เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ (15 มิ.ย.) บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ กลุ่มประชาชนจากหลายภาคส่วน และบรรดาทุตานุทูตของประเทศอิสลาม เข้าพบผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เนื่องในวโรกาสวันอีดฟิฏร์ โดยผู้นำสูงสุดย้ำว่า รัฐไซออนิสต์ เป็นปัจจัยหลักในการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในภูมิภาคและในหมู่ประเทศของอิสลาม
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวในการพบปะครั้งนี้ โดยถือว่า หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุด และองค์ประกอบของศักดิ์ศรีของสังคมอิสลาม และอิสลาม คือ ความเป็นเอกภาพ และการกำจัดความขัดแย้งระหว่างประชาชาติมุสลิม และเน้นย้ำว่า “ปัญหาของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ คือ ความไม่ถูกต้องและความไม่ชอบธรรมในการดำรงอยู่ของพวกเขา ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่เป็นผิดพลาด และด้วยกับเตาฟีกของพระผู้เป็นเจ้า และด้วยกับความเพียรพยายามของประชาชาติอิสลามจะทำให้รัฐเถื่อนไซออนิสต์ต้องล่มสลายอย่างแน่นอน”
ผู้นำสูงสุดอิหร่าน กล่าวเสริมว่า ด้วยกับประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นว่า ระบอบอิสราเอลไซออนิสต์นั้นมีไม่มีความชอบธรรม และประการนี้พวกเขาจะมิอาจดำรงอยู่ได้ต่อไปอีกอย่างยั่งยืน
หลังจากที่การสร้างฟิตนะห์ของอังกฤษ เชื้อโรคร้ายของระบอบยิวไซออนิสต์ได้หว่านเมล็ดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันตก ก่อให้เกิดความอัปยศในโลกอิสลาม และเป็นสาเหตุของความขัดแย้งและการปะทะกันระหว่างประเทศอิสลาม ระบอบการปกครองของยิวไซออนิสต์ ถูกสถาปนาบนแผ่นดินมาตุภูมิปาเลสไตน์บนพื้นฐานของการโกหก และการกระทำนี้ นำไปสู่การอพยพของชาวปาเลสไตน์ การยึดครอง การก่ออาชญากรรมรายวัน และข้อพิพาทระหว่างประเทศอิสลาม
การยึดดินแดนแห่งเยรูซาเล็ม และอัลกุดส์ (Quds) ซึ่งเป็นกิบละห์แรกของชาวมุสลิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในหมู่ชาวมุสลิม และนี่เป็นรากฐานของนโยบายทางการเมืองอังกฤษ และแม้นว่าการก่อตั้งรัฐเถื่อนไซออนิสต์นี้จะผ่านมาเป็นเวลาเจ็ดสิบปี มันก็ยังคงก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง
ระบอบยิวไซออนิสต์ได้รับการจัดตั้งขึ้นบนพื้นฐานของการใช้อำนาจ การคุกคาม การเข่นฆ่า และการขับไล่ประชาชาติออกจากดินแดนที่ตนยึดครองมา และในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ระบอบการปกครองนี้มีความชอบธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ การมุกอวิมัต และการยืนหยัดต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ และความล้มเหลวของกระบวนการปรองดองอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง เป็นข้อบ่งชี้ว่า ระบอบการปกครองของอิสราเอลจะไม่สามารถอยู่ได้ยั่งยืน แม้ในความพยายามที่จะทำให้ชาวอาหรับบางคนมีความสัมพันธ์แบบปกติกับอิสราเอล ภายใต้กรอบของโครงการ “ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ระบอบปกครองอิสราเอลมีความชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นเอง
รัฐเถื่อนที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับภูมิภาค แม้ว่าจะใช้อำนาจ การบังคับและการฆ่าก็ไม่สามารถเปลี่ยนภูมิศาสตร์ของปาเลสไตน์ได้ ซึ่งในคำพูดของผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า แผนที่ของปาเลสไตน์ไม่สามารถลบออกจากภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ของโลกได้
รับบี เดวิดไวส์ โฆษกกลุ่มต่อต้านยิวไซออนิสม์แห่งสหประชาชาติ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาได้ให้สัมภาษณ์และพูดคุยกับ PressTV โดยเน้นย้ำว่า: “การดำรงอยู่ของอิสราเอลเป็นสิ่งผิดกฎหมายและตรงกันข้ามกับหลักคำสอนในคัมภีร์โตราห์ (คัมภีร์ของชาวยิว) โดยพื้นฐานการยึดครองปาเลสไตน์จะขัดต่อพระบัญชาของพระเจ้าและต่อต้านหลักคำสอนในคัมภีร์โตราห์ ”
รับบีเดวิดไวส์ จากนั้นให้การสนับสนุนการยืนหยัดต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกดขี่ และประณามการก่ออาชญากรรมของยิวไซออนิสต์ในฉนวนกาซาและกล่าวว่า: “การดำรงอยู่ของอิสราเอลไม่ใช่แค่เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ระบอบนี้กำลังกดขี่ประชาชนและฆ่าชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง”
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ระบอบยิวไซออนิสต์ ทำการยึดครองและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ชาติอาหรับบางรายที่มีความอ่อนแอในอุดมการณ์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ได้สร้างสัมพันธ์กับระบอบอิสราเอล อีกทั้งให้การสนับสนุนการย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาไปยังเยรูซาเล็ม
การปรองดองระหว่างอาหรับกับอิสราเอล และการย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปยังกรุงเยรูซาเล็มเป็นไปตามแผนใหม่ในบริบทของข้อตกลงแห่งศตวรรษ ซึ่งผลลัพธ์ของมันไม่น้อยไปกว่าวัน Nakba Day นั้นคือ วันแห่งการลืมเลือนชาติปาเลสไตน์และเยรูซาเล็ม และทำให้ระบอบการปกครองยิวไซออนิสต์ดำรงอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
Shamir Meir นักวิชาการด้านตะวันออกศึกษาของอิสราเอล อธิบายเกี่ยวกับบทบาทของซาอุดีอาระเบีย ในข้อตกลงแห่งศตวรรษ โดยเชื่อว่า ข้อตกลงแห่งศตวรรษ เป็นโครงการพิเศษของรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และมกุฎราชกุมารแห่งโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของโครงการนี้”
ดังที่ผู้นำการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน กล่าว นโยบายในวันนี้ของมหาอำนาจในภูมิภาค คือ การสร้างช่องโหว่และความขัดแย้งให้เกิดขึ้นระหว่างบรรดามุสลิมและในหมู่ประชาชาติของประเทศอิสลาม และวิธีการเดียวในการเผชิญหน้ากับนโยบายของสหรัฐ ผู้เป็นอาชญากร และรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ก็คือ “การรู้จักถึงแผนการร้ายของศัตรูและการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับมัน ด้วยวิธีนี้ ความเพียรพยายามของประเทศอิสลามทั้งหมด จึงมีความจำเป็น และการรวมพลังเป็นเสียงหนึ่งเดียวในประเด็นปาเลสไตน์จะเป็นจุดสิ้นสุดและการล่มสลายของระบอบยิวไซออนิสต์”
Source: parstoday