ในการอธิบายเรื่องนี้เราต้องย้อนกลับไปทบทวนการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อปีที่แล้ว ที่กลุ่มพรรคการเมืองที่ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาฝรั่งเศสและซาอุดีอาระเบียประสบความพ่ายแพ้อย่างหนัก ฮิซบุลเลาะห์พร้อมด้วยพันธมิตร (Christian Michel Aoun Christian Party, Amal Party ฯลฯ ) ได้ที่นั่งมากที่สุดในรัฐสภาและได้รับชัยชนะ
ด้วยชัยชนะของ Hezbollah พรรคของ Michel Aoun และพรรค Amal ในการเลือกตั้งรัฐสภา ตำแหน่งสำคัญของนายกรัฐมนตรีถูกยึดคืนมาจากพรรคที่ใกล้ชิดกับแกนตะวันตก-อาหรับ และนั่นทำให้ชาวอเมริกันและพันธมิตรโกรธแค้นมาก เนื่องจากพวกเขาเห็นว่ากำลังสูญเสียอิทธิพลของพวกเขาในประเทศที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันตกที่สร้างสมมาหลายปี
แน่นอนเราต้องไม่ลืมว่า มรดกของกระแสโปรตะวันตกที่มีอำนาจสมบูรณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าการก่อหนี้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้กับชาวเลบานอน ติดหนี้ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศและการล่มสลายทางเศรษฐกิจ และแม้แต่รัฐบาลที่ไร้ความสามารถของ Saad al-Hariri ก็ไม่สามารถที่จะเก็บขยะจากเมืองหลวงได้ระหว่างปี 2015 ถึง 2019 ซึ่งทำให้เกิดความโกรธแค้นและการประท้วงอย่างกว้างขวาง
อีกด้านหนึ่ง สื่อฝ่ายค้านทั้งในและต่างประเทศกำลังบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างโจ่งแจ้งและกล่าวหาว่าฮิซบุลเลาะห์และกลุ่มการเมืองเลบานอนอื่น ๆ ที่ไม่มีอำนาจที่แข็งแกร่งมากนักในด้านการบริหารจนถึงปีที่แล้ว พวกเขาไม่ได้กล่าวถึงทะเลแห่งการทุจริตของฝ่ายก่อน ๆแต่อย่างใด และไม่ได้อธิบายว่าเหตุใดหนี้ต่างประเทศของประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรน้อยกว่า 8 ล้านคนจึงมีมากกว่าประเทศที่มีประชากรมากและใหญ่กว่าหลายเท่า
ปัจจุบันหนี้จำนวนมากของรัฐบาลเลบานอนต่อธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีมูลค่าถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่สมัยที่ Rafiq Hariri เป็นนายกรัฐมนตรีและเรื่อยมาจนกระทั่ง Saad al-Hariri ลูกชายของเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีและผลที่ตามมาคือเศรษฐกิจล้มละลาย
ชาวอเมริกันที่ไม่ต้องการที่จะสูญเสียอิทธิพลในเลบานอน ก็ได้เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลเลบานอนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาภายใต้ข้ออ้างต่างๆและด้วยการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรใหม่ที่ส่งผลให้เกิดการปิดล้อมทางเศรษฐกิจ ในระหว่างนี้สื่อต่างประเทศมีหน้าที่เคลียร์การกดดันของทำเนียบขาว แต่รัฐบาลเลบานอนไม่ยอมแพ้ และปฏิเสธการขอสินเชื่อซ้ำจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และทำให้วอชิงตันล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายนี้
ในเวลาเดียวกันกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซาอุฯ เช่นเดียวกับในอดีต ก็ได้เสนอแพ็คเกจเงินช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่รัฐบาลเลบานอนก็ไม่ยอมจำนนต่อความต้องการเหล่านี้ ซึ่งได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีตและตระหนักว่าคำสัญญาของริยาดเป็นเท็จ และแม้จะมีความยากลำบากทั้งหมด รัฐบาลเลบานอนก็ดำเนินนโยบายทางสายกลาง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการทำงานจะเป็นเรื่องยากมากก็ตาม
จากข้อมูลที่ได้รับ Hassan Diab ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาถึงทางเลือกใหม่ในการร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ รวมถึงจีน เพื่อออกจากวิกฤต แต่การระเบิดที่น่ากลัวและน่าสงสัยในท่าเรือเบรุตได้ระงับแผนการก่อนหน้านี้
ด้วยสถานการณ์ในเบรุต ชาวอเมริกันและพันธมิตรโดยเฉพาะฝรั่งเศสและซาอุฯ เริ่มสบายใจขึ้นมาก เนื่องจากด้วยปริมาณความเสียหายในปัจจุบันทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้จีนได้
ในทางกลับกันวิธีนี้ เปิดให้มีการกดดันให้รัฐบาลเลบานอนในปัจจุบันและอนาคต สำหรับการกู้ยืมจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ควรสังเกตว่าเงินการกู้ยืมนี้จะดำเนินการควบคู่ไปกับการยอมรับเงื่อนไขของกองทุนซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเลบานอนและอำนาจอธิปไตยของชาติต้องพึ่งพามากขึ้น
การระเบิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและการทำลายท่าเรือเบรุต ทำให้ความหวังที่หายไปของชาวอเมริกันกลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากพวกเขามีความใกล้ชิดกับเป้าหมายรองมาก (คือ การป้องกันความสัมพันธ์กับจีนและการยอมกู้เงิน)และตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่า สามารถเข้าไปมีอำนาจในการปกครองในเลบานอนอีกครั้งอันเป็นเป้าหมายหลักและเป้าหมายสูงสุดในเรื่องนี้
ชาวอเมริกันทราบดีว่าในการที่จะยึดครองเลบานอนได้อีกครั้งนั้น พวกเขาต้องแยกรัฐบาลเลบานอนออกจากฮิซบุลเลาะห์และอิหร่าน
และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมพรรคฝ่ายค้านที่ทุจริตและล้มเหลวทั้งหมดที่ต่อต้านรัฐบาลจึงรวมตัวกันด้วยกับเงินดอลลาร์ของซาอุดิอาระเบีย เพื่อจัดการการประท้วงของประชาชน ที่เริ่มขึ้นในปี2019 ซึ่งหากพวกเขาล้มเหลวในในครั้งนี้ แต่อย่างน้อยก็สามารถใช้ประโยชน์จากชัยชนะในการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อปีที่แล้วและใช้ประโยชน์ทางการเมือง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาในขณะที่การประท้วงต่อต้านความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลและความหายนะทวีความรุนแรงขึ้นกลุ่มพรรคการเมืองของเลบานอนที่ใกล้ชิดกับแกนตะวันตก ก็เข้ามามีอำนาจและสร้างความเสียหายด้วยการทุ่มพละกำลังที่มีอยู่ โดยซ่อนตัวเองอยู่เบื้องหลังผู้ประท้วง และหลังจากการลาออกของนายกรัฐมนตรี พวกเขาก็ยังคงพยายามปูทางไปสู่การสานต่อโครงการอเมริกันในเลบานอนต่อไป
ด้วยการหยิบจิกซอปริศนาหลายๆอย่างของการระเบิดกึ่งนิวเคลียร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ทุกคนเห็นได้ชัดว่าการทำลายล้างเบรุตนั้นส่งผลดีและเกิดประโยชน์ต่อศัตรูของประเทศเลบานอน (ที่นำโดยชาวอเมริกัน) และทันใดนั้นมันก็ทำให้ประชาชนสรุปได้ว่าภัยพิบัติในวันนี้ มันคล้ายกับเหตุการณ์ในปี 2005 และ การลอบสังหาร ราฟิก ฮารีรี อันปูทางไปสู่การถอนกองทัพซีเรียออกจากเลบานอนและการโจมตีของไซออนิสต์ในปี 2006
source: mashreghnews