รายงานจาก Al-Jazeera: ผู้สังเกตการณ์เชื่อว่าการตอบโต้ของอิหร่านต่อการโจมตีของผู้ก่อการร้ายพิธีสวนสนามในเมืองอาห์วาซ อาจจะมีขึ้นในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกับประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย เช่น ในประเทศเยเมน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะกำหนดเป้าหมายที่เป็นฐานของกลุ่มฝ่ายต่อต้านอิหร่านในดินแดนของประเทศเหล่านั้น
สำนักข่าว อัลญาซีร่า (Al Jazeera) รายงานในเรื่องนี้ โดยใช้หัวข้อว่า “การโจมตีก่อการร้ายพิธีสวนสนามอาห์วาซ …. อิหร่านจะเอาคืนและตอบโต้กลับที่ไหน เมื่อไหร่และอย่างไร?” ซึ่งเขียนเสริมว่า : อิหร่านยังไม่มีการแสดงข้อบ่งชี้ถึงลักษณะของการตอบโต้ต่อการโจมตี แต่คณะปฏิวัติฯ ระบุว่าการตอบโต้ของอิหร่านจะรุนแรงอย่างมาก และกองทัพของประเทศได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินคดีกับอาชญากรทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก
Faisal Abdul Sattar นักวิเคราะห์การเมืองเลบานอน กล่าวกับ สำนักข่าว Al Jazeera ว่า เตหะรานมีทางเลือกมากมายในการตอบโต้การโจมตี บางส่วนในระดับทางการทูต และบางส่วนเกี่ยวกับความปลอดภัยและระดับการทหาร
เขากล่าวเสริมว่า “ถ้าอิหร่านสามารถพิสูจน์ได้ว่าซาอุดิอาระเบียและยูเออีเอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตี พวกเขามีสิทธิที่จะตอบโต้”
แม้ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้าย Al-Ahwaziya และ ISIL ได้ออกมารับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้ แต่ในแถลงการณ์ของทางการอิหร่านไม่มีการอ้างอิงถึงแถลงการณ์ของทั้งสองกลุ่มเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการโจมตี และพวกเขาเชื่อว่ากลุ่มต่างชาติให้การสนับสนุนและจัดหาอาวุธให้กับผู้ก่อการร้ายเหล่านี้
ในขณะที่ มุฮัมมัด ญะวาด ชะรีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โพสต์บน Twitter ว่า : เหล่าผู้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภูมิภาคนี้และเจ้านายของพวกเขา(สหรัฐฯ) ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการโจมตีในเมืองอาห์วาซ
แถลงการณ์ของนายพลจัตวา Abolfazl Sharkari โฆษกอาวุโสของกองกำลังอิหร่าน ให้ข้อมูลที่ชัดเจนกว่าข้อความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อเขากล่าวย้ำว่า:ผู้ก่อการร้ายไม่ได้เป็นกลุ่มพวก ISIL และพวกเขาไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอื่นๆที่ต่อต้านอิหร่าน แต่พวกเขาได้รับการฝึกฝนโดยทั้งสองชาติอ่าวเปอร์เซียและมีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯและอิสราเอล
ชาวอิหร่าน ต่างกล่าวหาสหรัฐฯและอิสราเอลและสองประเทศอ่าวเปอร์เซียในเรื่องนี้ และดูเหมือนว่าพวกเขามีหลักฐานที่เพียงพอในการสนับสนุนข้อเท็จจริงต่อข้อกล่าวหาเหล่านี้ ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นคำแถลงของมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บินซัลมานที่พูดเกี่ยวกับการถ่ายโอนการสู้รบไปสู่ใจกลางแผ่นดินของอิหร่าน
Searlakshar Mamun Avonavar หัวหน้าฝ่ายผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธี กล่าวว่า อิหร่านจะไม่นิ่งเฉยกับการโจมตีครั้งนี้ และจะตอบโต้อย่างสาสม เพื่อที่จะรักษาศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็นประเทศหนึ่งที่มีอำนาจและประสิทธิภาพในภูมิภาค
เขากล่าวว่า “สถานที่ที่ดีที่สุดที่อิหร่านจะตอบโต้ คือเยเมน โดยผ่านกลุ่มอันศ็อรรุลลอฮ์” คาดว่าการโจมตีของกลุ่มเฮาซีย์ น่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ด้วยการกำหนดเป้าหมายในใจกลางยูเออี ผ่านการโจมตีโดยขีปนาวุธและอากาศยานไร้พลขับ
Avonavar กล่าวเสริมว่า ยังไม่ทราบว่าอิหร่านจะกำหนดเป้าหมายกลุ่มพันธมิตรทางทหารของยูเออีในทะเลแดงหรืออ่าวเปอร์เซีย โดยอ้างว่าอิหร่านมีองค์ประกอบในทั้งสองประเทศนี้ และด้วยเหตุนี้เองพวกเขาต้องเผชิญกับการคุกคามจากอิหร่านอย่างจริงจัง
ในทางกลับกัน เขาเชื่อว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่อิหร่านจะแสดงปฏิกิริยาตอบโต้อิสราเอลในที่ราบสูงโกลานที่ถูกยึดครองหรือกองกำลังอเมริกันในซีเรีย
บทสรุปสุดท้ายของรายงานชิ้นนี้ คือ จุดยืนและท่าทีของอิหร่านในเรื่องนี้นั้นควรติดตามเป็นอย่างมาก โดยหากคำนึงถึงแถลงการณ์ของนายฮัสซัน รูฮานี่ ประธานาธิบดีอิหร่าน ซึ่งได้พูดถึงยุทธศาสตร์ของประเทศในการตอบโต้ยังการโจมตีดังกล่าว โดยสรุปว่า คำตอบของเราจะเป็นไปตามกรอบของข้อกฎหมายและเพื่อผลประโยชน์ของประเทศอิหร่านเท่านั้น
Source:fa.shafaqna