ความสำเร็จของซาอุฯ “ในการทำลายตะวันออกกลาง”

1513

Alalam – นักข่าวและนักเขียนชาวอังกฤษ ย้ำว่า สถานการณ์ปัจจุบันของความขัดแย้งและสงครามในตะวันออกกลางที่ยังคงอยู่นั้น มันเอื้อผลประโยชน์ให้กับบางฝ่าย  เช่นบางชาติอาหรับในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย

แพทริค เบิร์น    เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์   Independent  ว่า   สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในตะวันออกกลาง  ส่อให้เห็นในความพยายามของซาอุฯ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลเชิงรากฐานในภูมิภาคโดยใช้อำนาจทางทหารเป็นที่ตั้ง   ซึ่งประเทศที่แสดงบทบาทในการสร้างความขัดแย้งต่างๆในปัจจุบันนั้นเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าชาติใดอยู่เบื้องหลัง

เขากล่าวเสริมว่า ซาอุฯได้เริ่มโจมตีทำลายเยเมนทางอากาศ  และในซีเรีย ก็ได้ร่วมมือกับตุรกีในการสนับสนุนช่วยเหลือกลุ่มสุดโต่ง  อัลนุศราห์ ฟรอน์  ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของอัลกออิดะห์ที่อยู่ในซีเรีย   ซึ่งวันนี้ กลุ่มก่อการร้าย  อัลนุศราห์ ฟรอน์   ก็ได้ยึดเมือง อะดะเลบ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย

เขากล่าวเสริมว่า  ซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรรู้ว่า การโจมตีทางอากาศโดยปราศจากพันธมิตรทางทหาร  จะทำให้พวกเขาไม่สามารถบรรลุไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแน่นอน   ทั้งนี้ควรคำนึงว่า หากซาอุฯส่งกองกำลังภาคพื้นดินสู่เยเมนแล้ว มันจะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบละความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาแล้วในอัฟกานิสถานและอิรักอย่างแน่นอน

เขาได้ชี้ถึงเหตุผลของซาอุฯ ในการโจมตีเยเมน ว่า  เหตุผลหลักคือ มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเมืองภายในของซาอุดีอาระเบีย   “มุฏอวีย์ อัลรอชีด”  อาจารย์ชาวซาอุฯ ประจำมหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน  “มุฮัมมัด บิน ซัลมาน” รัฐมนตรีกลาโหมของซาอุฯ และโอรสของกษัตริย์ ซัลมาน คนปัจจุบัน  มีความพยายามที่จะทำให้ซาอุฯ กลายเป็นมหาอำนาจทางทหารในคาบสมุทรอาหรับอย่างเบ็ดเสร็จ   และใช้วิธีการปฏิบัติการทางทหารในเยเมน บุกโจมตีเยเมนนั้น เพื่อ “ทำลายชาวชีอะห์และผู้สนับสนุนอิหร่านในเยเมน”

เขาได้ชี้ถึง การขยายบทบาทของซาอุดีอาระเบียในการสนับสนุนสาขาของอัลกออิดะห์ในซีเรีย  ว่า   ญามาล  คอชักญี  นักข่าวซาอุฯและที่ปรึกษาของรัฐบาล ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์  นิวยอรก์ไทมส์ ว่า  ซาอุฯและตุรกี ให้การสนับสนุน กลุ่ม อันนุศรา ฟรอน  และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ เพื่อสามารถยึดเมือง อะดะเลบ ในซีเรีย   ซึ่งมีการประสานงานที่ดีในด้านข้อมูลระหว่างซาอุฯ กับตุรกีอย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อน

นักข่าวอังกฤษ ผู้นี้ ยังกล่าวเสริมว่า  ประเด็นที่น่าแปลกคือ  ซาอุฯไม่เคยออกมายอมรับอย่างเป็นทางการในการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้เลย

เขากล่าวเสริมว่า   ซาอุฯ ซึ่งปกครองระบอบกษัตริย์  ไม่ใช่ชาติเดียวในโลกนี้ ที่คิดว่า การสร้างสงครามภายนอกระยะสั้นๆ จะสามารถประสบชัยชนะได้  เนื่องจาก ในปี  1914   กษัตริย์เยอรมนี  รัสเซีย ออสเตรีย ฮังการี  ก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน  แต่ในที่สุดแล้วความหวังของพวกเขาก็เป็นอันล้มเหลว

เขากล่าวเสริมว่า บางครั้ง สามารถกล่าวได้ว่า  บางที่ ซาอุฯ อาจจะตระหนักได้ว่า  การทำลายและการสร้างความเสียหายประเทศชาติในตะวันออกกลางนั้น เป็นการปฏิบัติการที่ดีกว่าด้านอื่นๆของซาอุด้วยซ้ำไป