หนังสือพิมพ์ ริอาล อัลเยามว์ ในบทบรรณาธิการเมื่อวันพุธ ที่ 18 ตุลาคมได้เผยถึงปมปริศนาและเป็นเรื่องน่าแปลก กรณีไม่พบตัวผู้นำไอซิสในรักกาห์ หลังจากการปลดปล่อยเมืองรักกาห์ และคาดการณ์ว่า : สมาชิกของพันธมิตรระหว่างประเทศจะต้องบาดหมางกันในเรื่องทรัพย์สินต่างๆของไอซิส
ไอซิสต้องสูญเสียเมืองรักกาห์และสำนักงานใหญ่ในซีเรียเพียงไม่กี่เดือน หลังจากการล่มสลายของเมืองโมซูลในอิรัก
เมืองโมซูล ( Mosul )ในอิรักเป็นเมืองที่หัวหน้าของไอซิส คือ อบูบักร์ อัลบักดาดีย์ ( Abu Bakr al-Baghdadi ) ได้ประกาศสถาปนารัฐคอลีฟะห์อย่างเป็นทางการ ในช่วงฤดูร้อนปี 2014 บนธรรมาสน์ของมัสยิดที่มีชื่อเรียกว่ามัสยิด Jami-Noori
ขณะนี้ หลังจากที่การปลดปล่อยเมืองโมซุลผ่านไปสามเดือน ในที่สุดเมืองรักกาห์ก็ได้รับการปลดปล่อยจากกองกำลังไอซิสเช่นเดียวก้ัน เมื่อวันอังคารที่ 17 ตุลาคม โดยกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย และการยอมจำนนของสมาชิกไอซิสมากกว่า 350 คน นอกจากนี้ เมืองดังกล่าวยังถูกควบคุมโดยกองกำลังชาวเคิร์ดในซีเรีย
หนังสือพิมพ์ ริอาล อัลเยามว์ ในบทบรรณาธิการประจำวันพุธ ได้เขียนบทความภายใต้หัวข้อ “ทำไมไม่พบตัวอัลบักดาดีย์และแกนนำคนสำคัญของไอซิสหลังการปลดปล่อยเมืองรักกาห์ ?” กล่าวว่า ปัญหาที่น่าสนใจคือ กองกำลังที่ครอบครองเมืองรักกาห์ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา เหตุที่ไม่พบร่องรอย การมีชีวิตอยู่หรือการตายของอบูบักร์ อัลบักดาดีย์ ( Abu Bakr al-Qaeda ) แม้แต่แกนนำคนสำคัญของกลุ่มนี้ก็ยังไม่ได้ถูกค้นพบ ทำให้เกิดปมคำถามมากมายเกี่ยวกับปริศนาที่น่าหวาดระแวงนี้
หนังสือพิมพ์ ริอาล อัลเยามว์ ชี้ว่า : ไอซิสอาจหายตัวไปจากภาคพื้นดิน และเข้าไปหลบซ่อนอยู่ใต้ดิน ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้ให้ความหมายว่า พวกเขาอาจมีส่วนร่วมในกิจกรรมลับในอาณาเขตของรัฐกำมะลอ และเมืองหลวงของตนโดยเปิดเผย โดยจะมีการใช้จ่ายต้นทุนที่ต่ำมากสำหรับกลุ่มนี้ และในทางกลับกันจะให้ฝ่ายตรงกันข้าม (ศัตรูของพวกเขา)ต้องออกค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการแก้แค้น
ในความเห็นของผู้เขียน ขณะนี้มีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้
ประการแรก : ความพ่ายแพ้ของไอซิสจะสร้างสุญญากาศทางการเมืองและการทหาร ดังนั้นคำถามที่เกิดขึ้นคือ สุญญากาศนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน จะมีอำนาจอื่นๆ เข้ามาเติมเต็มสุญญากาศนี้หรือไม่ แล้วพวกเขาเป็นใคร?
ประการที่สอง : กลุ่มพันธมิตรในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่รวมตัวกันต่อต้านและปราบปรามไอซิส ทว่า อันเนื่องจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างสมาชิก พวกเขาจึงถึงกาลล่มสลาย ดังนั้นคำถามจึงเกิดขึ้นมาว่า : อะไรคือผลของการล่มสลายของกลุ่มนี้และมันจะสะท้อนไปยังภูมิภาคนี้อย่างไร ?
ประการที่สาม : สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ประเด็นข้อเท็จจริงหลักที่รายงานว่า ยังมีแหล่งกบดานที่ปลอดภัยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่สำหรับไอซิสในซีเรียและอิรัก ดังนั้นเกิดคำถามขึ้นมาว่า จะมีเหตุผลและสิ่งจูงใจอันใดในการหาแหล่งกบดานที่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มหัวรุนแรงนี้และกลุ่มบ้าเลือด เช่นไอซิส และแน่นอนว่า ควรจะหาแนวทางการปฏิบัติอย่างชาญฉลาดมากกว่านี้ เพื่อสามารถทำลายแหล่งหลบซ่อนของไอซิสให้สูญสิ้นไปทั้งหมด
ประการที่สี่ : อะไรคือชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับเครือข่ายไอซิสในประเทศอาหรับและอิสลามจากคาบสมุทรซีนายในอียิปต์ไปยังเยเมน ลิเบียและอัฟกานิสถาน ? พวกเขาจะเข้ามาแทนที่เมืองรักกาห์และเมืองโมซูลหรือ? และพวกเขาจะมีฐานใหม่สำหรับการเริ่มต้นระยะที่สองของยุทธ์ศาสตร์ไอซิส หรือการโจมตีของผู้ก่อการร้ายหรือไม่ ?
ผู้เขียนได้เน้นย้ำว่า ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามเหล่านี้ ในขณะนี้ และกล่าวเสริมว่า “เราขอเลือกที่จะรอและเราไม่ลังเลที่จะพูดคุยเกี่ยวกับฝุ่นของเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งไอซิสเป็นปรากฏการณ์และความไม่แน่นอนของภูมิภาคและโลกที่มีอดีตที่เต็มไปด้วยความล้มเหลวภายในหกปีที่ผ่านมา”
แต่สิ่งที่เราคิดได้อย่างสรุปคือ ไอซิส และอุดมการณ์ของไอซิสจะไม่หายไปพร้อมกับการล่มสลายของเมืองรักกาห์ และการล่มสลายของเมืองหลวงของไอซิสในซีเรียจะเป็นการเปิดฉากบทใหม่สำหรับการปะทะกัน และเหตุการณ์นองเลือดระหว่างกลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศ ซึ่งพวกเขาต่างแสดงความยินดีที่สามารถพิชิตชัยได้ในเมืองรักกาห์…….
Source: islamtimes.org