การลอบสังหาร นายพล กอเซ็ม สุไลมานี และอาบู เมห์ดี อัลมุฮันเดส ผ่านไปแล้ว 100 กว่าวัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในการคำนวณ เป็นความผิดพลาดด้านความปลอดภัยของอเมริกา
การลอบสังหารครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจฝ่ายเดียว เป็นการส่วนตัวของทรัมป์และคนอื่น ๆอีกจำนวนหนึ่ง ที่ทำเนียบขาวและเพนตากอน ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจที่ผิดพลาดและเป็นความเข้าใจตื้น ๆ ของทรัมป์และคนรอบข้างเกี่ยวกับเหตุการณ์และสถานการณ์ในภูมิภาค
ทรัมป์ตัดสินใจกระทำดังกล่าวด้วยความหวังว่าจะบรรลุผลตามที่เขาคิด ซึ่งคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยความสับสนและเร่งด่วนเขาจึงค้นหาผลลัพธ์และเขาคิดว่าเขาการลอบสังหาร นายพล กอเซ็ม สุไลมานั้น จะทำให้เขาบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในกระบวนการตัดสินใจคือพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลของทรัมป์และแนวทางการเมืองที่บ้าคลั่งของเขา การเลือกตั้งในประเทศที่จะมีขึ้น
มีการประเมินว่า หลังการลอบสังหารนายพล กอเซ็ม สุไลมานีแล้ว กระแสการตอบรับ ทรัมป์ จะสูงขึ้น ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะเกิดขึ้น อีกด้านหนึ่งเมื่อมีการลอบสังหาร กอเซ็ม สุไลมานี พื้นที่ทางการเมืองและสนามของอิรักจะตกอยู่ในมือของอเมริกา ด้วยเหตุนี้ทรัมป์สามารถที่จะกำหนดทิศทางภายในอิรักได้ตามความต้องการ
แน่นอนว่า มันเป็นที่ชัดเจนที่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจของอเมริกาคือการคำนึงถึงผลประโยชน์ของระบอบยิวไซออนิสต์และแรงกดดันของอิสราเอล ในขณะเดียวกันเทลอาวีฟก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันและความไม่สงบภายในประเทศรวมถึงภัยคุกคามจากสภาพแวดล้อมโดยกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และกลุ่มขบวนการต่อสู้ปาเลสไตน์
เป็นที่เชื่อกันว่าเหตุผลหลักสำหรับความล้มเหลวทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาและระบอบยิวไซออนิสต์ในภูมิภาค รวมถึงอุปสรรคสำคัญต่อความล้มเหลวของสถานภาพอเมริกาและการสิ้นสุดการเข้าถึงอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของอิรักและเอเชียตะวันตก นั้นมีปัจจัยสำคัญคือ อิหร่านและความแข็งแกร่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ซึ่งได้ถูกสำแดงและเป็นที่น่าเกรงขาม ภายใต้การบัญชาการของ ชะฮีด นายพล กอเซ็ม สุไลมานี
ความสำเร็จทางการเมืองและภาคสนามที่แท้จริงและความสำเร็จของขบวนการต่อสู้ในปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย อิรักและเยเมนรวมถึงความล้มเหลวของซาอุดิอาระเบียในฐานะที่เป็นเครื่องมือของอเมริกา ยิวไซออนิสต์ ในภูมิภาค ก็เป็นเหตุผลหลักของการตัดสินของทรัมป์ในการลอบสังหารนายพล กอเซ็ม สุไลมานี
ทรัมป์พยายามที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ภายในอิหร่านให้อยู่ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจและการเมืองสูงสุดด้วยวิธีนี้ และด้วยการลอบสังหารนายพล กอเซ็ม สุไลมานี จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะเป็นประโยชน์ต่ออเมริกา
แต่เมื่อดูเหตุการณ์หลังจากการลอบสังหารนายพลกอเซ็ม สุไลมานี และตัวแปรในภูมิภาคแล้ว เราสามารถเห็นการคำนวณที่ผิดๆของทรัมป์และการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขาอย่างชัดเจน
ลำดับแรก การลอบสังหารนายพลกอเซ็ม สุไลมานี ถูกต่อต้านโดยชาวอเมริกันจำนวนมาก ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นแม้ในระดับการเมือง เพราะพวกเขาเชื่อว่านายพล กอเซ็ม สุไลมานี เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับการก่อการร้ายและไอซิส( ISIS )และการลอบสังหาร มันหมายถึงการละเมิดแนวคิดของสหรัฐที่แอบอ้างในการต่อสู้กับการก่อการร้าย ในขณะเดียวกันก็มีการจัดกลุ่มแบ่งกลุ่มกันใหม่และพิสูจน์แล้วว่าสหรัฐอเมริกาจัดอยู่ในกลุ่มประเภทไหนของผู้ก่อการร้าย และทรัมป์ เองก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เขายืนหยัดอยู่กับกลุ่มไอซิส( ISIS )และการก่อการร้าย!
แม้แต่คะแนนนิยมของทรัมป์และโอกาสในการชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไปของเขาก็ลดลง หลังจากผลการสำรวจออกมา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผิดคาดอย่างมากสำหรับเขา
ชาวอเมริกันจำนวนมากตระหนักดีถึงเรื่องนี้ ว่า ทรัมป์นั้น มีภารกิจเดียวที่ตั้งอยู่บนทฤษฏี “คนบ้า” หรือทฤษฎี “นักปราชญ์ที่โง่เขลา” เพื่อใช้ประโยชน์จากพลเมืองอเมริกาในฐานะเครื่องมือในเกมการเมืองและการหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีสหรัฐอาจไม่เคยคาดการณ์ว่า จะมีฝูงชนจำนวนมากในอิหร่าน อิรัก ซีเรียและประเทศฝ่ายกลุ่มขบวนการต่อสู้ เข้าร่วมพิธีแห่ศพของชะฮีด นายพล กอเซ็ม สุไลมานี นับล้านๆคน ซึ่งการเข้าร่วมที่มีจำนวนหลายล้านคนทั่วโลกและในอิหร่าน มันเสมือนเป็นประชามติต่อต้านรัฐบาลอเมริกัน แสดงให้เห็นว่า วาทกรรมแห่งการยืนหยัดต่อสู้นั้นเป็นที่นิยมมากแค่ไหน ?
ในความเป็นจริงแล้ว อเมริกาเริ่มตระหนักแล้วว่านายพล กอเซ็ม สุไลมานี ที่เป็นชะฮีด เป็นอันตรายต่อสถานการณ์ของพวกเขาในภูมิภาคมากกว่า ที่นายพล กอเซ็ม สุไลมานี ที่มีชีวิตอยู่เสียอีก
ผลการประเมินแสดงให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มีมุมมองต่อ นายพล กอเซ็ม สุไลมานี ก่อนที่เขาจะเป็นชะฮีด (ลอบสังหาร) ในฐานะวีรบุรุษ ผู้บัญชาการและเป็นตำนานแห่งการยืนหยัดต่อสู้และต่อสู้กับการก่อการร้าย แต่หลังจากการเป็นชะฮีด พวกเขามองในฐานะที่เป็นสำนักคิดหนึ่ง และตอนนี้ นายพล กอเซ็ม สุไลมานี ถือว่าไม่ใช่ตัวบุคคล แต่เป็นสำนักคิด
อีกประเด็นหนึ่งที่อเมริกาพยายามลอบสังหารนายพล กอเซ็ม สุไลมานี คือการลดขอบเขตและอิทธิพลของวาทกรรมแห่งการยืนหยัดต่อสู้อิสลามอิหร่านในภูมิภาค ปาเลสไตน์และอิรัก
พวกเขาคิดว่าด้วยการลอบสังหารนายพล กอเซ็ม สุไลมานี นั้น จะทำให้อิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาคลดลงและพวกเขาสามารถมีอำนาจ มี อิทธิพลและบทบาทมากขึ้นสำหรับสถานการณ์ในอิรัก
ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นของการลอบสังหารนายพล กอเซ็ม สุไลมานี คลื่นกระแสของสื่อตะวันตกได้โหมกระแสรายงานเกี่ยวกับการลดลงของอิทธิพลและอำนาจของอิหร่านอย่างแพร่หลาย
นี่เป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงในการคาดคำนวณของอเมริกา พวกเขาไม่ทราบว่าด้วยพลัง แรงดึงดูดและความสำคัญของการบัญชาการของนายพล กอเซ็ม สุไลมานี ได้สร้างสำนักคิดแห่งกอเซ็ม สุไลมานีขึ้นมา “มันเป็นวาทกรรมที่ถูกนำเสนอโดย ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน” ซึ่งเป็น วาทกรรมที่ใหม่ ในตัวตนภายในของมันนั้นเป็นวิธีการใหม่ มีทฤษฎีและโลกทัศน์ ที่ชื่อว่า “ชะฮาดัต”
อย่างไรก็ตาม การเป็นชะฮีดของนายพลกอเซ็ม สุไลมานี ก่อให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ในอิหร่านและแกนของขบวนการต่อสู้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอิหร่านจะหยุดชะงัก หยุดการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ไป หรือการเสียขวัญกำลังใจของกลุ่มขบวนการต่อสู้ และไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการปูเส้นทางอันราบรื่นสำหรับสหรัฐ
เตหะรานได้เลือกและแต่งตั้ง นายพล อิสมาอีล กอออนี ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนนายพล กอเซ็ม สุไลมานี เป็นผู้บัญชาการกองกำลังของ Quds อย่างไม่ลังเล เป็นผู้บัญชาการที่อเมริกามีความวิตกกังวลอย่างมากนับตั้งแต่วันนั้น ถึงกับพูดถึงเรื่องการลอบสังหารเขา
แน่นอนว่าไม่นานนักก่อนที่จะเห็นความสำเร็จอื่น ๆอย่างเป็นรูปธรรม ก็สามารถจะเห็นถึงความสำเร็จในแนวรบของการต่อสู้ โดยเฉพาะในซีเรีย องค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า วันนี้ทุกประเทศที่อยู่ในฝ่ายของแกนขบวนการต่อสู้ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยความปรารถนาของนายพลกอเซ็ม สุไลมานี ซึ่งในวันนี้มันได้กลายเป็นสำนักคิด ไปแล้ว และมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม
source: https://www.mehrnews.com