กองทัพ “แมลงวันอิเล็กทรอนิกส์” ช่วยโปรโมทภาพลักษณ์ บินซัลมานในทวิตเตอร์

103
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้ทุ่มทุนหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับสื่อโซเชียลมีเดีย ความหลงใหลที่ราชอาณาจักร มีให้แก่แพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเฉพาะทวิตเตอร์ (Twitter) ในเบื้องต้น ได้มอบสัญญาเช่าชีวิตใหม่ให้กับประเทศหนึ่ง ที่ปราศจากเสรีภาพในการแสดงออกในทางปฏิบัติ
ทว่าสิ่งที่คาดหวังว่าจะเป็นรัฐสภาของประชาชน ในไม่ช้า ได้กลายเป็นเครื่องมือในมือของระบอบการปกครองที่กดขี่ เพื่อส่งเสริมเรื่องราวของตนเอง ในขณะที่เปล่งเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่จะส่งผลลบกับตน ไม่นานหลังจากที่คณะบริหารไบเดน เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการฆาตกรรมที่น่าสยดสยองของนายจามาล คาช็อกกี (Jamal Khashoggi) ซึ่งมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ทวิตเตอร์ของซาอุดิอาระเบีย ก็ประโคมข่าวให้การสนับสนุนเจ้าชายหนุ่ม
บัญชีทวิตเตอร์ในซาอุดิอาระเบียที่มีรูปโปรไฟล์ปลอม
บัญชีทวิตเตอร์ในซาอุดิอาระเบียที่มีรูปโปรไฟล์ปลอม และใช้ถ้อยคำซ้ำ ๆ พยายามที่จะตัดราคา การค้นพบของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่แผ่ขยาย โดยบัญชีของซาอุดีอาระเบีย ในการกำหนดความคิดเห็นของสาธารณชนเกี่ยวกับบทบาทของโมฮัมหมัด บินซัลมาน ในฐานะผู้นำโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย
“ความเป็นจริง ก็คือ มันมีประสิทธิผลมาก ความจริงก็คือ มันทำให้ผู้คนชะงัก และพิจารณาว่า บินซัลมาน ได้รับความนิยมมากแค่ไหน และถ้าคุณอ่านบทความจำนวนมาก แม้แต่ใน the New York Times หรือแม้แต่ในสื่อตะวันตกอื่น ๆ คุณจะพบว่า ที่ใดที่บินซัลมาน ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการฆาตกรรมคาช็อกกี้ และถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการของเขา คุณก็จะพบประโยคที่พาดพิงถึงข้อเสนอแนะที่ว่า บินซัลมาน เป็นที่นิยมในหมู่เยาวชน ซึ่งเป็นภาพที่เผยแพร่โดยเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ (influencers) ในการโต้แย้งไปยังหลักฐานเชิงประจักษ์ใด ๆ บนพื้นฐานว่า การปฏิรูปเหล่านี้เป็นที่นิยมจริงหรือไม่” –
Sami Hamdi หัวหน้าบรรณาธิการ The International Interest
บัญชี Twitter มากกว่า 600 บัญชี ซึ่งหลายบัญชีดูเหมือนจะเป็นของปลอม – ได้ใช้แฮชแท็กในภาษาอาหรับที่แปลว่า“ #ประชาชนของราชอาณาจักรสนับสนุนมกุฎราชกุมาร” ในวันก่อน ที่รายงานข่าวกรองจะถูกเผยแพร่
ริยาดพยายามใช้สื่อมวลชน เพื่อสร้างเรื่องเล่าสู่สาธารณชน เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญ และประเด็นสำคัญทางการเมืองมานาน ทวิตเตอร์ได้ระงับบัญชีประมาณ 3,500 บัญชีหลังจากที่พวกเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวกรองของสหรัฐฯ
ทางบริษัทโซเชียลมีเดียดังกล่าว ระบุว่า บางส่วนของบัญชีเดียวกันนี้ ได้ส่งเสริมการเรียกร้องโปรซาอุฯ เกี่ยวกับสิทธิสตรี การท่องเที่ยว และสงครามเยเมน ในขณะเดียวกัน ก็ยกย่องมกุฎราชกุมาร สำหรับความเป็นผู้นำของเขา
ทวิตเตอร์ เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ ก่อนที่จะหายไปจากสายตาของสาธารณชนหลังจากเรื่องอื้อฉาวคาช็อกกี้ Saud al-Qahtani จะนำกองทัพบัญชีทวิตเตอร์อัตโนมัติ ที่เรียกว่า บอท (bots) หรือแมลงวันอิเล็กทรอนิกส์ (electronic flies) ซึ่งได้รับฉายาว่า “เจ้าแห่งแมลงวัน” ( Lords of the Flies) โดยนักวิจารณ์ชาวซาอุดิอาระเบีย
แมลงวันนี้ วางโครงร่างการอภิปรายและข่าว ภายในประเทศ ขณะกำลังโจมตีนักวิจารณ์ และตอบโต้ทวีตที่ต่อต้านรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย
“สำหรับซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สำหรับระบอบการปกครองอื่น ๆ พวกเขาเชื่อว่าจำเป็นต้องมีกองทัพ แม้ว่าจะเป็นกองทัพปลอม ก็ตามเพื่อให้รู้สึกว่ามีผู้คนมากมายในโลกที่ชอบสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในซาอุดิอาระเบีย มีผู้คนซึ่งชื่นชอบการปฏิรูปสังคมที่โมฮัมเหม็ดบินซัลมานกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งซาอุดีอาระเบียกำลังเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนรูปแบบอย่างแท้จริง และได้กลายเป็นสถานที่ ที่ควรแก่การไปเยี่ยมเยียน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมหลาย ๆ คน จึงประเมินความคิดเห็นของสาธารณชน โดยพิจารณาจากจำนวนไลค์, จำนวนการรีทวีต จำนวนการแชร์ ตามจำนวนการมีส่วนร่วมของผู้คนบนโซเชียลมีเดีย จุดมุ่งหมายของระบอบอำนาจเผด็จการเหล่านี้ คือการสร้าง “แมลงวันอิเล็กทรอนิกส์” เหล่านี้ อย่างที่เราเรียกมัน ผู้ซึ่งจะคอยวนเวียน และเติมเต็มหน้ากระดานของข้อความเชิงบวก หรือโพสต์เชิงบวกใด ๆ ด้วยการแชร์ และการกดไลค์ให้ได้มากที่สุด เป็นการแชร์และไลค์ที่ไม่เป็นจริง(ไม่ได้มาจากคนที่มีตัวตนจริง) เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้สังเกตุการณ์ทั่วไป ที่มองดู เพื่อที่เขาจะกล่าวว่า
‘โอ้ว้าว ข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับซาอุดีอาระเบียนี้ มีการมีส่วนร่วมอย่างมาก น่าจะต้องมีสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้’ และใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรืออียิปต์ “แมลงวันอิเล็กทรอนิกส์” เหล่านี้ ก็จะออกมา และพวกเขาจะไล่ล่าหน้ากระดานของบุคคลนั้น ด้วยเนื้อหาเชิงลบที่ผู้สังเกตุการณ์ที่เป็นกลาง หรือใครก็ตามที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบุคคลนั้น จะเข้ามาในหน้ากระดาน และพบเห็นความคิดเห็นเชิงลบมากมาย และเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่า บุคคลนี้เป็นบุคคลที่ไม่ควรได้รับการรับฟัง เพราะชัดเจนว่า ความคิดเห็นของประชาชนขัดแย้งกับเขา” – Sami Hamdi บรรณาธิการ The International Interest
อินฟลูเอนเซอร์ (influencers) เป็นกระดูกสันหลังของเผด็จการดิจิทัลซาอุดีอาระเบีย (Saudi digital authoritarianism)
นอกเหนือจากกองทัพบอทแล้ว ซาอุฯ ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ ในชีวิตจริงจำนวนมาก ที่ปลุกระดม สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลอย่างแท้จริง ของผู้ใช้(users) ที่มีตัวตนจริง ในราชอาณาจักร ในความเป็นจริง อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ เป็นกระดูกสันหลังของเผด็จการดิจิทัลซาอุดีอาระเบีย (Saudi digital authoritarianism)
“ในเชิงนามธรรม ผมคิดว่า ในแง่วัตถุประสงค์ ผมคิดว่า ทุกคนกำลังไปสู่แนวคิดนี้ ในการจ้างวานอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อทำการส่งเสริมประเทศของตนในเชิงบวก ผมคิดว่า ในซาอุดิอาระเบีย วิธีที่มันถูกดำเนินการ แน่นอนว่ามันแตกต่างกันมาก หากคุณเป็นอินฟลูเอนเซอร์ คุณจะได้รับการติดต่อจากรัฐบาล คุณจะได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตามบรรทัดฐานที่กำหนด และถ้าคุณไม่ทำตาม คุณก็จะจบลงในคุก หรือถูกถอดถอนออกจากพื้นที่สาธารณะ เราเห็นตัวอย่าง เช่น Salman al-Awdah เมื่อเขาทวีต ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในนักวิชาการที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกมุสลิม เมื่อเขาทวีตข้อความที่เรียกหา อัลเลาะห์ เพื่อการปรองดองระหว่างกาตาร์กับซาอุดีอาระเบีย เขาถูกจับเข้าคุก และเขายังคงอยู่ในคุก เมื่อ Abdulaziz al-Tarefe ออกมากล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ Aramco เป็นความคิดที่ไม่ดี เพราะชาวอเมริกันจะไม่พอใจ พวกเขาจะเรียกร้องมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าอัตลักษณ์ของซาอุดีอาระเบียจะเปลี่ยนไปและทรัพยากรของซาอุดีอาระเบียทั้งหมดอยู่ในมือของชาวอเมริกัน Abdulaziz al-Tarefe ก็ถูกจับเข้าคุก และแน่นอนว่า นี่เป็นการส่งสาส์นไปยังอินฟลูเอนเซอร์คนอื่น ๆ ทุกคน และนั่นคือเหตุผล ที่เราเห็นบัญชีที่มีขีดถูกสีน้ำเงิน (บัญชีที่มีชื่อเสียง) จำนวนมาก นักข่าวจำนวนมาก นักข่าวซาอุดีอาระเบีย หรือนักข่าวมืออาชีพของซาอุดีอาระเบีย ออกมาร้องเพลงสรรเสริญโมฮัมเหม็ดบินซัลมาน เราเคยเห็นแม้แต่นักวิชาการ ที่มีชื่อเสียง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่เคารพนับถือของโลกมุสลิม ออกมาสนับสนุนโมฮัมเหม็ดบินซัลมาน ขณะที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียไปพบนักวิชาการ และเรียกร้องให้พวกเขารับรองโมฮัมเหม็ดบินซัลมานต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับความคิดเห็นของสาธารณชนว่า เขาเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง เขาคือคนที่ควรปฏิบัติตาม และนโยบายของเขาก็เป็นสิ่งที่ดี” –
Sami Hamdi บรรณาธิการ The International Interest
ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียอวดอ้างว่า เป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้น ๆ ที่มีประชาชนใช้ทวิตเตอร์ แต่พวกเขากลับไม่ประกาศว่า การโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ ในเชิงต่อต้านระบอบการปกครองนั้น ถือเป็นอาชญากรรมที่มีโทษ และผู้ฝ่าฝืนอาจต้องติดคุกนานถึงห้าปี และจ่ายค่าปรับเงินหลายแสนดอลลาร์
“ ผมคิดว่า มันเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องเน้นย้ำว่า โซเชียลมีเดียเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา อาหรับสปริงในตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ และในซีเรีย สื่อของรัฐที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล, โดยระบอบเผด็จการ ถูกสื่อโซเชียลข้ามหน้าข้ามตา ผ่าน Facebook และ Twitter พวกเขาถูกปิดกั้นโดย Facebook และ Twitter (อันเป็นช่องทาง)ที่เปิดให้กลุ่มต่างๆ และผู้ประท้วงสามารถจัดระเบียบ และระดมพลเคลื่อนไหว และรวมตัวกันในที่เดียว ซึ่งส่งผลสู่การล่มสลายของระบอบปกครองของเบนอาลี, มูบารัค, กัดดาฟี และนำซีเรียไปสู่สงครามกลางเมือง และยังครอบคลุมถึงการล่มสลายของอับดุลลาห์ซาเลห์ อาลีอับดุลลาห์ซาเลห์ในเยเมน ดังนั้น สำหรับซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศอื่น ๆ ตอนนี้พวกเขาเริ่มตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากโซเชียลมีเดีย และเราได้เห็น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาว่า มีการใช้กฎหมายโซเชียลมีเดีย เพื่อจำกัดเสรีภาพของโซเชียลมีเดีย เพื่อทำให้การทวีต มีโทษจำคุก หรือรับโทษโดยการทรมานในบางกรณี ผมคิดว่า เมื่อเรามองไปที่ระบอบอำนาจนิยม หรือการปรากฏของระบอบอำนาจนิยม ในการควบคุมโซเชียลมีเดีย มันเป็นปฏิกิริยาโดยตรงต่อบทบาทของโซเชียลมีเดีย ในการดึงระบอบเผด็จการเหล่านี้ลงมา และมันเป็นการออกคำสั่งโดยระบอบเผด็จการเหล่านี้ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ถูกปิดบังอีกครั้งหนึ่ง” – Sami Hamdi บรรณาธิการ The International Interest
ในทำนองเดียวกัน พวกเขาไม่ยอมรับว่า พวกเขาได้คัดเกณฑ์คนงานทวิตเตอร์เพื่อสอดแนม ผู้ใช้หลายร้อยคน รวมถึงนักข่าวยอดนิยม ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน และนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ของรัฐบาล
ในกรณีที่ทวิตเตอร์ไม่มีมาตรการที่เข้มงวด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้ติดอาวุธให้แก่สื่อโซเชียลนี้ เพื่อตามล่าผู้คัดค้านทางการเมือง และในขณะเดียวกันก็ควบคุมความคิดเห็นของประชาชน
“ผมคิดว่า ความจริงก็คือ คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า เราจะทำให้ซาอุฯ หยุดยั้งได้อย่างไร แต่เกี่ยวกับว่า Twitter หรือ Facebook จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระดับใดในการปกป้องผู้คน จากการถูกควบคุมตัวมิชอบ (arbitrary detention) และจากการทรมาน และอนุญาตให้พวกเขา แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งที่บินซัลมานไม่เต็มใจที่จะนำเสนอ ภายในราชอาณาจักรได้อย่างไร” – Sami Hamdi บรรณาธิการ The International Interest
ประเทศซาอุดีอาระเบีย และในระดับที่สูงขึ้นทั่วโลกกำลังถูกคนที่ไม่มีแม้แต่ตัวตน โกหกหลอกลวง ด้วยกองทัพของบอท และโทรลล์ แน่นอนว่า ริยาดได้นำการหลอกลวงทางออนไลน์ไปสู่ระดับใหม่ของความอหังการ
source: presstv