นายนูรีย์ อัลมาลีกีย์ นายกรัฐมนตรีอิรัค ได้แถลงว่า “ซาอุดิอาราเบีย และกาตาร์คือสองประเทศที่คอยสุมไฟให้กับเหล่านักรบ ในอิรัค และตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ ประเทศนี้ กลายเป็นประเทศที่ต้องพบกับการระดมโจมตี และการก่อการร้าย อย่างไม่อาจเปรียบได้เลย
เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม นายมาลีกี ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานี เฟรนส์ ๒๔ ว่า “ เหล่าประเทศอาหรับได้พยายามที่จะก่อสงคราม ด้วยการสร้างความแตกแยก และความรุนแรง ระหว่าง มัซฮับ ให้เกิดขึ้นในประเทศนี้ (อิรัค)
เขากล่าวว่า “เหล่าประเทศอาหรับ ได้พยายามสร้างความไม่มั่นคงให้เกิดแก่ประเทศ โดยการสนับสนุนกลุ่มนักรบต่างๆที่มีเชื่อมโยงกับเครือข่าย อัลกออิดะฮฺ “
นายกรัฐมนตรีอิรัคเผยว่า “พวกเขาได้โจมตีประเทศอิรัคโดยตรงและยังถือโอกาศโจมตีอิรัคผ่านทางซีเรีย และได้ประกาศสงครามกับประเทศนี้ เช่นเดียวกับที่ได้ทำกับซีเรีย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง เพราะรากของการทำสงครามในครั้งนี้ คือ มัซฮับ และการเมือง”
มาลีกีย์ ถือว่า ซาอุดี้ และกาตาร์ คือตัวการหลักที่ทำให้เกิดวิกฤติความมั่นคง ด้วยการเพิ่มกำลังพลผู้ก่อการร้าย และการสร้างความรุนแรงระหว่างมัซฮับ ในอิรัค ทั้งนี้เขาได้นิยามริยาฎ ว่า ประเทศนี้ คือประเทศที่ให้กับสนับสนุนต่อผู้ก่อการร้ายทั่วโลกอีกด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้เขายังเผยอีกว่า “ริยาฎ และโดฮา ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้ายทุกด้าน ทั้งทางด้านการเงิน การเมือง และทางด้านสื่อ เพื่อให้องค์กรก่อการร้ายเหล่านี้มีปัจจัยในการซื้ออาวุธสงครามและ โฆษณาชวนเชื่อ
ในขณะนี้ อิรัค ได้กลายเป็นประเทศ ที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์ ความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุด ในรอบ ๖ ปี ที่ผ่านมา และจังหวัด อันบาร ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา กลายสภาพเป็นศูนย์กลาง การปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะฮ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
นับตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการสลาย ค่ายการชุมนุมประท้วงแห่งหนึ่ง ความรุนแรงก็เริ่มต้นขึ้นในจังหวัดอันบารในทันที ทางฝ่ายรัฐบาลได้อ้างว่า “เนื่องด้วย กลุ่มก่อการร้ายได้ใช้ค่ายนี้ในการซ่องสุมกำลังพล และอาวุธ และเตรียมการโจมตี จึงต้องทำลาย ค่ายนี้ให้สิ้นซาก”
ตามสถิติอย่างเป็นทางการรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในอิรัคในช่วงเดือน มกราคม พุ่งขึ้นถึง ๑๐๑๓ คนแล้วและในเดือนเมษายนของปี ๒๐๐๗ ยังคงเป็นเดือนที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด เป็นประวัติการณ์ของประเทศอิรัค การโจมตีของผู้ก่อการร้าย ในเดือนล่าสุด ทำให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย ๕๐๐ คน ทั่วประเทศอิรัค
