เมื่อวันอังคาร (17 ) ที่ผ่านมามีข่าวดีสองเรื่องเกี่ยวกับการปราบปรามการก่อการร้าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้กับไอซิส ซึ่งกองกำลังประชาธิปไตยของซีเรียได้ประกาศถึงชัยชนะเหนือกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสในเมืองรักกาห์ และกลุ่มพันธมิตรต่อต้านการก่อการร้ายได้เปิดเผยว่า กลุ่มก่อการร้ายไอซิสได้สูญเสียพื้นที่ 87 เปอร์เซ็นต์ของดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาตั้งแต่ปี 2014 ในประเทศซีเรียและอิรัก
Skynewsarabia รายงานว่า “ไอซิสยอมจำนนและได้ล่มสลายลง” คือ หัวข้อข่าวดี อีกทั้งสื่อทั้งหมดได้แพร่ข่าวนี้ในห้วงเวลาครบรอบปีที่สามของการก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรต่อต้านไอซิส IS แต่ดูเหมือนว่า เหตุการณ์ปะทะ และก่อการร้ายนี้จะยังไม่สิ้นสุดในซีเรียและอิรักอย่างที่ตาดคิด
มีหลายรายงานกล่าวถึงเยาวชนจากกลุ่มก่อการร้าย โดยระบุว่า เงื่อนไขต่างๆของเด็กๆไอซิสถูกกำหนดวางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตือนว่า พวกเขาเหล่านี้คือ “ระเบิดเวลา”
จากรายงานที่ได้รับการตีพิมพ์ใน The Guardian ภายหลังจากที่เมืองโมซูลอิรักถูกปลดปล่อย ระบุว่า เด็กๆ ของไอซิส บางคนยอมจำนนต่อรัฐบาล แต่ก็ยังมีบางคนที่ซึ่งพ่อแม่ของพวกเขาถูกสังหารในเหตุปะทะกัน ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม และมีความเสี่ยงจะก่อเหตุเพื่อการแก้แค้น
The Guardian ระบุว่า เด็ก ๆ ของไอซิสเผชิญกับภัยคุกคามเพื่อการแก้แค้น และส่วนใหญ่ของพวกขาได้หลบซ่อนตัวอยู่ในค่ายทางภาคเหนือของประเทศอิรัก และไม่มีแผนในการเยียวยาพวกเขาแต่อย่างใด
กองทุนเพื่อการคุ้มครองเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ยังล้มเหลวในการระบุจำนวนที่แน่นอนของพวกเขาและรัฐบาลอิรักก็ตัดสินใจที่จะละเว้นในการนี้ เนื่องจากประเด็นมีความละเอียดอ่อน
ตามรายงานเผยว่า ความห่างไกลและความล่าช้าในการดำเนินการถือเป็นอุปสรรคต่อยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ มันเป็นเหมือนการเทน้ำมันลงบนกองไฟที่ราดลงไปบนเด็กๆที่ถูกสังคมปฏิเสธเหล่านี้
การสิ้นสุดของไอซิสในซีเรียและอิรัก ได้ทำให้เกิดวิกฤติที่ต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอ และมีแผนการดำเนินการเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว ตัวอย่างเช่น ตามที่ UNICEF ได้เผยว่า เฉพาะในอิรักเพียงอย่างเดียวมีเด็กกว่า 5 ล้านคนจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเร่งด่วน สำหรับการเยียวยาด้านจิตใจด้วยจิตวิทยา
สถิติอย่างเป็นทางการระบุว่า จากเด็กชาวอิรักจำนวน 8 ล้านคน เด็ก 2 ล้านคนได้ออกจากโรงเรียนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับให้ไปโรงเรียนด้วยเหตุผลหลายประการ เช่นการย้ายครอบครัวหรือการเข้าสู่ตลาดแรงงาน และส่วนใหญ่ยังไม่มีโอกาสที่จะจบการศึกษา
นอกจากนี้ สถานการณ์ของเด็กเหล่านี้ในค่ายผู้อพยพและผู้ลี้ภัยมีความเลวร้ายยิ่ง สถิติในประเทศซีเรียที่ถือว่าเป็นวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง เลวร้ายและเลวร้ายยิ่งขึ้นภายใต้กฎหมายสงคราม
“ลูกๆสิงโตของรัฐคอลีฟะห์”
เมื่อพิจารณาถึงแฟ้มประวัติของบรรดาเด็กๆที่ถูกไอซิสดึงเข้าร่วมกลุ่มและถูกบังคับให้เข้าสู่การปะทะ และการต่อสู้ ทำให้วิกฤติในประเทศซีเรียและอิรักต้องเลวร้ายลง
สถิติของศูนย์สิทธิมนุษยชนซีเรียระบุว่า เฉพาะในประเทศซีเรีย มีเด็กราว 1,200 คนที่ได้เข้าร่วมกลุ่มที่เรียกว่า “ลูกสิงโตของรัฐคอลีฟะฮ์” ในปี 2015
ในเมืองโมซูลอิรักจำนวนเด็กเหล่านี้มากถึง 900 คน
หนึ่งในแกนนำไอซิสกล่าวว่า ในเวลาเพียงแค่หนึ่งปีที่เมืองนัยนาวา เราได้ชักชวนเด็กๆได้มากถึง 4,500 คน
เด็ก ๆ เหล่านี้จะสามารถลืมความหวาดกลัวและการฆ่าฟันและการนองเลือดได้หรือไม่? นี่เป็นคำถามที่การวิเคราะห์ทางจิตวิทยายังไม่สามารถตอบได้…..!
Source: isna.ir