จ… หรือใช้การพูดเกินจริงและส่งเสริมคำพูดเหล่านั้น ที่ว่าอิหร่านกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนความเชื่อของชาวซุนนีที่ยากจน และเพื่อทำงานร่วมกับซาอุดี้ฯ และอียิปต์เพื่อสนับสนุนความเข้าใจนั้น เพื่อทำให้อิหร่านแผ่อิทธิพลได้ยากขึ้น และเพื่อทำให้รัฐบาลแผ่อิทธิพลต่อประชากรได้ยากขึ้นด้วย”
ข้อมูลทางเคเบิลของวิกิลีกส์เปิดเผยว่า แผนการเหล่านี้มาจากรัฐบาลอิสราเอล และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีความตั้งใจที่จะทำงานกับซาอุดิอารเบีย, ตุรกี, กาต้าร์ และอียิปต์ เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเสียหายให้แก่รัฐบาลอัสซาด ซึ่งเป็นวิธีที่จะสร้างความอ่อนแอนให้กับอิหร่านและฮิซบุลลอฮ์ด้วย
“ถ้าซีเรียไร้เสถียรภาพ มันก็จะอยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถเก็บที่ราบสูงโกลันไว้ได้ตลอดไป หรือแม้แต่รุกคืบเข้าไปในอาณาเขตนั้น” อัสซานจ์กล่าว
อัสซานจ์ระบุว่า ข้อมูลทางเคเบิลนั้นแสดงให้เห็นว่า วิกฤติการณ์ในซีเรียปัจจุบันสะท้อนถึงอิทธิพลของสหรัฐฯ ที่มีต่อตะวันออกกลางอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการที่มันใช้พันธมิตรของมันในการสร้างความกดดันต่อประเทศนี้ “ส่วนหนึ่งของปัญหาในซีเรียก็คือ คุณมีพันธมิตรของสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งล้อมรอบมันอยู่ ที่สำคัญคือซาอุดี้ฯ และกาต้าร์ ที่กำลังเป็นช่องทางลำเลียงอาวุธเข้าไป” อัสซานจ์ระบุเสริมว่า มันแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่สหรัฐฯ ใช้ฐานทัพ และเครือข่ายทางการทูตมากกว่า 100 แห่งของมัน เพื่อสร้างผลประโยชน์ในการแผ่อำนาจแบบจักรวรรดินิยมของมัน
สื่อกระแสหลักมักจะนำเสนอมุมมองในแบบง่ายๆ เกี่ยวกับวิกฤติการณ์ในซีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มันเพื่อสนับสนุนสงคราม โดยไม่ใส่ใจต่อประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ และพันธมิตรที่ขัดแย้งกันอย่างมากมายที่มันมี
สัปดาห์ที่แล้ว มนาร์ มูฮาเวช ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว MintPress News ได้พิมพ์เผยแพร่บทวิเคราะห์วิกฤติการณ์ผู้ลี้ภัยในปัจจุบันของเธอ ซึ่งก็ได้ตำหนิพันธมิตรตะวันตกอย่างตุรกี อิสราเอล และซาอุดิอารเบีย ว่าพยายามที่จะทำลายเสถียรภาพของซีเรียเพื่อต้องการที่จะควบคุมแหล่งทรัพยากรพลังงานของภูมิภาค
มูฮาเวชเขียนว่า “ปัจจุบัน ตะวันออกกลางกำลังถูกฉีกทึ้งออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยแผนการบิดเบือนเพื่อเข้าถึงน้ำมันและก๊าซ โดยหลอกล่อให้ประชาชนต่อสู้กันด้วยสาเหตุทางศาสนา” เธอเขียนต่อไปว่า “และในการผลักดันเพื่อพลังงานนี้ ผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดก็คือประชาชน”
Source : http://www.mintpressnews.com
by : Kit O’Connell