อีกไม่กี่วันข้างหน้า นายกรัฐมนตรี Mahatir Mohammad แห่งมาเลเซียจะเยือนกรุงเตหะรานและมีกระแสรายงานว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซียวัย 94 ปีกำลังพยายามที่จะผลักดันแผนการจัดตั้ง “สหภาพอิสลาม”ให้บรรลุผลอันเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของเขาในการดำรงตำแหน่งผู้นำแห่งมาเลเซีย
นาย มหาธีร์ โมฮัมมัด ที่มีความคิดในการให้เสรีภาพทางเศรษฐกิจทำให้มาเลเซียกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจในรอบเกือบยี่สิบปี
แม้ว่าพวกเขาจะปกครองแบบเผด็จการด้วยอำนาจของตนเอง แต่ชาวมาเลเซียก็มีความสุขมากกับความสำเร็จในประเทศของพวกเขาและไม่เคยเกิดการประท้วงใดๆในช่วงดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำของมาเลเซีย
อย่างไรก็ตามมีนายกรัฐมนตรีหลายคนพยายามที่จะแทนที่เขา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จและในที่สุดเขา(มหาธีร์)ก็กลับไปคืนสู่ตำแหน่งของเขาในฐานะนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ตอนนี้นายมหาธีร์โมฮัมมัดมีความคิดที่ยาวไกลสำหรับตัวเขาเองด้วยการนำเสนอแผนในสร้างสหภาพอิสลาม
แม้ว่าวันนี้จะมีองค์กรที่เรียกว่าองค์กรการประชุมอิสลามหรือองค์กรความร่วมมืออิสลาม แต่สถานการณ์ในประเทศอิสลามนั้นแสดงให้เห็นว่าองค์กรดังกล่าวล้มเหลวในการตอบสนองความต้องการของชาวมุสลิม และด้วยเงื่อนไขที่ประเทศอิสลามเผชิญนั้นจำเป็นต้องมีการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างกันด้วยการจัดตั้งสหภาพอิสลาม
บางคนเชื่อว่าความขัดแย้งในหมู่ชาวมุสลิมอาจเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสหภาพดังกล่าว แต่อย่าลืมว่าประเทศในยุโรปได้ต่อสู้กันเองมานานหลายศตวรรษและเกิดสงครามโลกสองครั้ง แต่ในที่สุดก็ตระหนักว่าวิธีเดียวที่จะให้พวกเขามีความสงบสุขและแข็งแกร่งคือการรวมตัวกันนั่นคือการจัดตั้งสหภาพยุโรป
อาจกล่าวได้ว่ามุสลิมมีอะไรที่เหมือนกันมากกว่าชาวยุโรปบนพื้นฐานที่ว่าพวกเขาสามารถรวมตัวกันและจัดตั้งสหภาพได้
มุสลิมมีประมาณหนึ่งล้านห้าแสนคนทั่วโลกและประเทศอิสลามล้วนมีเสาหลักทางเศรษฐกิจสังคมและการทหาร แต่ก็ยังไม่มีสถานะเช่นนี้ในโลก
เมื่อเราพิจารณาความสามารถของแต่ละประเทศอิสลาม พบว่าบางประเทศมีความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีเช่นอิหร่านและในด้านการค้าและการลงทุนเช่นตุรกีหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซียและสิงคโปร์
ในเหล่านี้มีกำลังแรงงานหนุ่มสาวสูงมาก ในขณะที่ประเทศในยุโรปทุกวันนี้กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
มีบางประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในด้านทางการเงินและในด้านของอำนาจทางทหาร และการเป็นพันธมิตรทางทหารของพวกเขาก็สามารถที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อพวกเขาทั้งหมด
หลายปีที่ผ่านมา มีบางคนคิดว่าการจัดตั้งระบบกาหลิบ (คอลีฟะฮ์)ให้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง จะทำให้พวกเขาสามารถรวมประเทศอิสลามให้เป็นหนึ่งเดียวได้ แต่พวกเขาลืมตระหนักในข้อเท็จจริงที่ว่าในยุคปัจจุบันประเทศอิสลามมีพรมแดนของตนเองและไม่สามารถลบเขตแดนเหล่านี้ออกได้
ประเทศเหล่านี้ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างสงบสุขและสันติวิธีกับประเทศเพื่อนบ้านเช่นประเทศอื่น ๆ ในโลกและมีการแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
แต่เนื่องจากผู้นำของประเทศอิสลามจำนวนมาก เข้ามามีส่วนร่วมในการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโลกปัจจุบัน ทำให้ศัตรูมุสลิมได้ฉวยโอกาสนี้และพยายามขยายการแบ่งแยกและสร้างความแตกแยกระหว่างชาวมุสลิมทุกวันเพื่อให้ชาวมุสลิมไม่สามารถกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ถึงเวลาแล้วที่ผู้อาวุโสของประเทศอิสลามเช่นนายมหาธีร์โมฮัมมัดผู้ซึ่งได้รับความเคารพจากผู้นำคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ในประเทศอิสลาม และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ควรพยายามที่จะแก้ไขความแตกแยกและความขัดแย้งระหว่างมุสลิมเพื่อก่อและสร้างความสามัคคีในหมู่ชาวมุสลิมและ ผู้นำของประเทศอิสลามให้เป็นรูปธรรม และเหล่าผู้นำประเทศอิสลามควรตระหนักให้ดีว่าความอยู่รอดและอำนาจของมุสลิมทุกคนขึ้นอยู่กับความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียว
source: sputniknews.com