ผลสำรวจระบุ ชาวซาอุดี้ฯ ถือว่าอิหร่านคือศัตรูหมายเลขหนึ่ง ไม่ใช่อิสราเอล

1750
(ภาพ) มกุฏราชกุมารซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ อัล ซาอูด แห่งซาอุดิอารเบีย, คนที่ 2 จากขวา แถวแรก, ถ่ายภาพร่วมกับสมาชิกสภาชูรอที่สภาที่ปรึกษาชูรอในกรุงริยาด ซาอุดิอารเบีย

AP/Mintpress/ เฮิร์ซลิยา, อิสราเอล – วิทยาลัยแห่งหนึ่งของอิสราเอลได้จัดทำการสำรวจความคิดเห็นในซาอุดิอาระเบียอย่างเงียบๆ โดยได้ผลสรุปว่าประชาชนชาวซาอุดี้ฯ มีความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามของอิหร่านและกลุ่มรัฐอิสลามมากกว่าอิสราเอล และชาวซาอุดี้ฯ ส่วนใหญ่ สนับสนุนการเสนอแผนสันติภาพสิบปีกับรัฐยิว

การสำรวจที่ดำเนินการโดย Interdisciplinary Center ในเมืองเฮิร์ซลิยา ทำให้ชาวอิสราเอลได้เห็นมุมมองที่หาได้ยากภายในซาอุดิอารเบีย และอาจจะเปลี่ยนความคิดความเข้าใจของชาวอิสราเอลที่มีต่อราชอาณาจักรทะเลทรายแห่งนี้ สองประเทศนี้เป็นคู่อริกันมายาวนานโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตใดๆ

การสำรวจความคิดเห็นนี้พบว่า ชาวซาอุดี้ฯ 53 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าอิหร่านเป็นคู่ต่อสู้หลักของพวกเขา ขณะที่ 22 เปอร์เซ็นต์บอกว่าเป็นกลุ่มรัฐอิสลาม มีเพียง 18 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่บอกว่าเป็นอิสราเอล การสำรวจความคิดเห็นนี้ ซึ่งทำร่วมกับมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-มิลวอกี ได้สำรวจความคิดเห็นชาวซาอุดี้ฯ 506 คนผ่านทางโทรศัพท์และมีความคาดเคลื่อน 5 เปอร์เซ็นต์ โดยได้เริ่มต้นทำการสำรวจเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม

การสำรวจความคิดเห็นนี้ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่าชาวซาอุดี้ฯ ส่วนใหญ่คิดว่าประเทศตนควรมีอาวุธนิวเคลียร์ถ้าหากอิหร่านได้ครอบครองระเบิดปรมาณู 85 เปอร์เซ็นต์ยังสนับสนุนแผนริเริ่มสันติภาพอาหรับ (Arab Peace Initiative) ที่นำโดยซาอุดี้ฯ ซึ่งเรียกร้องให้สร้างสันติภาพกับอิสราเอลเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่อิสราเอลถอนตัวออกไปจากเขตแดนก่อนปี 1965 ของตน

ผลของการสำรวจนี้บ่งบอกถึงพื้นฐานที่เหมือนกันอย่างยิ่งระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิสราเอล ซึ่งนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำข้อตกลงนิวเคลียร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจของโลก เนทันยาฮูซึ่งเชื่อว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยให้โครงสร้างนิวเคลียร์ของอิหร่านมีความครบถ้วนขึ้นมาก เขายังอ้างด้วยว่าประเทศอาหรับหลายชาติ ซึ่งน่าจะเป็นซาอุดิอารเบียและกลุ่มประเทศอ่าวสายซุนนีก็มีความกังวลเช่นเดียวกับเขา อิหร่านปฏิเสธว่าไม่ได้แสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ โดยยืนยันว่าโครงการปรมาณูของตนมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในทางสันติเท่านั้น

“สิ่งที่เราคิดกันอยู่ในอิสราเอลเกี่ยวกับชาวซาอุดี้ฯ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเป็นจริงๆ” อเล็กซ์ มินทซ์ หัวหน้าสถาบันเพื่อนโยบายและยุทธศาสตร์ของ IDC และเป็นผู้ดูแลการสำรวจความคิดเห็นนี้กล่าว “มีการบ่งชี้ที่ดีเยี่ยมของผลประโยชน์และภัยคุกคามและวาระต่างๆ …บางคนถึงขนาดอยากจะเข้าร่วมกับกองกำลังอิสราเอล”

ผู้ถามได้บอกผู้ตอบแบบสอบถามว่าพวกเขาทำงานให้กับ IDC แม้จะไม่ได้บอกว่าพวกเขาหรือโรงเรียนดังกล่าวเป็นอิสราเอล มินทซ์บอกว่ามีน้อยคนที่ถามถึงที่มาของการสำรวจ และผู้ที่ถามก็ไม่ได้เข้าใจว่ามีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล เขากล่าวว่าไม่มีการแลกเปลี่ยนที่ไม่น่าพอใจ

สถาบันนี้ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วได้ทำการสำรวจแบบเดียวกันนี้กับชาวอิหร่านและชาวกาซ่า กล่าวว่า สถาบันใช้ข้อมูลที่ได้จากหนังสือรวบรวมและสำนักงานสถิติของซาอุดิอารเบียเพื่อจัดสัดส่วนตัวอย่างจาก 13 ภูมิภาคของประเทศตามจำนวนประชากร สถาบันนี้ยังกล่าวอีกว่าชาวอิสราเอลที่พูดภาษาอาหรับได้ต่อโทรศัพท์ถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์บ้านโดยได้อัตราการตอบคำถาม 22 เปอร์เซ็นต์

มินทซ์กล่าวว่า ผลเสร็จสิ้นของการสำรวจความคิดเห็นนี้จะนำมาเปิดเผยสัปดาห์หน้าที่ “การประชุมเฮิร์ซลิยา” ประจำปีครั้งที่ 15 ของ IDC ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของบุคคลระดับสูงในแวดวงทหารและการเมืองของอิสราเอล แต่ได้ให้ข้อมูลแก่ Associated Press ล่วงหน้า

ถึงแม้ว่าอิสราเอลและซาอุดิอารเบียจะไม่มีการติดต่อกันอย่างเป็นทางการ แต่สองประเทศเริ่มมีความใกล้ชิดกันมากขึ้นในช่วงหลายปีนี้ ส่วนใหญ่เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความกังวลเกี่ยวกับอิหร่านเหมือนกัน หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสำรวจความคิดเห็นนี้กล่าวว่า อิสราเอลและซาอุดิอารเบียควรจะร่วมกองกำลังกันเพื่อต่อสู้กับอิหร่าน

ซาอุดิอารเบียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนการริเริ่มสันติภาพอาหรับ เพื่อให้อิสราเอลได้สร้างสันติภาพถาวรกับประเทศอาหรับและประเทศมุสลิมหลายชาติเพื่อแลกเปลี่ยนกับการถอนตัวออกไปจากดินแดนทั้งหมดที่ถูกยึดในสงครามตะวันออกกลางปี 1967 การสถาปนารัฐเอกราชของปาเลสไตน์ เนทันยาฮูกล่าวว่า แผนการริเริ่มนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาหารือ แต่มันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ถ้าเป็นข้อเสนอในแบบที่ไม่มีทางเลือกอื่นอีก

มินทซ์กล่าวว่า เขาหวังว่ารัฐบาลอิสราเอลจะนำเอาข้อมูลใหม่นี้ไปปรับใช้กับโนบายดั้งเดิมของตน

“เราเข้าใจเอาเองว่าเรารู้ว่าประชาชนในอิหร่าน กาซ่า และซาอุดิอารเบียคิดอะไร แต่การคาดเดากับหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เกิดขึ้นจริงเป็นสิ่งเรื่องที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น คนที่ผมพูดคุยด้วย ไม่มีใครคิดว่าชาวซาอุดี้ฯ บอกว่าอิหร่านทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากกว่าอิสราเอล โดยมีอัตราความคลาดเคลื่อน 3 ต่อ 1 ไม่มีใครคาดคิดแบบนั้นมาก่อน” เขากล่าว

“นี่คือความแบ่งแยกระหว่างซุนนี-ชีอะฮ์จริงๆ และมันไม่เกี่ยวอะไรกับอิสราเอล และจุดสนใจของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว มีผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นร่วมกันระหว่างซาอุดิอารเบียและอิสราเอลในขณะนี้ ที่รัฐบาลอิสราเอลควรจะใช้ประโยชน์จากมันและทำให้เป็นทุน เพราะมันเป็นสิ่งที่แหวกแนวไปจากประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ” เขากล่าว