พัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากบันทึกในฐานข้อมูลของเว็บไซด์ Middle East Monitor เป็นอย่างมาก
Middle East Monitor ระบุในหมายเหตุว่า ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านกำลังอยู่ระหว่างการฟื้นฟูความสัมพันธ์และอธิบายเหตุผลของริยาดที่ต้องการทำเช่นนั้น
มุฮัมมัด มุกัรรัม บลาวี เริ่มเขียนบันทึกหมายเหตุของเขาเกี่ยวกับซาอุดีอาระเบียและอิหร่านเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ โดยอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ถึงแนวทางเชิงรุกของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิหร่านตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 และความพยายามในการ “โดดเดียวอิหร่าน” แม้แต่ในหมู่เพื่อนบ้านและประเทศที่เป็นมุสลิม
เขาเขียนว่านโยบายนี้ดำเนินต่อไปด้วยการถอนตัวออกจาก “การบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์” และการดำเนินการตามนโยบายของ “แรงกดดันสูงสุด” ต่ออิหร่านในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” แต่ในไม่ช้า “วอชิงตัน” ก็ตระหนักว่าแนวทางนี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้หยุดอิหร่านและ โครงการนิวเคลียร์เท่านั้น แต่กลับเร่งให้มีการพัฒนาสิ่งนี้รวดเร็วยิ่งขึ้น
บลาวี เขียนเสริมว่า “การที่ทรัมป์และลูกเขยของเขาจากทำเนียบขาว และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลหมดอำนาจพร้อมกัน ทำให้ซาอุดีอาระเบียต้องทบทวนคิดและกระวนกระวายมากขึ้น เพราะความวุ่นวายในความสัมพันธ์ซาอุดีอาระเบีย-อเมริกันและจุดยืนที่จริงจังต่อมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดิอาระเบียนั้นปรากฏชัด”
ผู้เขียนยังได้เผยอีกว่า นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงในแวดวงการเมืองของอเมริกาแล้ว ยังมีเสียงเตือนอื่นๆ สำหรับประเทศในอ่าวเปอร์เซียดังขึ้น เช่น การถอนสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานและอิรัก
ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้รัฐอ่าวเปอร์เซียตระหนักตั้งแต่เริ่มต้นการจัดคณะรัฐมนตรีของไบเดนว่ายุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนไปแล้ว
จากมุมมองของบลาวี ชี้ว่า เนื่องจากเหตุผลหลักสำหรับข้อพิพาทระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียคือการที่พวกเขาอยู่ในสองแนวรบของฝ่ายตรงข้ามและเคียงข้างสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียรู้สึกว่าเขาจะตกเป็นเหยื่อของการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงกับอิหร่าน เหนือกว่าวอชิงตันและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
ผู้เขียนเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในโลกอิสลามและอิหร่าน การปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียยังสามารถส่งผลในเชิงบวกอย่างชัดเจนต่อการพัฒนาและปัญหาในภูมิภาคในซีเรีย เยเมน เลบานอน และอิรัก ในขณะเดียวกัน ก็จะเกิดอันตรายร้ายแรงในการทำให้ประเทศอาหรับกลับคืนสู่สภาพการสานสัมพันธ์ปกติกับระบอบไซออนิสต์
ผู้เขียนสรุปทิ้งท้าย โดยเน้นว่านโยบายใหม่ของซาอุดีอาระเบียที่มีต่ออิหร่านนั้นนำไปสู่ความมั่นคงและความปลอดภัยในภูมิภาค ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการก่อการร้าย แต่สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐอเมริกาหรือเป็นการทำลายอำนาจเชิงกลยุทธ์และความน่าเชื่อถืออีกครั้งหรือไม่ ? ก็คงต้องจับตาดูต่อไป……
source: