strategic-culture: คลังสมอง (Think-tank) Katehon ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องอธิปไตยแห่งชาติรัสเซีย จากการรุกรานและการรัฐประหารโดยต่างประเทศ ได้เผยแพร่บทความ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม โดยอภิปรายถึง การที่สหรัฐฯกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อโจมตีรัสเซีย และได้รายงานว่า:
หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัสเซียและจีนระบุว่า กองกำลังก่อการร้ายกำลังหลบหนีทางทะเล จากซีเรียและอิรักตามเส้นทางจากท่าเรือกอซิม (Qasim) ในเมือง Karachi ประเทศปากีสถาน ไปยังเมือง Peshawarและกำลังกระจัดกระจายไปตามจังหวัด Nangarhar ทางตะวันออกของประเทศ
ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2560 ผู้นำขบวนการก่อการร้าย IS ย้ายจากซีเรียและอิรักไปยังอัฟกานิสถานเพิ่มเติมเป็นจำนวนกว่า 500 คน ในที่นี้ยังประกอบด้วย ผู้หญิงอีกกว่าหลายสิบคน แหล่งข่าวในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัสเซียกล่าวว่า “พวกเขาทั้งหมดอยู่ในจังหวัด Nangarhar พวกเขาเป็นพลเมืองของซูดานคาซัคสถาน สาธารณรัฐเชก อุซเบกิสถาน ฝรั่งเศส และอื่น ๆ”
การเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายไปทางทิศเหนือ มีการวางแผนที่จะดำเนินการในสองทิศทาง โดยในประเทศทาจิกิสถาน บรรดาหัวรุนแรงจะบุกเข้าไปทางจังหวัด Nuristan และ Badakhshan ส่วนในประเทศเติร์กเมนิสถาน – พวกเขาจะเข้าผ่านทางจังหวัด Farah, Ghor, Sari-Pul และ Faryab
ทั้งนี้ นาย Gulab Mangal ผู้ว่าการจังหวัด Nangarhar จะเป็นผู้สังเกตการณ์กิจกรรมสงครามในภูมิภาคนี้เป็นการส่วนตัว
Mangal มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับหลายหน่วยงานสืบราชการลับของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาได้เคยต่อสู้กับกองกำลังโซเวียต ในระหว่างการรณรงค์ในอัฟกานิสถานของสหภาพโซเวียต ทันทีหลังจากการรุกรานของสหรัฐฯในปี พ. ศ. 2544 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ารัฐบาลท้องถิ่นประจำพรรค Pashtuns ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมของเขา นอกจากนี้ Mangal ยังเป็นที่รักของสื่อตะวันตก สิ่งพิมพ์ส่วนใหญ่ในสื่ออเมริกันและอังกฤษ มักจะรายงานและเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นบวก และเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมีนัยสำคัญ BBC ยังเคยขนานนามเขาว่า “ความหวังของจังหวัด Helmand ” ซึ่ง Mangal เคยเป็นผู้นำมาก่อนหน้านี้
ตามที่ระบุโดยกระทรวงกลาโหมประเทศอัฟกานิสถาน กล่าวว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้นำของ IS มีแผนที่จะขยายการจัดหากลุ่มสมาชิกผู้ก่อการร้าย เพิ่มเติมอีกกว่า 1.2 พันคน โดยส่วนใหญ่ของสมาชิกเหล่านี้ จะถูกจัดตั้งให้อยู่ในจังหวัด ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Gulab Mangal และคนของเขา
เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งสองฐานประจำการสหรัฐฯที่ใหญ่ที่สุดในอัฟกานิสถานนั้น อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจังหวัด Nangarhar ที่มี Gulab Mangal ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการจังหวัด มันคงยาก หากจะทำให้เชื่อว่า สถานการณ์นี้ เป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญ
ในเวลาเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านชุมชนชี้ให้เห็นว่า แรงกดดันในทาจิกิสถานและเติร์กเมนิสถานจะเป็นเพียงหนึ่งในพาหะของการโจมตีแบบไฮบริด (สงครามพันทาง) ต่อรัสเซีย Valery Korovin ผู้อำนวยการศูนย์ความเชี่ยวชาญทางภูมิศาสตร์ มั่นใจว่า กรุงมอสโกควรเตรียมพร้อม สำหรับการรุกรานของฝ่ายตรงข้ามทางภูมิรัฐศาสตร์ในทุกด้าน: ในยูเครน อาจจะเป็นความขัดแย้งผ่านประเทศอาร์เมเนีย เช่นเดียวกับประเทศและรัฐอื่นๆหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต [Korovin รัฐ]:
“… การบ่อนทำลายเสถียรภาพของสถานการณ์ในเอเชียกลาง จะเป็นผลทำให้อเมริกาและพันธมิตรของสหรัฐฯสามารถบรรลุเป้าหมายหลายๆประการของตนได้ อันดับแรก ในกรณีนี้ วอชิงตันสามารถหันเหความสนใจของมอสโก และเตหะรานออกจากจากซีเรียได้ ประการที่สอง หากการดำเนินการประสบความสำเร็จ ความสั่นคลอนจะเกิดขึ้น ตามถนนของ แนวคิดเส้นทางสายไหมตวรรษที่ 21 (One-Belt-One-Road) ซึ่งเป็นโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงและการร่วมมือทางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ร่วมกันระหว่างยูเรเซีย นอกจากนี้ อัฟกานิสถานยังมีชายแดนติดกับอิหร่านทางด้านตะวันตก ซึ่งจะเป็นจุดที่มั่นสำหรับแนวรบใหม่ ในการต่อกรกับกรุงเตหะราน … เริ่มต้นด้วยแรงกดดันทางเศรษฐกิจผ่านการแซงก์ชั่นครั้งใหม่ และจบลงด้วย “การปฏิวัติสี” (Color revolutions) ที่จะดำเนินต่อไปในพื้นที่ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และการรุกรานโดยตรงจากเครือข่ายอเมริกัน อย่างเห็นได้ชัด สหรัฐอเมริกาไม่ได้ยึดครองอัฟกานิสถาน โดยการเข้าควบคุมการปกครองแบบเผด็จการทางทหาร ในความต้องการสร้างประชาธิปไตยและภาคประชาสังคม ณ ที่นั้น – นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายผู้ก่อการร้าย ด้วยความช่วยเหลือของสหรัฐฯในการเตรียมการเพื่อรุกรานอิหร่านและรัสเซีย ”
หากสิ่งนี้เป็นความจริง นั่นหมายความว่า ทรัมป์กำลังดำเนินการตามแผนการที่ประธานาธิบดี George Herbert Walker Bush ริเริ่มขึ้นในคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533 (1990) เพื่อพิชิตรัสเซียเอาไว้ แม้ว่าจะมีการยุติระบอบคอมมิวนิสต์ รวมไปถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และสนธิสัญญาวอร์ซอ และแม้ว่าสหภาพโซเวียตจะเคลื่อนออกจากอัฟกานิสถานในปีพ. ศ. 2532 (1989) เมื่อหนึ่งปีก่อนที่แผนลับของบุชจะเริ่มขึ้น แล้วก็ตาม
Peter Korzun เพื่อนร่วมงานของผู้เขียน ณ Strategic Cultural Fundation ได้นำเสนอกรณีที่ “แม้ว่าจะมีการเรียกร้องล่าสุดไปยังความขัดแย้ง ทว่าสหรัฐฯจะยังคงดำเนินการของตนต่อไปในซีเรีย” โดยเขากล่าวว่า “เมื่อเดือนที่แล้ว มีรายงานระบุว่า กองกำลังสหรัฐฯได้สร้างด่านทหารใหม่ขึ้น ณ แหล่งน้ำมัน al-Omar ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ Deir ez-Zor พวกเขาได้รับคำสั่งให้ไปประจำตำแหน่งที่บริเวณรอบ ๆ แหล่งน้ำมัน Conoco และ al-Jafreh – ในวันที่ 7 เมษายน บริเวณรอบ ๆ แหล่งน้ำมันใน Deir ez-Zor ได้ถูกประกาศเป็นเขตแดนทหารโดยกลุ่ม SDF ที่สหรัฐฯให้การสนับสนุน ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าว ได้ปะทะกับกองกำลังซีเรียในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงการควบคุมจังหวัดดังกล่าว”
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2560 (ค.ศ. 2017) ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่า ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 “โอบามาและเออร์โดกันของตุรกี ได้เริ่มปฏิบัติการร่วมกันย้ายกองกำลัง ISIS จากเมือง Mosul อิรัก ไปยัง Der Zor ของซีเรีย เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน (กับซาอุดิอาระเบีย) ในการใช้ ISIS เป็นเครื่องมือ ในการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด” และ “ทรัมป์ก็ได้ดำเนินการนโยบายของโอบามา” ในการสนับสนุนอัลกออิดะห์ต่อไป และแม้แต่ให้การสนับสนุนกลุ่ม ISIS ในซีเรียเป็นบางครั้ง ในเป้าหมายเพื่อแยกเอาส่วนภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันออกจากซีเรีย และสถาปนาเป็นรัฐต่างหาก ที่ควบคุมโดยสหรัฐฯ ในกรณีที่อเมริกา และซาอุดิอาระเบียต้องเผชิญกับความล้มเหลวในการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดจากการควบคุมทั้งประเทศซีเรีย