นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันคนหนึ่งเชื่อว่า “ตะวันออกกลางใหม่” เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหตุจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น “การโจมตีซีเรียของตุรกีและการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย” ซึ่งเป็นการเร่งการก่อตัวของปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้
Conn Hallinan นักเขียนคอลัมน์ของสื่อ ฟาร์ลิน ฟีซี อินโฟกัส เขียนในเรื่องดังกล่าวว่า “ ถึงแม้ว่าการโจมตีของตุรกีทางตอนเหนือของซีเรียจะเป็นข่าวในระดับแนวหน้าของทุกสำนักข่าวก็ตาม แต่ก็อาจมีข่าวที่สำคัญกว่านั้นที่ถูกจับตามอง นั่นคือตัวละครหลักของภูมิภาคนี้กำลังคิดที่จะฟื้นฟูความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกลับคืนมาอีกครั้ง หมายถึง ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านหลังจากที่หลายปีของการแข่งขันและความตึงเครียดที่รุนแรง ซึ่งในวันนี้กำลังคิดเกี่ยวกับวิธีการที่จะลดความเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน ในขณะที่สภาความร่วมมือชาติอ่าวอาหรับกำลังสู่การล่มสลาย เพราะซาอุดิอาระเบียไม่สามารถควบคุมมันได้และดูเหมือนว่าการควบคุมและอำนาจของวอชิงตันในอดีตในภูมิภาคนี้เริ่มจะเสื่อมลง
แม้ว่าบางส่วนของสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้วและก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยิงโดรนและขีปนาวุธ เมื่อเร็ว ๆ นี้ซึ่งส่งผลให้อัตราการผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียลดลงไปครึ่งหนึ่ง แต่การโจมตีซีเรียของตุรกีและการโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย” ก็เป็นการเร่งการก่อตัวของปรากฏการณ์นี้อย่างเห็นได้ชัด
นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันยังกล่าวเสริมอีกว่า ตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ในปัจจุบันนี้ ย่อมแตกต่างจากภูมิภาคก่อนหน้านี้อย่างมากจากสองเหตุการณ์ดังกล่าว
ตามการเขียนเขา ระบุว่า สงครามในเยเมนจะจบลงแล้ว และอิหร่านจะหลุดพ้นจากการถูกคว่ำบาตรทางการเมืองและเศรษฐกิจจากสหรัฐ อิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย สงครามกลางเมืองในซีเรียก็จะสงบลง สหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ในตะวันออกกลางมานานหลายปี(นับจากปี 1945) ที่เคยเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวก็จะกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงทางการเมืองควบคู่กับจีน รัสเซีย อินเดียและสหภาพยุโรป
source: irna