อิสลามาบัด – ซาอุดิอารเบีย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง มีการติดต่อในระดับสูงกับศัตรูตัวฉกาจที่สุดของอเมริกาในอัฟกานิสถาน เครือข่ายฮักกอนี ตามแหล่งข่าวที่อ้างว่าเป็นข้อมูลลับของสถานทูตซาอุดี้ฯ ที่เปิดเผยโดยวิกิลีกส์
ในเอกสารดังกล่าวที่ไม่สามารถตรวจสอบได้นี้ระบุว่า ในปี 2012 ทูตซาอุดี้ฯ ประจำปากีสถาน ได้พบกับนายนาซีรุดดีน ฮักกอนี หัวหน้าฝ่ายระดมทุนของกลุ่มนักรบญีฮาด ที่อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังเป็นกลุ่มก่อการร้ายของสหประชาชาติมาตั้งแต่ปี 2010
การโต้ตอบผ่านทางสถานทูตนี้บ่งบอกว่า ในการพบกันนี้ นายฮักกอนีได้ร้องขอให้บิดาของเขา ญาลาลุดดีน ฮักกอนี ผู้ก่อตั้งองค์กรก่อการร้ายนี้ ได้เข้ารับการรักษาในซาอุดิอารเบีย เอกสารนี้ระบุว่าฮักกอนีผู้พ่อถือหนังสือเดินทางของซาอุดี้ฯ
สถานทูตซาอุดี้ฯ ในอิสลามาบัดไม่ว่างที่จะแสดงความคิดเห็น และเจ้าหน้าที่อัฟกันก็ไม่ได้ให้คำตอบในทันทีต่อข้อกล่าวหานี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขากำลังทบทวนรายงานเหล่านี้ แต่ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ในทันที เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นายโอซาม่า นูกาลี โฆษกรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดี้ฯ กล่าวว่า เอกสารหลายฉบับที่เผยแพร่โดยวิกิลีกส์ “เป็นการสร้างเรื่องชัดๆ” แต่เขาก็กล่าวด้วยว่า เอกสารเหล่านี้ “ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ นอกเหนือไปจากที่กระทรวงได้ประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้ว” ไม่ว่าจะเกี่ยวกับประเด็นระหว่างประเทศหรือประเด็นในภูมิภาค
ความสัมพันธ์ของวอชิงตันกับซาอุดิอารเบียมีความตึงเครียดมาหลายปี เนื่องจากสหรัฐฯ มีความกังวลว่าเงินทุนของกลุ่มก่อความไม่สงบในอัฟกานิสถานและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ในตะวันออกกลางจะมาจากผู้บริจาคในซาอุดิอารเบียและกลุ่มประเทศอ่าวอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ชุดต่อมาก็มีความระมัดระวังที่จะไม่กล่าวหารัฐบาลกลุ่มประเทศอ่าวว่ามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการก่อการร้าย
เอกสารฉบับหนึ่งลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012 และลงนามโดยเอกอัครราชทูตอับดุล อาซิซ อิบรอฮีม ซาเลห์ อัล-ฆอดีร ทูตซาอุดี้ฯ ประจำอิสลามาบัดในขณะนั้น ระบุว่า นักการทูตผู้นี้ได้พบกับนายนาซีรุดดีน ฮักกอนี ผู้ซึ่งขอให้เอกอัครราชทูตนำความขึ้นแจ้งต่อกษัตริย์ซาอุดี้ฯ ถึงความประสงค์ของบิดาของเขาที่ต้องการจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของซาอุดี้ฯ ข้อมูลลับนี้ยังระบุถึงหนังสือเดินทางซาอุดี้ฯ ของนายญาลาลุดดีน ฮักกอนีด้วย
ในเอกสารอีกฉบับหนึ่ง ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2012 เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งจากกระทรวงต่างประเทศซาอุดิอารเบียแนะนำให้รักษาญาลาลุดดีน ฮักกอนี ในโรงพยาบาลของซาอุดี้ฯ แต่ไม่มีความชัดเจนว่าเคยมีการรักษาที่ว่าเกิดขึ้นหรือไม่
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอัฟกันเชื่อว่าเครือข่ายฮักกอนีเป็นผู้รับผิดชอบต่อการโจมตีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในเมืองหลวงของอัฟกานิสถานในช่วงสิบปีหลังนี้ รวมทั้งเหตุการณ์โจมตีสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบุลเมื่อเดือนกันยายน 2011 เดือนนี้ เจ้าหน้าที่อัฟกันกล่าวหาเครือข่ายฮักกอนีว่าพยายามบุกเข้ารัฐสภาในคาบูลแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
เครือข่ายนี้เริ่มเกิดขึ้นในยุค 1980s เมื่อครั้งที่สหรัฐฯ และซาอุดิอารเบียหนุนหลังกลุ่มมุญาฮิดีนในอัฟกานิสถานที่ต่อสู้กับโซเวียตด้วยการให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยข่าวกรองของปากีสถาน หรือ ISI (Inter-Services Intelligence agency) ในการให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal อดีตประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาราฟ ของปากีสถานกล่าวถึงฮักกอนีว่าเป็น “แชมเปียนของเราในการก่อกบฏต่อสหภาพโซเวียต”
สหรัฐฯ เลิกสนับสนุนมุญาฮิดีนหลังจากที่โซเวียตถอนตัวออกไปจากอัฟกานิสถานในปี 1989 แต่ซาอุดิอารเบียและปากีสถานยังคงรักษาความเชื่อมโยงกับมุญาฮิดีนกลุ่มต่างๆ ภายหลังจากที่รัฐบาลตอลีบันถูกขับไล่ด้วยการรุกรานที่นำโดยสหรัฐฯ เมื่อปี 2001 ฮักกอนีก็ได้กลายมาเป็นพันธมิตรทางการสู้รบที่สำคัญของตอลีบัน ซึ่งได้สร้างความวุ่นวายอย่างรุนแรงแก่รัฐบาลอัฟกานิสถานที่สหรัฐฯ หนุนหลัง หลังการปกครองของพวกเขาต้องล่มสลายลงไป
การระบุชื่อญาลาลุดดีน ฮักกอนี ลงในรายชื่อเฝ้าจับตาก่อการร้ายของยูเอ็น ก็เพื่อที่จะขัดขวางการเดินทางระหว่างประเทศของเขาและเป็นการระงับธุรกรรมทางการเงินของเขา นาซีรุดดีนถูกระบุชื่อในรายการเดียวกันนั้นของยูเอ็นในปี 2010 สหรัฐฯ ได้ประกาศให้เครือข่ายฮักกอนีเป็น “องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ” ในปี 2012
“มันแค่แสดงให้เห็นว่า มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้แค่ไหนสำหรับการจัดลำดับของซาอุดี้ฯ ที่เอกอัครราชทูตไม่คิดอะไรเลยในการรายงานเรื่องนี้ลงในข้อมูลลับอย่างเป็นทางการ และในการพบกับพวกเขา หรือในความต้องการคำแนะนำก่อนทำอย่างนั้น” ซาฟาร์ ฮิลาลี่ อดีตทูตปาสถานประจำเยเมนกล่าว
ความโกรธของสหรัฐฯ ในเรื่องการสนับสนุนเครือข่ายฮักกอนีนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ซาอุดิอารเบีย แต่เป็นปากีสถาน ที่ซึ่งกลุ่มนี้ตั้งฐานอยู่เป็นเวลาหลายปีในพื้นที่ชนเผ่าวาซิริสถานเหนือ ตามแนวชายแดนติดกับอัฟกานิสถาน ในปี 2011 พลเรือเอกไมร์ มุลเลน ของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานเสนาธิการ ได้เรียกฮักกอนีว่าเป็น “แขนที่แท้จริง” ของ ISI เป็นการบรรยายลักษณะที่อิสลามาบัดได้ออกมาโต้แย้ง การปฏิบัติการของกองทัพปากีสถานเมื่อปีที่ได้แล้วผลักดันนักรบจำนวนมากออกไปจากวิซิริสถานเหนือ
Source : mintpressnews,