
เตหะราน – เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยังคงรณรงค์เพื่อส่งเสริมการทำสงครามกับอิหร่านต่อไปถึงแม้จะมีข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งประวัติศาสตร์ไปแล้ว แต่เสียงวิจารณ์ที่สำคัญครั้งล่าสุดต่อการวาทะศิลป์ของเขามาจากกลุ่มศาสนาของเขาเอง
ฮารูน ยาชายาอี ผู้นำชุมชนชาวยิวในอิหร่าน ได้ใช้สื่อในท้องถิ่นเพื่อวิจารณ์ผู้นำอิสราเอลอย่างรุนแรง และแสดงการสนับสนุนข้อตกลงอิหร่าน
บทความแสดงความคิดเห็นเรื่อง “Your Time Is Over, Mr.Netanyahu” พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ Shargh Daily ของอิหร่าน หลังจากที่ข้อตกลงนิวเคลียร์ถูกประกาศไม่นาน และถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษเผยแพร่ทางเว็บไซต์ IranReview.org เมื่อวันพฤหัสบดี ยาชายาอีซึ่งเป็นประธานของคณะกรรมการยิวเตหะรานแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเนทันยาฮู
“เขารีบรุดไปยังวอชิงตันเพื่อเข้าร่วมในการประชุมของสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เพื่อขัดขวางข้อตกลงระหว่างอิหร่านกับกลุ่ม P5+1 และเพื่อโฆษณาชวนเชื่อเรื่องโกหกทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับชาติอิหร่านและสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เพื่อให้ตัวแทนล้อบบี้ชาวยิวที่ร่ำรวยในสหรัฐฯ ปรบมือให้เขาและชื่นชมเขา อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่าไม่ได้พบกับเขา และอีกครั้งหนึ่งที่คนทั้งโลกได้ยินว่า ถึงแม้เนทันยาฮูจะพยายามทำสิ่งต่างๆ ทั้งหมด และถึงแม้จะมีข้อตกลงทางการเงินและทางการเมือง แต่เวลาของเขาหมดไปนานแล้ว ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ระหว่างการเจรจาของอิหร่านกับกลุ่ม P5+1 เกี่ยวกับการยกเลิกการคว่ำบาตรต่อชาติอิหร่านได้มาถึงข้อสรุป นโยบายปัจจุบันของอิสราเอลก็อยู่ในความสับสน
ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเป็นคนหลงตัวเองอย่างมาก จนกระทั่งการพัฒนาต่างๆ เหล่านี้ก็ไม่สามารถหันเหเขาจากการติดตามเป้าหมายที่หลงผิดของเขาได้เลย”
ยาชายาอียังได้กล่าวถึงประเด็น แถลงการณ์เมื่อ 12 กรกฎาคมของนายกรัฐมนตรีต่อคณะรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเนทันยาฮูได้กล่าวหาอิหร่านว่ากระทำการ “ก้าวร้าวอย่างรุนแรง” ต่ออเมริกา โดยไม่ใส่ใจต่อการโจมตีอย่างรุนแรงเมื่อเร็วๆ นี้ของอิสราเอลต่อกาซ่า ยาชายาอีตอบโต้ว่า
“มันน่าประหลาดใจยิ่งนัก ที่รัฐบาลหนึ่งซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของแผ่นดินปาเลสไตน์มาตั้งแต่ปี 1967 ที่ไม่เคยปฏิบัติตามมติใดๆ จากสมัชชาใหญ่หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเลย และยังปฏิเสธการระงับการสร้างที่ตั้งถิ่นฐานบนดินแดนยึดครองเพื่อเริ่มต้นการเจรจากับตัวแทนของประชาชนชาวปาเลสไตน์ มายอมให้ตัวเองเรียกประชาชนและรัฐบาลอิหร่านว่าเป็นนักล่าอาณานิคมเพราะพวกเขาปกป้องสิทธิ์ของประชาชนชาวปาเลสไตน์”
รายงานข่าวจากสื่อของอิสราเอลพยายามปกป้องนายรัฐมนตรีของตนด้วยการอ้างว่า ยาชายาอีอาจจะตีพิมพ์เผยแพร่แถลงการนั้นภายใต้การข่มขู่บังคับ “การแสดงความคิดเห็นของยาชายาอีที่โจมตีอิสราเอลเป็นเรื่องที่แกล้งทำเพื่อเป็นการปกป้องชุมชนชาวยิว ด้วยแสดงตนว่ามีความจงรักภักดี” แอเรียล เบ็น โซโลมอน เขียนใน Jerusalem Post
ในความเป็นจริง ชนกลุ่มน้อยชาวยิวในอิหร่านได้รับการคุ้มครองอย่างดีตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญของประเทศ และพวกเขาเป็นสมาชิกที่มีความกระตือร้นในสังคมอิหร่าน ตามภาพรวมครั้งประวัติศาสตร์ใน My Jewish Learning :
“ปัจจุบัน ชาวยิวมีส่วนร่วมในชีวิตทางสังคมและการเมืองของอิหร่าน ชาวยิวหลายคนเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ของชาวอิหร่านเพื่อประท้วงรัฐอิสราเอลใน “วันกุดส์” (วันเยรูซาเล็ม) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และระหว่างสงครามอิหร่าน-อิรัก (1980-1988) ชาวยิวอิหร่านสนับสนุนการต่อสู้ในสงครามครั้งนั้นด้วยการบริจาครถพยาบาลและสินค้าอื่นๆ รวมทั้งไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เยาวชนชาวยิวบางคนยังได้เข้าร่วมในการต่อสู้ และได้รับบาดเจ็บในสนามรบ”
ตามข้อมูลในบทความที่ตีพิมพ์ใน Washington Post ปี 2013 ยังมีชาวยิวเหลืออยู่ในอิหร่านน้อยกว่า 30,000 คน ลดลงจากจำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์ 100,000 คนก่อนการปฏิวัติอิสลามในปี 1979 โดยรวมแล้ว Json Rezaian จาก the Post รายงานว่า พวกเขาระบุว่าเป็นมาตุภูมิ และภูมิใจในประเทศบ้านเกิดของพวกเขา ดูตัวอย่างได้จาก Ciamak Morsadegh สมาชิกชาวยิวเพียงคนเดียวในรัฐสภาอิหร่าน เขาบอก Rezaian ว่า “เราไม่ใช่ผู้อาศัยในประเทศนี้ เราเป็นชาวอิหร่าน และเราเป็นมา 30 ศตวรรษแล้ว”