กลยุทธ์มารของ “อเมริกา” ขู่ฉีกสัญญาข้อตกลงนิวเคลียร์ “อิหร่าน” !

192

ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน ไม่ได้คำนึงถึงบทเรียน 38 ปีที่ผ่านมาของบรรดานักการเมืองแห่งชาติของเขา ซึ่งได้พ่ายแพ้ในการตั้งตนเป็นปรปักษ์กับชาติอิหร่าน และไม่ได้คำนึงถึงคำแนะนำของบรรดาชาติที่ร่วมลงนามบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ จึงได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ขึ้นมา โดยการปฏิเสธที่จะให้การรับรองว่า อิหร่านปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้กับกลุ่มชาติมหาอำนาจเมื่อปี 2015 และเรียกร้องความต้องการดังกล่าว สิ่งนี้ยังได้สะท้อนถึงความโลภของรัฐบาลทรัมป์

กลยุทธ์ใหม่ของสหรัฐอเมริกาประกอบด้วยสามส่วน ดังนี้:

  1. เพิ่มมาตรการที่เข้มงวดต่อการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยทำให้อิหร่านต้องลำบากมากขึ้นในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
  2. พิจารณาตรวจสอบโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน
  3. วิธีการรับมือกับกิจกรรมของอิหร่าน ซึ่งตามที่ทรัมป์กล่าวอ้างคือ จะนำไปสู่ความไม่มั่นคงในตะวันออกกลาง

พื้นฐานที่ชัดเจนของความต้องการของทรัมป์ คือ เขามองว่าผลลัพธ์ในข้อตกลงดังกล่าว สร้างความเสียหาย ขาดทุน และเสียเปรียบสำหรับสหรัฐอเมริกา และเชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวจะอนุญาตให้อิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ในท้ายที่สุด แต่ถ้าหากมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้อิหร่านเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์ได้

ตรงกันข้ามกับพื้นฐานดังที่ว่ามา ความจริงก็คือ ผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา มีล็อบบี้ยิสต์อิสราเอลที่มีบทบาทและมีความสำคัญต่อรัฐบาลสหรัฐฯ และจากการที่แผนของสหรัฐฯในตะวันออกกลางเป็นอันต้องล้มเหลวลง ด้วยชัยชนะของกองกำลังมุกอวิมัต(กองกำลังต้อต้าน)ในซีเรีย อิรักและเลบานอน ทำให้การดำรงอยู่ของระบอบอิสราเอลต้องตกอยู่ในสภาพที่เสี่ยงและอันตราย ทำให้พวกเขามีความหวาดวิตก และกังวลในเรื่องนี้อย่างมาก  พวกเขาจึงต้องการแก้แค้นอิหร่านผ่านการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์  และสาเหตุที่ต้องเป็นอิหร่านสำหรับกลยุทธ์นี้ เป็นเพราะพวกเขาถือว่า อิหร่านเป็นแกนหลักของแนวรบของเหล่ากลุ่มมุกอวิมัตต่างๆ  และพวกเขาเชื่อว่าถ้าอิหร่านถูกกดดัน พวกเขาก็จะสามารถหาทางออกสำหรับแผนการเพื่อครอบงำตะวันออกกลางได้ 

ทัศนคติที่ไม่ดีเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า บรรดาผู้ปฏิบัติงานด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯในปัจจุบัน ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจาก 38 ปีที่ผ่านมา ในการปฏิสัมพันธ์กับอิหร่าน และความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องของพวกเขา

นอกจากนี้ ในคำพูดของทรัมป์ ยังแสดงให้เห็นถึง การยอมรับว่าอิหร่านได้ยึดมั่นในการปฏิบัติตามข้อตกลง   และการยอมรับนี้ เป็นเรื่องน่าทึ่งและเป็นบทเรียนราคาแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลภายในประเทศที่ต้องการจะทำลายการบรรลุข้อตกลงทั้งหมด นอกจากนี้ทั้งสามส่วนของกลยุทธ์ของทรัมป์ ยังสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะฉ้อโกงของยุทธวิธีนี้ รวมถึงเป้าหมายที่เห็นแก่ตัวมากเกินไปของเขาและเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอีกด้วย

การกำกับดูแลและการตรวจสอบต่อข้อตกลงนิวเคลียร์อย่างเข้มงวด ถ้ามันหมายถึงการกำกับดูแลของ IAEA แล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงขณะนี้ อิหร่านก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดและแม่นยำมากที่สุด อีกทั้ง IAEA ก็ได้ประกาศไปถึงแปดครั้งว่า อิหร่านได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของตน และไม่ได้กระทำการละเมิดใดๆ  และหากมีวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการกำกับดูแลของ IAEA  แล้ว ก็นับได้ว่า เป็นความต้องการเพื่อประโยชน์ส่วนตนที่ไร้เหตุผลและขัดแย้งกับข้อตกลง และอิหร่านเองก็จะไม่ยอมแพ้ และอ่อนข้อในความต้องการที่ทุจริตนี้เช่นนี้

การจัดการโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน ถือเป็นความต้องการที่ทุจริต และเป็นการแทรกแซงอย่างเห็นได้ชัด ทรัมป์กำลังเรียกร้องให้จำกัดอุตสาหกรรมขีปนาวุธของอิหร่าน เนื่องจากความยิ่งผยองของเขาเอง ซึ่งเป็นความต้องการที่ตรงข้ามกับความมั่นคงของประเทศ และฐานการป้องกันประเทศของตน แม้เช่นนั้น ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

ทางด้านเจ้าหน้าที่ของอิหร่านกล่าวว่า ปัญหาขีปนาวุธของอิหร่านไม่สามารถเจรจาต่อรองในทางใดๆได้  และอิหร่านจะไม่มีวันยอมให้รัฐบาลประเทศใด หรือบุคคลใดมากำหนดการปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้กับอิหร่าน

ความโกรธแค้นของทรัมป์ที่มีต่อขีปนาวุธของอิหร่าน และกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามนั้น เป็นผลมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า อิหร่านกลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ในด้านอุตสาหกรรมขีปนาวุธขั้นสูงและกำลังทหารที่ทรงพลัง และความพยายามของอเมริกาและทรัมป์ เป็นไปเพื่อลดทอนอำนาจนี้ ในแผนการนำเสนอกลยุทธ์สวาปามของทำเนียบขาวในภูมิภาคนี้

พวกเขาคิดว่า ศักยภาพของอิหร่านเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้ของพวกเขา และกำลังพยายามเอาชนะอุปสรรคนี้ แต่ประชาติอิหร่าน รวมเจ้าหน้าที่และหน่วยงานกลับมีความเป็นเอกภาพ และด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ชาติอิหร่านจึงไม่มีวันอนุญาตให้ประเทศใด และชาติใดเข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้ และจะทำให้แผนการร้ายของบรรดาชาติมหาอำนาจต้องล้มเหลว เหมือนกับที่พวกเขาได้ล้มเหลวมาแล้วก่อนหน้านี้

Source: akharinkhabar.ir