ย้อนอดีตเจาะเบื้องลึก!! นาทีลอบสังหาร “อีมาด มุฆนิเยห์” เสนาธิการฮิซบุลลอฮ์ โดย “มอสสาด”

1823

มีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับ “อีมาด มุฆนิเยห์” สมาชิกระดับสูงของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ที่ถูกลอบสังหารด้วยวิธีคาร์บอมบ์ เมื่อปี 2551

“อีมาด มุฆนิเยห์” เกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม 1962 จากข้อมูลของซีไอเอ ระบุ อีมาด มุฆนิเยห์ ในวัย 21 ปี เป็นผู้ที่สามารถวางแผนระเบิดยางรถบรรทุกทหาร IDF ของอิสราเอลที่เลบานอนใต้ในปี 1982 และ 1983, ทำลายสถานทูตอเมริกาในเบรุตเมื่อปี 1983, เป็นผู้วางแผน ลักพาตัว และฆ่าวิลเลียม บัคเลย์ หัวหน้าซีไอเอในเบรุต, ระเบิดค่ายทหารพลร่มฝรั่งเศสและทหารเรือ ปี 1983, จี้เครื่องบิน TWA 847 เมื่อปี 1985, ลักพาตัวและประหาร พันโทวิลเลียม ฮิกกินส์ ของสหรัฐฯ ในเลบานอน, ลักพาตัวตัวประกันชาวตะวันตกในปี 1985-1991 และทำการโจมตีในต่างประเทศหลายครั้ง

สำหรับฮิซบุลลอฮ์แล้ว เขาถือว่าเป็นวีรบุรุษคนหนึ่งที่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องประเทศของเขา ลักษณะการเสียชีวิตของเขานี้เปิดเผยโดยเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในฮิซบุลลอฮ์ของเขา

“เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2008 อีมาด ฟาเยซ มุฆนิเยห์ รองเลขาธิการของมัจลิส อัล-จิฮาดี (สภาญิฮาด) ในฮิซบุลลอฮ์ เลบาอน ได้เดินทางไปดามัสกัสเพื่อพบกับผู้นำของปาเลสไตน์ คอลิด มิชอัล และรามาดัน อับดัลลาห์ ชัลลาห์ รวมทั้งนายพลกอซิม สุลัยมานี ผู้บัญชาการกองทัพอัล-กุดส์ ของหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน การประชุมใช้เวลาสองชั่วโมง”

มีการตกลงกันว่าจะไปประชุมกันต่อที่คฟาร์ซูเซห์ (ดามัสกัส) กับผู้บัญชาการของปาเลสไตน์เกี่ยวกับการขนส่งอาวุธไปกาซ่า และประเภทของอาวุธที่จะส่งให้ผ่านทางอียิปต์และเส้นทางอื่นๆ

อีมาดถูกพามาส่งที่ฮัยอัล-ดับบัต หน้าอาคารหลังหนึ่ง ซึ่งบนชั้นสองมีคนอีกกลุ่มหนึ่งรอเขาอยู่ ที่นั่นนอกจากผู้บัญชาการทหารปาเลสไตน์บางส่วนแล้วก็ยังมีผู้บัญชาการบางส่วนของฮิซบุลลอฮ์ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์การปฏิบัติของอิหร่าน (IRGC) ชั้นสองของอพาร์ทเมนท์นี้เป็นสำนักงานของ IRGC ที่มีชื่อเสียงมาหลายปีแล้ว นายพลสุลัยมานี มิชอัล และชัลลาห์ ไม่ได้มาที่คฟาร์ซูเซห์ด้วย”

“ก่อนสิ้นสุดการประชุม อีมาด มุฆนีเยห์ ลุกขึ้นยืนและตัดสินใจออกจากที่ประชุม นั่นเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของอีมาด เพราะเขาต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของเขาเอง หลังจากนั้นไม่กี่นาที เวลา 22.35 นาทีตามเวลาท้องถิ่น เกิดเสียงระเบิดขึ้นที่นั่น พวกเราที่เข้าประชุมคิดว่าเราคือเป้าหมาย เพราะต้นเสียงมาจากถนน เราไปที่หน้าที่แล้วมองลงมาข้างล่าง เห็นร่างของอีมาดนอนอยู่บนลานจอดรถของอาคารที่พัก อีมาดมีแผลฉกรรจ์แปดแห่ง ที่ร่างกายเจ็ดแห่งและที่ตาทะลุสมองอีกหนึ่ง เรารีบพาเขาส่งโรงพยาบาลแต่ช้าเกินไป อีมาดเสียชีวิต เรานำเขาออกจากโรงพยาบาล ขึ้นรถและขับกลับไปเบรุต” ระหว่างทางผู้บัญชาการฮิซบุลลอฮ์ได้โทรศัพท์ถึงซัยยิดฮะซัน นัสรุลลอฮ์ เลขาธิการฮิซบุลลอฮ์ เพื่อแจ้งการเสียชีวิตของอีมาด ตัวแทนของเขา

ดังนั้น ตรงข้ามกับสิ่งที่สื่อบอก เนื่องจากเจ้าหน้าที่อาวุโสของฮิซบุลลอฮ์ อีมาด มุฆนีเยห์ เป็นตัวแทนของนัสรุลลอฮ์ในสภาญิฮาด และไม่ใช่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติงานภายนอกของฮิซบุลลอฮ์ซึ่งนำโดยตาลาล ฮามิเยห์ เขาไม่ได้อยู่ในร้านอาหารขณะถูกลอบสังหาร และไม่ได้กำลังไปเยี่ยมเพื่อนคนหนึ่งของเขาด้วย เขามาถึงซีเรียโดยรถยนต์จากเลบานอนในวันเดียวกันนั้น เขาให้ผู้คุ้มกันรอเขาอยู่ที่สถานที่แห่งหนึ่งใกล้กับอำเภอซายิดา ซัยนับ นี่เป็นเรื่องปกติ เขาจะใช้เวลาวันละสองสามชั่วโมง และบางครั้งหลายวันนอกประเทศเลบานอน บางครั้งจะเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ บ่อยครั้งที่ผู้คุ้มกันของเขาจะรอคอยเจ้านายของพวกเขาด้วยความอดทนเป็นเวลาหลายวัน แล้วจะได้รับโทรศัพท์มาบอกให้พวกเขากลับไปเบรุต “ฮาจญ์ ริดวาน” (นามแฝงของอีมาด) กลับไปเลบานอนโดยไม่ได้บอกผู้คุ้มกันของเขา เขาไม่เคยให้ทีมคุ้มกันของเขารู้เลยว่าเขาจะไปที่ไหนและพบกับใครในซีเรีย เขารับผิดชอบความปลอดภัยของตัวเอง และวางใจว่ามีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่รู้จักหน้าตาเขา

“ที่โรงพยาบาลอัล-รอซูลุล-อะซัม ในเลบานอน นัสรุลลอฮ์รออีมาดอยู่ เขาถือธงของอิหม่ามฮุเซน หนึ่งในสิบสองอิหม่ามของชีอะฮ์ ที่เขาได้มาจากกัรบาลา” สำหรับชีอะฮ์ นับว่าเป็นเอกสิทธิที่หาได้ยากในการที่จะครอบครองธงนี้ เมื่อร่างของอีมาดมาถึงโรงพยาบาล นัสรุลลอฮ์ได้คลุมธงนี้รอบร่างของเขาเพื่อเป็นเกียรติแก่เขาและความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานกว่า 18 ปี”

ในคำพูดของนัสรุลลอฮ์ “เขาอยู่รอดมาได้ 20 กว่าปี ขณะที่หน่วยข่าวกรองทั้งหมดตามหาเขา เขาได้ทำสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำแล้วเพื่อปกป้องชีอะฮ์ ตอนนี้เวลาของเขาได้มาถึงแล้ว”

ดูเหมือนว่าอีมาดไม่รู้เลยว่าอิสราเอลกำลังวาดแผนที่ความเคลื่อนไหวของเขาใน 6 เดือนหลังนี้ เนื่องจากภาระรับผิดชอบอันมากมายของเขาภายในองค์กร ในฐานะ “เสนาธิการ” และการประชุมบ่อยครั้งในเลบานอนและต่างประเทศ เขาได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่ถูกตามเก็บได้ทั้งโดยซีไอเอและมอสสาด หน่วยงานลับเหล่านี้น่าจะดำเนินงานอยู่ภายในองค์กรเนื่องจากผู้แจ้งข้อมูลถูกฮิซบุลลอฮ์จับตัวได้และเปิดเผยว่าพวกเขาปล่อยข้อมูลสำคัญออกไป ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อาวุโสของฮิซบุลลอฮ์ อิสราเอลน่าจะสังหารเขาได้ก่อนหน้านี้ แต่รอจนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ การเลือกวันเวลานี้สอดคล้องกับการลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีราฟิก ฮารีรี่ ฮิซบุลลอฮ์ถูกอิสราเอลและอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ กล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการตายของฮารีรี่ การตายของอีมาดถูกตีความไม่เฉพาะแค่โดยฮิซบุลลอฮ์ว่าเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อข้อกล่าวหานี้ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสนับสนุนนโยบายมอสสาดของอิสราเอลที่ว่า “ถ้าคุณไม่สามารถเอาชนะฮิซบุลลอฮ์ในสนามได้ ก็จงลอบสังหารผู้บัญชาการ” จากแหล่งข่าวผู้สันทัดกรณี “อีมาด มุฆนีเยห์ ผิดพลาดที่ไปเยือนผู้บัญชาการส่วนใหญ่ในภาคใต้ ในเบรุต เบกาอฺ และไม่ระลึกไว้ในใจว่า เขาคือผู้ที่ถูกต้องการตัวมากที่สุดในระดับสากลที่มีชีวิตอยู่”

“ความผิดพลาดอีกอย่างหนึ่งที่อีมาดทำก็คือ การเชื่อว่าเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติธรรมดาได้ในซีเรีย บางทีสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต เขาหลีกเลี่ยงคำเตือนของระดับแกนนำซีเรียที่ให้ระวังตัวเป็นพิเศษในอัล-ชาม เพราะเชื่อว่าหน่วยข่าวกรองต่างชาติกำลังปฏิบัติการอยู่ในประเทศ ในซีเรีย เขามีบ้านของเขาเอง มีร้านตัดผม เป็นที่รู้กันว่าเขาไปที่สำนักงาน IRGC บ่อยครั้ง และประชุมกับกลุ่มต่อสู้ป้องกันตนเองของปาเลสไตน์และอิรักเป็นประจำ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เขาออกจากอาคารเพื่อเดินประมาณ 11 เมตร เพื่อพบกับความตาย ขณะที่รถปาเจโรขับเคลื่อนสี่ล้อสีเงินจอดอยู่ในที่โล่งหน้าทางเข้าอาคาร ระเบิดที่อยู่ด้านหลังของยางสำรองซึ่งมีลูกเหล็กกลมพุ่งออกมาด้วยความเร็ว 8,400 เมตรต่อวินาทีจากเครื่องยิงระเบิดซีโฟร์ ปะทะร่างของอีมาด มุฆนีเยห์ ขณะที่เดินออกมา”

“มีสามกลุ่มที่รับผิดชอบในการลอบสังหารเขา คือทีมติดตาม ทีมสังหาร และทีมหลบหนี ที่สนับสนุนโดยโดรนสายลับประเภท ‘อารอน’ ที่เรดาร์ของซีเรียไม่สามารถตรวจจับได้เพื่อให้การคุ้มกันในคาฟาร์ซูเซห์ มีความเชื่อว่าหน่วยงานของอิสราเอล 8,200 หน่วย ที่รับผิดชอบในการเก็บข้อมูลและการติดต่อสื่อสารจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกองกำลังประจำการและไม่ประจำการ ต้องเข้ามามีบทบาทด้วย” จากการยืนยันการสืบสวนของฮิซบุลลอฮ์

จากแหล่งข่าวเดียวกัน ในคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ อิสราเอลได้ดำเนินการยั่วยุตามแนวชายฝั่งของเลบานอน ที่ซึ่งเรือส่งข่าว รวมทั้งเรือดำน้ำ ‘ดอลฟิน’ ถูกสังเกตการณ์อยู่ในเราชี และคัลดาห์ เพื่อดึงความสนใจของฮิซบุลลอฮ์ออกมาจากสิ่งที่กำลังมีการวางแผนกันอยู่ในซีเรีย การเบี่ยงเบนความสนใจของอิสราเอลเช่นนี้สร้างความสับสน ฮิซบุลลอฮ์ไม่ได้เชื่อมโยงมันเข้ากับการลอบสังหาร

ฮิซบุลลอฮ์ถือว่าปฏิบัติการณ์นี้เป็นการกระทำของมอสสาดโดยไม่ได้แยกบทบาทของซีไอเอ อันที่จริง ทั้งซีไอเอและมอสสาดก็มีอยู่ทั่วไปในเลบานอน และได้แทกซึมเข้าไปในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในฮิซบุลลอฮ์

ผู้บัญชาการอาวุโสคนหนึ่งของฮิซบุลลอฮ์บอกกับผู้เขียนว่า “อิสราเอลรู้ถึงความสามารถของฮิซบุลลอฮ์ในต่างประเทศ และประเมินว่าแผนการโจมตีในต่างประเทศส่วนใหญ่สามารถยกเลิกได้เนื่องจากมีสายลับของพวกเขาอยู่ภายในหน่วยงานภายนอกของฮิซบุลลอฮ์ นี่คือสิ่งที่ทำให้มอสสาดต้องโน้มน้าวให้นายกรัฐมนตรีอีฮุด โอลเมิร์ตของอิสราเอลต้องอนุมัติการลอบสังหารอีมาด”

source https://elijahjm.wordpress.com