ทรัมป์ ทวีต ว่า เราไม่ได้ต้องการน้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลาง และในความเป็นจริงที่นั่นมีแทงค์เก็บน้ำมันน้อยมาก แต่เรายินดีจะช่วยพันธมิตรของเรา!!!
การโจมตีโรงงานน้ำมันของซาอุดิอาระเบียเมื่อสองวันก่อนทำให้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดการเงินระหว่างประเทศในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ (วันจันทร์ที่ 16กันยายน)
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ปฏิกิริยาของโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อสถานการณ์เหล่านี้
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทวีต ว่า “เราเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิและขณะนี้เราเป็นผู้ผลิตน้ำมันเบอร์หนึ่งของโลก เราไม่ได้ต้องการน้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลาง และในความเป็นจริงที่นั่นมีแทงค์เก็บน้ำมันน้อยมาก แต่เรายินดีจะช่วยพันธมิตรของเรา ! “
คำถามคือ…. อเมริกาไม่ต้องการน้ำมันจากตะวันออกกลางจริงหรือ !
สหรัฐฯนำเข้าน้ำมันดิบครึ่งหนึ่งจากซาอุดิอาระเบีย จะต้องเผชิญกับการปรับตัวสูงขึ้นของราคาก๊าซเนื่องจากการหยุดชะงักของการผลิตน้ำมันในซาอุดิอาระเบียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งประเด็นนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาและอาจเป็นข่าวร้ายสำหรับทรัมป์
ในวันนี้ราคาน้ำมันเบนซินได้เพิ่มขึ้นแล้วในบางส่วนของสหรัฐอเมริกา และได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ยในสหรัฐอเมริกาในขณะนี้อยู่ที่ 2 ดอลลาร์ และ 57 เซนต์ต่อแกลลอน (ประมาณ 3.8 ลิตร)
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าชาวแคลิฟอร์เนียในตะวันตกของสหรัฐฯจะเผชิญกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพราะแคลิฟอร์เนียขึ้นอยู่กับการนำเข้าจากซาอุดิอาระเบียเป็นอย่างมากและเนื่องจากอยู่ห่างจากแหล่งน้ำมันเช่นเท็กซัสและไม่มีท่อส่งน้ำมัน
ตามรายงาน ยูโรนิวส์ : ซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบมากกว่า 7 ล้านบาร์เรลต่อวันไปยังสหรัฐอเมริกาซึ่งมีอัตรามากกว่าการส่งออกไปยังทวีปเอเชียทั้งหมด ประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกน้ำมันทั้งหมดของซาอุดีอาระเบียไปยังสหรัฐอเมริกาส่งตรงจากฝั่งตะวันตกของประเทศ
นอกเหนือจากราคาเบนซินแล้ว ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งเป็นราคาที่กำหนดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันตก
น้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 20% เป็น71ดอลลาร์และ95เซนต์ ในการซื้อขายช่วงต้นวันนี้
สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นี่เป็นราคาน้ำมันที่สูงที่สุดในรอบห้าปี นับจากปี 1991
ราคาใน West Texas Intermediate เพิ่มขึ้นร้อยละ 15/50 ต่อบาร์เรล ทำให้ราคาสูงถึง 63 ดอลลาร์และ 34 เซนต์ต่อบาร์เรล ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
สถานการณ์เหล่านี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดสหรัฐเกือบ 11 %
เอเอพพี ยังรายงานถึงการอ่อนค่าของหุ้นของสายการบินและ บริษัทการเดินเรือในสหรัฐท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากการโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย
อย่างไรก็ตามจากการที่ได้อธิบายไปข้างต้น สามารถสรุปได้สหรัฐอเมริกาก็ยังคงต้องการน้ำมันจากตะวันออกกลางอยู่ดี ด้วยปริมาณสำรองที่มีอยู่เพียงแค่รองรับเชื้อเพลิงที่ต้องการในระยะสั้นเท่านั้น แต่เป็นที่ชัดเจนเลยว่าราคาที่สูงขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของมัน
ดังนั้น การทวีตครั้งนี้ของทรัมป์ดูเหมือนจะเป็นเกมส์ทางจิตวิทยามากกว่า เพื่อที่จะได้รีดเงินจำนวนมากขึ้นจากบรรดาผู้ปกครองชาติอาหรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดิอาระเบีย
กระนั้นก็ตาม ประธานาธิบดีสหรัฐเล็งถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งหน้าและการทวีตครั้งนี้ก็เพื่อพยายามลดผลกระทบด้านลบต่อประชาชนจากผลพวงของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
source: www.jamnews.com