นักวิชาการมุสลิมชี้ “เอกภาพ” คือหนทางในการต่อสู้และคว่ำบาตรกลุ่มหัวรุนแรงตักฟีรี

1310

บทสรุปจากงานประชุมวิชาการนักการศาสนาและนักวิชาการมุสลิมทั่วโลกระบุ การเคลื่อนไหวของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงตักฟีรีอยู่นอกลู่อิสลาม และเป็นการดูหมิ่นความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนา และ “เอกภาพ” ของประชาคมมุสลิม คือ หนทางในการต่อสู้และคว่ำบาตรตักฟีรี

เมื่อวันที่ 23-24 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่เมืองกุม ประเทศอิหร่าน ได้มีการประชุมวิชาการนานาชาติ ในหัวข้อ บทบาทกลุ่มหัวรุนแรงและแนวคิดตักฟีรีในทัศนะของอิสลาม โดยในงานนี้มีนักวิชาการมุสลิมเข้าร่วมกว่า 600 คน จาก 83 ประเทศ

การประชุมวิชาการครั้งนี้เป็นพยายามที่จะรวมรวมนักวิชาการอิสลามและนักการศาสนาจากทั่วโลกเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งอันมาจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มหัวรุนแรงและแนวคิดตักฟีรี ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขี้นไปทั่วโลก

อะลาอุดดีน ซุฮ์ตะรี ตัวแทนมุฟตีซีเรีย และผู้บริหารอัฟตะฮ์ ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญอันหนึ่งของประชาชาติอิสลามในวันนี้ว่า “ศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของเราเป็นเป้าโจมตีของศัตรูมาอย่างยาวนาน และในอดีตที่ผ่านมาได้มีประเทศมุสลิมหลายประเทศต้องตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของศัตรูอิสลาม”

“การตื่นตัวของโลกอิสลามจึงทำให้ศัตรูประสบกับความล้มเหลว แต่พวกเขาก็พยายามอีกครั้งด้วยการวางแผนที่จะทำลายการตื่นตัวในครั้งนี้โดยมีเป้าหมายในการทำลายความเชื่อของเรา และพวกเขาได้สร้างกลุ่มหนึ่งขึ้นมา โดยอ้างถึงบทบัญญัติอันบริสุทธิ์แต่แฝงไปด้วยการเคลื่อนไหวที่โสมม ไม่ว่าจะด้วยการพูดโดยอ้างศาสนบัญญัติของเรา”

ตัวแทนมุฟตีผู้นี้ได้เน้นอีกว่า ท่านศาสดาผู้ทรงเกียรติของเราย่อมจะต้องรังเกียจและไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่กลุ่มตักฟีรีแสดงอย่างแน่นอน

ตัวแทนผู้นี้ได้เปิดเผยว่า ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มนี้เป็นกลุ่มความเชื่อใหม่ที่ถูกสร้างและนำเข้ามาในดินแดนอิสลาม

“อิสลามใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคริสเตียนและชาวยะฮุดีมาโดยตลอด ศาสนาอิสลามเป็นความเมตตาและพรสำหรับมนุษยชาติทั่วทั้งแผ่นดินและฟากฟ้า และนี่คือเหตุผลที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านได้ตรัสว่า “ใครก็ตามที่สร้างความแตกแยก (ฟิตนะฮ์)ในชุมชนของผู้ศรัทธาแน่นอนที่พำนักของเขา คือ นรก”

“พวกเขาตระหนักดีว่า เหล่านั้น คือ มัสยิด สถานที่ปฏิบัติธรรม โบสถ์และอื่นๆ แต่พวกเขาก็ยังเผาและทำลายสถานที่เหล่านั้น”

ตัวแทนมุฟตีชาวซีเรียผู้นี้ได้ชี้ให้เห็นภาพชัดโดยนำคำพูดของท่าน อาลี บินอบีฏอลิบ (อ) ที่ท่านกล่าวว่า “ถ้าพวกเจ้าเห็นธงดำถูกชักขึ้นจงยืนหยัดอย่างมั่นคงบนผืนแผ่นดินนั้น เพราะจะมีกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งพวกเขาจะเรียกร้องไปสู่สัจธรรมทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ใช่ชาวสัจธรรม จงยืนหยัดต่อสู้กับพวกเขา จนกว่าภารกิจของพระองค์จะถูกทำให้ปรากฏขึ้น”

 

จำเป็นต้องใช้มารยาทอิสลามในการต่อสู้กับตักฟีรี

ดร.กะบีรี หัวหน้าขบวนการต่อสู้อิสลาม ตาจิกิสถาน ได้กล่าวต่อในที่ประชุมว่า “ความคิด ความเชื่อที่ถูกต้องของอิสลามจะต้องขยายตัวมากกว่านี้ และใช้มารยาทอิสลามที่แท้จริงในการต่อสู้กับขบวนการตักฟีรี”

“ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กำลังถูกเหยียบย่ำทำลายโดยขบวนการตักฟีรี และเหล่าผู้รู้และนักคิดอิสลามควรที่จะให้คำแนะนำกับผู้ปกครองของประเทศตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มขบวนการนี้ได้รับการช่วยเหลือใดๆ”

และเช่นกัน ซัยยิด ญะฟัร ฟัฏลุลลอฮ์ นักวิชาการโลกอิสลาม กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการประชุมที่สำคัญที่สุดที่ถูกจัดขึ้น โดยการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้รู้และหน่วยงานต่างๆทางด้านวิชาการ”

เขาได้กล่าวว่า ในวันนี้สื่อบางส่วนพยายามอย่างหนักเพื่อป้องกันการคว่ำบาตรขบวนการตักฟีรี

 

อิหร่านจะต้องเป็นศูนย์กลางขององค์กรเอกภาพมุสลิมสากลที่จะถูกจัดขึ้นมา

เชคอบุล อาศออิม หัวหน้าของกลุ่มตาริกัตอียิปต์ ได้เปิดเผยว่า ความยากจนแร้นแค้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดกลุ่มขบวนการตักฟีรี การประชุมครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการประชุมที่ดีที่สุดในประสบการณ์ชีวิตที่เขาเคยผ่านมา และมีผลอย่างมากต่อการทำความเข้าใจกลุ่มตักฟีรีและวิธีการในการจัดการกับขบวนการนี้

ผู้รู้ชาวอียิปต์ผู้นี้ได้อธิบายอีกว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่คณะกรรมการจะต้องเอามติของที่ประชุมแห่งนี้ที่ถูกจัดขึ้น และจำเป็นที่จะต้องเผยแพร่มติของที่ประชุมแห่งนี้ให้กับมุสลิมทั่วโลกได้รับรู้

“อิหร่านกลายเป็นมหาอำนาจหลักสำคัญที่สองหลักจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และมหาอำนาจแห่งนี้จะต้องจัดตั้งองค์กรเอกภาพระหว่างประเทศมุสลิมขึ้นมา ซึ่งองค์กรดังกล่าวจะต้องมีขบวนการทางทหารเช่นกัน โดยปฏิบัติการในนามของตัวแทนประเทศมุสลิมทั้งหมด เพื่อใช้จัดการกับกลุ่มแปลกปลอมที่เข้าในอิสลามอย่างเช่น ดาอิช”

“และเราหวังว่า เหล่าผู้ปกครองและผู้นำทั่วโลกจะต้องพิจรณาถึงมติของที่ประชุมแห่งนี้ที่ประกอบไปด้วยผู้รู้และนักวิชาการอิสลามทั่วโลก และนำไปปฏิบัติกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มตักฟีรี”

 

นักการศาสนา (อุลามาอ์) อิสลามจะต้องทำหน้าที่ในการต่อสู้กับขบวนการทางความคิดตักฟีรี

เชคอับดุล รออุฟ หัวหน้าขบวนการอิวะห์ปากีสถาน กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่มัสยิดอัลอักศอตกอยู่ภายใต้การโจมตีของอิสราเอล และวันนี้เป้าหมายของศัตรูคือหัวใจสำคัญของอิสลาม สถานการณ์ของอิสลามในวันนี้เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป และถ้าหากเหล่าผู้รู้ของโลกอิสลามไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนที่ควรจะปฏิบัติเขาจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

“ศัตรูได้ใช้ทุกโอกาสในการโจมตีอิสลาม การตื่นตัวของโลกอิสลามก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศัตรูพยายามวางแผนด้วยการสร้างข่าวลือต่างๆ เพื่อเปลี่ยนของขวัญชัยชนะอันนี้ของประเทศมุสลิมให้กลายเป็นภัยพิบัติ และได้ใช้โอกาสครั้งนี้ในการสร้างและเผยแพร่อิสลามที่น่าเกรงกลัวต่อชาวโลก”

“ในวันนี้พวกเขาได้จับผู้รู้ชีอะฮ์ขังคุกด้วยความอยุติธรรม และได้ตัดสินประหารชีวิตผู้รู้ท่านนี้ และในวันนี้มีพี่น้องมุสลิมมากมายทั่วโลกที่ถูกจับขังคุกและมีมุสลิมที่บริสุทธิ์อีกมากมายที่ถูกฆ่าตาย ศัตรูได้สร้างสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในอิสลามอย่างมากมายในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมาโดยได้สร้างความเสียหายอย่างมากแก่โลกอิสลาม และความเสียหายเหล่านี้จะไม่สามารถชดเชยได้เลยนอกจากเหล่าบรรดาผู้รู้ของโลกอิสลามจะต้องเข้ามารับผิดชอบและทำหน้าที่ของตนเอง และจะต้องช่วยกันรักษาความบริสุทธิ์ของศาสนาจากน้ำมือของทุกขบวนการที่หลงผิดไม่ว่าจะเป็นดาอิชหรือขบวนการอื่นๆ”

 

เป้าหมายของขบวนการตักฟีรีต้องการนำอิสลามกลับสู่ยุคมืด

เชคฮะซัน อัลมิศรี ผู้รู้คนสำคัญของเลบานอน กล่าวว่า เราสามารถยืนยันได้ว่า แม้ว่าจะมีการกดดันในการคว่ำบาตรแก่ประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศที่ฉายแสงของเสรีภาพและการต่อสู้ ซึ่งเป็นนโยบายตามคำสั่งเสียของอิมามโคมัยนี ผู้เริ่มต้นขบวนการปฏิวัติ และในยุคปัจจุบันได้มีการสานต่อเป้าหมายของขบวนนี้ คือ ผู้นำปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่

“ถือเป็นความเหน็ดเหนื่อยและเสียสละอย่างยิ่งในการจัดการประชุมครั้งนี้ขึ้นมา ทำไมประชาชาติอิสลามต้องให้ความสำคัญกับปัญหาทั้งภายในและภายนอกอย่างมากมาย เพราะความสามัคคีและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะทำให้อิสลามรอดพ้นจากเงื้อมมือของศัตรูทั้งตะวันตกและอิสราเอล ที่คอยจ้องจะทำลายอารยธรรมของอิสลาม”

“ขบวนต่างๆ ที่ใช้ชื่ออิสลามแต่กลับคิดจะทำลายศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ หนึ่งในนั้นก็คือ ขบวนการตักฟีรี ที่ต้องการจะนำประชาชาติกลับสู่ยุคมืดอีกครั้งหนึ่ง ขบวนการนี้เชื่อว่า ไม่มีกลุ่มไหนรู้จักศาสนาอิสลามอย่างแท้จริงนอกจากตนเอง และได้ใช้รูปแบบในการเผชิญหน้ากับมุสลิมกลุ่มอื่นๆได้ต่ำช้าที่สุด เราจะต้องเข้าใจด้วยว่า กลุ่มก่อการร้ายนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่จ้องทำลายกลุ่มหนึ่งกลุ่มเฉพาะ แต่เป้าหมายของเขาคือการทำลายศาสนาอิสลาม”

เขายังแนะนำถึงวิธีการแก้ไขปัญหาโลกอิสลามในวันนี้อีกว่า จะต้องมีการสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นทั้งทางด้านความมั่นคงและทางด้านทหารในระหว่างประเทศต่างๆ สถาบันทางศาสนาและศูนย์วัฒนธรรมในโลกมุสลิมจะต้องไม่กลัวถึงแผนการร้ายต่างๆของศัตรู และจะต้องเน้นให้มนุษยชาติเข้าใจถึงแนวคิดของศาสนาอิสลามบริสุทธิ์ และจัดการกับลัทธิคลั่งไคล้ในศาสนาอย่างสุดโต่ง และสร้างความเป็นเอกภาพและความสามัคคีขึ้นระหว่างนิกายต่างๆในอิสลาม

 

ดาอิชคือเครื่องมือของอิสราเอลในการทำลายอิสลาม

เชค มูฮัมมัด เมาลา อุลามาอ์จากประเทศอิรัก เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่ประชาชนชาวอิรักในวันนี้ใช้ชีวิตโดยไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่าหนึ่งล้านห้าแสนคน และในซีเรียมากกว่าห้าล้านคนซึ่งเหตุเนื่องจากการเกิดขบวนการก่อการร้ายดาอิช

“พวกเขาเป็นขบวนการที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอิสลามแม้แต่น้อย เพราะอิสลามไม่เห็นด้วยกับการเข้าทำลาย และการฆ่าผู้อื่น และทุกๆการกระทำของคนพวกนี้จะสวนทางกับคำสั่งสอนของอิสลาม”

“โอ้อุลามาอ์อิสลาม พวกท่านโปรดรู้เถิดว่า ดาอิชได้จับสตรีชาวอิรักไปและได้ขายพวกเขา ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาคือศัตรูที่คอยจะทำให้อิสลามเสื่อมเสียและอ่อนแอลง เป็นหน้าที่ของผู้รู้อิสลามที่จะต้องประกาศถึงวิกฤติปัญหาอันนี้ก่อนที่มันจะลุกลามไปกว่านี้”

ฮูเซน บารากัต ผู้รู้ชาวปาเลสไตน์ กล่าวว่า “ดาอิชคือฝันร้ายอันหนึ่งที่เกิดขึ้นเนื่องจากโลกอิสลามไม่ได้ให้ความใส่ใจกับเรื่องราวของปาเลสไตน์ ดาอิชจะไม่มีวันยืนหยัดอยู่ได้ถ้าหากเราทำหน้าที่อย่างถูกต้อง และดาอิชจะไม่มีวันจะประสบความสำเร็จ โดยมีเงื่อนไขว่าทุกคนในที่ประชุมแห่งนี้จะต้องเป็นบ่าวที่ซอแหล๊ะ ความร่อยหรอและความอ่อนแอของโลกอิสลามสังเกตุได้จากเรื่องราวของปาเลสไตน์ และต้องขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้อิสลามกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งด้วยการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เหมือนกับคำพูดอิมามโคมัยนีผู้นำปฏิวัติได้กล่าวไว้ว่า การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านจะนำเกียรติยศกลับมาแก่อิสลามอีกครั้งหนึ่ง”

ถ้าหากโลกอิสลามยังไม่สามารถร่วมมือกันเป็นเอกภาพได้ปัญหาปาเลสไตน์จะไม่มีวันถูกแก้ไข ไซออนิสต์สร้างพละกำลังของตนเองด้วยการทำให้อิสลามอ่อนแอ ด้วยเหตุนี้จำเป็นโลกอิสลามจะต้องเป็นเอกภาพกัน

 

ดาอิชคือหมากที่เดินตามแผนสหรัฐ

มูฮัมมัด อาลี อุกูลู ตัวแทนสภาตุรกี กล่าวว่า สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้เป็นเหตุทำให้สถานการณ์ของประเทศต่างๆเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ การตื่นตัวของโลกอิสลาม

“การตื่นตัวของโลกอิสลามในวันนี้ได้คือลูกโซ่หนึ่งที่แพร่หลาย และศัตรูได้พยายามอย่างหนักเพื่อหยุดยั้งการตื่นตัวครั้งนี้ และเนื่องจากยุทธศาสตร์การวางแผนของอิหร่าน ฮิซบุลลอฮ์ และซีเรียทำให้พวกเขาไม่สามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ของตนเองได้ และนี้บ่งบอกถึงพลังอำนาจของความสามัคคีและความเป็นเอกภาพในอิสลาม มีการสมรู้ร่วมคิดเพื่อพยายามสร้างสงครามในภูมิภาคนี้ และขบวนการดาอิชและขบวนการอื่นๆที่เกิดขึ้นมาจากตักฟีรีกำลังเดินตามแผนการนั้นและนี้ถือเป็นอันตรายอย่างมากต่ออิสลาม’

“นักวิชาการนักคิดอิสลามจะต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ต่างๆเหล่านี้ให้ได้ และช่วยกำหนดบทบาทของประเทศต่างๆ ขบวนการดาอิชคือความขบวนการที่สร้างความน่าอับอายและความอัปยศต่ออิสลาม และเป็นขบวนการที่นำประชาชนเข้าสู่สงครามทางความเชื่อ (มัสฮับ) และดาอิชคือหนึ่งในขบวนการต่างๆ ที่กำลังเดินหมากตามแผนการของสหรัฐ”

“ศัตรูอิสลามได้พยายามอย่างสูงเพื่อทำลายเกียรติอิสลาม และ พยายามสร้างและขยายสงครามภายในนิกายต่างๆในอิสลาม และแน่นอนนี้คือแผนการของศัตรู และหนึ่งในแผนการของศัตรูคือ การสร้างความบาดหมางให้เกิดขึ้นระหว่างตุรกีกับอิหร่าน ดังนั้นจึงจำเป็นที่เราจะต้องฉายภาพลักษณ์อิสลามบริสุทธิ์ให้กับชาวโลก”